หยางเฉินในตอนนี้ เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถ้าเซตผมเท่ๆ อีกหน่อยละก็ เกรงว่าพวกซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียระดับโลกพวกนั้นก็คงสู้เขาไม่ได้
แม้แต่หม่าชาวที่อยู่ข้างๆ พอเห็นหยางเฉินที่เป็นแบบนี้ ยังรู้สึกอิจฉามากเลย
“แจ๋ว เอาชุดนี้แหละ!”
ฉินซีพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น หยิบบัตรเดบิตออกมาอย่างภาคภูมิใจ แล้วยื่นมันให้พนักงานไป “เช็กบิล!”
“เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ!”
พูดจบ หยางเฉินก็ตั้งใจจะเปลี่ยนไปใส่ชุดเก่า สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสนใจเรื่องเสื้อผ้าอย่างเขานั้น การที่จู่ๆ ต้องเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ แถมยังเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากที่เคยใส่ มันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนกัน
“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ใส่ชุดนี้แหละค่ะ!”
กว่าฉินซีจะเลือกเสื้อผ้าที่พอใจได้มันก็ไม่เรื่องง่ายๆ เลย แล้วจะปล่อยให้หยางเฉินไปเปลี่ยนออกได้ยังไงล่ะ?
“พี่เฉิน มันโอเคมากเลย พี่ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก!”
อ้ายหลินทนไม่ไหวจนต้องพูดห้าม
“ใช่ ไม่ต้องเปลี่ยน!”
หม่าชาวก็รีบช่วยพูดเหมือนกันตอนนี้เขาเองก็ถูกอ้ายหลินจับให้เสื้อผ้าที่ทันสมัยไปทั้งตัวเหมือนกัน และเขาก็รู้สึกอึดอัดไม่ต่างอะไรกับหยางเฉินเลย
มีหยางเฉินแต่งตัว ก็ยังพอช่วยเขาดึงดูดความสนใจได้บ้าง
ด้วยความจนใจ หยางเฉินจึงต้องรับปาก
“โอ้ว! นี่มันอ้ายหลินไม่ใช่เหรอ?”
ทันใดนั้น ก็ได้มีน้ำเสียงที่เยาะเย้ยดังขึ้นอย่างกะทันหัน
พอพวกเขาหันไปมอง ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งได้เดินเข้ามาในร้านเหมือนกัน
ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดๆ คนหนึ่ง กำลังเดินควงแขนของชายคนหนึ่งเข้ามา
เพียงแต่ หน้าตาของชายคนนั้นมันดูไม่น่านับถือสักเท่าไหร่ เขาเป็นชายที่ร่างกายอ้วนท้วม ใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ หนังหน้ามันวาว แถมผมก็หวีจนเงาวับ
ตอนนี้ สายตาของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉินซีไม่ขยับไปไหน แถมแววตายังเป็นประกายด้วย
หยางเฉินขมวดคิ้ว แล้วได้ดึงตัวฉินซีไปหลบไว้ข้างหลังโดยอัตโนมัติ
เดิมทีฉินซีก็เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยมากอยู่แล้ว การจะถูกผู้ชายคนอื่นมองมันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่สายตาของไอ้อ้วนนี่ มันทำให้ฉินซีรู้สึกอึดอัดมาก
“นี่สินะไอ้แมงดาที่เธอเลี้ยงดูน่ะ?”
ผู้หญิงแต่งหน้าจัดจู่ๆ ก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
“นี่เธอว่าใครเป็นแมงดาห๊ะ?”
หม่าชาวโมโหขึ้นมาทันที แล้วก้าวไปข้างหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะอ้ายหลินห้ามไว้ เขาคงลงมือไปแล้วจริงๆ
ถึงตำแหน่งของเขาจะเทียบกับหยางเฉินไม่ได้ แต่ที่ชายแดนเหนือ เขาเองก็เป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตเหมือนกัน
ด้วยความที่เขาคอยติดตามหยางเฉินอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ราศีของเขาถูกบดบังไป
ตอนนี้ดันมาโดนผู้หญิงคนหนึ่งหาว่าเป็นแมงดา แล้วจะไม่ให้โมโหได้ยังไงล่ะ?”
“หลินเจียว เขาเป็นคู่หมั้นของฉัน! หัดพูดจาให้มันดีๆ หน่อย ก่อนที่จะว่าคนอื่น ก็หัดหันดูตัวเองซะบ้าง”
อ้ายหลินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย พูดจบ ยังจงใจมองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หลินเจียว พร้อมกับสายตาที่เยาะเย้ย
หลินเจียวจะไปเข้าใจความหมายของอ้ายหลินได้ยังไง และได้โมโหขึ้นมาทันที “อ้ายหลิน นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไรเลย!”
อ้ายหลินกะพริบตาปริบๆ แล้วจงใจหันไปถามฉินซีที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “นี่เสี่ยวซี ฉันพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินซีก็ให้ความร่วมมือโดยการส่ายหน้า “ก็ไม่นี่คะ!”
อ้ายหลินหันไปมองหม่าชาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคะ ทั้งที่คุณดำขนาดนี้ ทำไมยังมีคนตาบอด หาว่าคุณหน้าขาวอีกกันนะ?”
หม่าชาวถึงกับหน้าเหว๋อ นี่เธอกำลังพูดจาทำร้ายจิตใจเขาไปกับพวกนั้นด้วยเหรอ?
แต่ทว่า คำพูดต่อไปของอ้ายหลินก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
ได้ยินเพียงแค่อ้ายหลินพูดอย่างมีความนัยน์ว่า “แต่ว่า ต่อให้หน้าของเขาจะดำอีกสักแค่ไหน ก็ยังดีกว่าพวกผู้ชายที่ใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ หนังหน้ามันวาวเยอะตั้งหลายเท่า ผู้ชายที่อ้ายหลินคนนี้ชอบ จะไปด้อยกว่าผู้ชายที่ไร้ค่าได้ยังไง?”
คำพูดของอ้ายหลิน ทำให้หลินเจียวเดือดดาลขึ้นมาทันที “นี่เธอด่าใครว่าเป็นผู้หญิงไร้ค่ากันห๊ะ?”
หยางเฉินกับฉินซีต่างก็ทำหน้าตกใจ พวกเขายังไม่เคยได้เห็นมุมที่ปากร้ายของอ้ายหลินมาก่อนเลย ด่าคนโดยที่ไม่ใช้คำหยาบแม้แต่คำเดียวก็สามารถทำให้อีกฝ่ายโมโหถึงขนาดนี้
ผู้ชายหน้ามันที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินเจียวตอนนี้สีหน้าก็ได้เคร่งขรึมลงไป คำพูดของอ้ายหลินนั้น มันช่างทำร้ายจิตใจของเขาเหลือเกิน
คนเราก็เป็นแบบนี้ ยิ่งเป็นจุดที่เป็นข้อด้อยของตัวเอง ก็ยิ่งไม่อยากให้คนพูดถึงมันมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันเคยเอ่ยถึงชื่อเธอมั้ย?”
อ้ายหลินยังคงทำตัวใจเย็น แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “แน่นอน ว่าถ้าเธออยากที่จะรับมันไว้ ฉันเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร”
“นี่เธอ……”
หลินเจียวโกรธจนกระทืบเท้า การที่จะมาต่อปากต่อคำกับอ้ายหลินนั้น ยังไงเธอก็ไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้ชายของตัวเอง “คุณคะ นังสารเลวนี่มันว่าร้ายฉัน คุณช่วยฉันสั่งสอนมันหน่อยนะคะ!”
แววตาของชายหน้ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาล หรี่ตาแล้วพูดกับอ้ายหลินว่า “ขอโทษคู่หมั้นของฉันเดี๋ยวนี้!”
อ้ายหลินจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมถึงต้องขอโทษด้วย? แต่เป็นผู้หญิงของคุณต่างหากที่ปากเหม็นเกินไป เปิดปากมาก็แมงดาเลย เธอพูดจาทำร้ายแฟนของฉัน ถ้าต้องขอโทษ ก็ต้องเป็นเธอนั่นแหละที่ต้องพูด!”
“เดิมทีก็เป็นแมงดาอยู่แล้ว ฉันพูดอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?”
อ้ายหลินพูดไปขำไป “งั้นก็แนะนำกันหน่อยเป็นไง?”
ข้างๆ ของเธอมีจอมพลแห่งชายแดนเหนือยืนอยู่ด้วยทั้งคน ตำแหน่งเทียบเท่าราชาของราชวงศ์แห่งจิ่วโจว ต่อให้เป็นทั้งจิ่วโจว จะมีสักกี่คนที่กล้ามาทำตัวอวดเบ่งต่อหน้าเขา?”
เธอไม่ได้เป็นห่วงว่าฐานะของแฟนหลินเจียวจะทำให้เธอลำบากอะไรมากมายเลย
“เขาชื่อเถียนซินหยู่ เป็นสมาชิกของตระกูลเถียนหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู!”
หลินเจียวแนะนำด้วยสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจ แต่กลับไม่เห็นความหวาดกลัวใดๆ จากสีหน้าของอ้ายหลินเลย แต่แววตากลับดูขบขันขึ้นมาซะอย่างนั้น
เถียนซินหยู่ก็ทำหน้าหลงตัวเองเหมือนกัน เหมือนกำลังรู้สึกภูมิใจในฐานะของตัวเองมากๆ
“เหรอ! แต่ยังไงต่อ?” จู่ๆ อ้ายหลินก็ถามขึ้นมา
ในครั้งนี้ หลินเจียวก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้วจริงๆ
จู่เธอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ว่าเธออธิบายฐานะของเถียนซินหยู่ไม่ชัดเจนรึเปล่านะ?
“แฟนของฉันเป็นสมาชิกของตระกูลเถียน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู! การที่เธอกล้าพูดจาทำร้ายเขา มันก็เท่ากับการพูดจาทำร้ายตระกูลเถียน ถ้าเธอไม่ขอโทษ ตระกูลอ้ายจะต้องได้รับการเล่นงานอย่างหนักแน่นอน!” หลินเจียวพูดด้วยความโมโห
“เหรอ! งั้นพวกเธอก็รีบไปเล่นงานเลยสิ”
จู่ๆ อ้ายหลินก็หมดอารมณ์ที่จะเล่นต่อ ควงแขนของหม่าชาวแล้วพูดไปว่า “การพูดกับพวกไร้สมองน่ะ มันมีแต่จะเปลือกน้ำลายเปล่า ไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ เราไปกันเถอะค่ะ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
อ้ายหลินกับหม่าชาวเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงตะคอกของเถียนซินหยู่ก็ได้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ครั้งนี้ เขาถูกยั่วโมโหเข้าแล้วจริงๆ
ความเมินเฉยของอ้ายหลิน มันช่างขัดใจเขาซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นถึงผู้สืบสายเลือดของตระกูเถียน แต่กลับถูกคนรุ่นหลังของตระกูลอ้ายที่อ่อนแอกว่าตระกูลเถียนเป็นไหนๆ มาเยาะเย้ยซะได้
“ที่รักคะ เขาดูน่ากลัวมากเลย คุณต้องปกป้องฉันนะคะ!”
ความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในแววตาของอ้ายหลิน เธอกอดแขนของหม่าชาวแน่น แล้วพูดจาออดอ้อนออกมา
ที่รักเพียงคำเดียว บวกกับน้ำเสียงที่ไม่ปกติของอ้ายหลิน มันก็ทำให้หม่าชาวมีกำลังฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเขารีบเขามาขวางอยู่ตรงหน้าขออ้ายหลิน แล้วพูดออกมาด้วยความองอาจว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วง มีผมอยู่ด้วย ใครที่มันกล้ารังแกคุณ ผมจะเอามันให้ตายเลย!”