เฉินอิงเหาที่ยืนอยู่ข้างหลังหยางเฉิน ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นกลุ่มคนฝูงใหญ่ เขารู้สึกเพียงว่าเลือดในตัวเขากำลังพลุ่งพล่าน
เขามาที่เยี่ยนตูได้สักพักแล้ว และเขารู้ดีว่าจะระดมคนเป็นพันคนมาได้ภายในสิบนาทีมันหมายถึงอะไร
เดิมทีหยางเฉินพูดว่าจะให้ตระกูลเฉินเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ เขาคิดว่าหยางเฉินแค่พูดเล่น ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าหยางเฉินไม่ได้พูดเล่น แต่ทำให้ตระกูลเฉินเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ได้จริงๆ
“เมื่อกี้คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่า กำปั้นใครใหญ่ เหตุผลก็ขึ้นอยู่กับคนนั้นแหละ? ตอนนี้จะให้ฉันเรียกราคาทำไม?” หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาดำขลับของไช่โหย่วเหวยดูเย็นชา เขากัดฟันและพูดว่า “ฉันยอมแพ้!”
หากไช่โหย่วเหวยคุกเข่าขอความเมตตาในทันที บางทีหยางเฉินคงไม่เอาเรื่องไช่โหย่วเหวย แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาพยายามก้มหัวเพื่อให้ความปลอดภัย ซึ่งถือว่าก็ยังเป็นคน
แต่ว่าหยางเฉินไม่เคยมีความเมตตาต่อคนที่ต้องการจะฆ่าเขา
“ไช่โหย่วเหวย เมื่อกี้คุณยังหยิ่งผยองอยากจะให้คุณหยางรู้สึกเหมือนตายซะยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมแพ้ซะแล้วล่ะ”
หลังจากลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ในที่สุดเฉินอิงเหาก็ก้าวออกมาและพูดด้วยสีหน้าประชดประชันว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่คือกลยุทธ์ของคุณที่จะชะลอการโจมตีของคู่ต่อสู้ใช่ไหม? หลีกเลี่ยงการโจมตีจากคู่ต่อสู้ก่อน แล้วพอกลับไปก็รวบรวบกำลังคนเพิ่ม แล้วค่อยกลับมาจัดการกับคุณหยาง?”
“แกเป็นใคร? มีคุณสมบัติที่จะคุยกับกูด้วยเหรอ?” ไช่โหย่วเหวยถามด้วยความโกรธ
ในฐานะทายาทของตระกูลไช่ที่กำลังจะขึ้นครองตำแหน่งคนต่อไปของตระกูลไช่ที่ควบคุมสถานบันเทิงของเมืองเยี่ยนตูเกือบครึ่ง ถ้าจะให้เขาก้มหัวให้กับหยางเฉินมันคงเพราะจำใจ แต่กับเฉินอิงเหาชายหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย
“ถ้าไม่มีตระกูลไช่ แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
เฉินอิงเหาโต้กลับโดยปราศจากความกลัวในสายตาของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินอยู่ที่นี่ นับประสาอะไรกับการตอบโต้กับไช่โหย่วเหวยอย่างโกรธเคือง แค่ไช่เหวินกับไช่กวาง เขาก็ยังต้องตอบโต้อย่างระมัดระวัง
ดวงตาของไช่โหย่วเหวยเหลือบมองที่เฉินอิงเหาอย่างเฉียบคมและพูดว่า “พ่อหนุ่ม ฉันจำแกได้ แกจะต้องเสียใจทีหลังแน่!”
เฉินอิงเหาเป็นเพียงแค่เด็กที่มาจากเมืองโจวเฉิงเมืองเล็กๆ ถ้าดูจากออร่าแล้วเขาไม่มีทางสู้ไช่โหย่วเหวยได้เลย
ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
นอกจากตระกูลเฉินจะเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นตระกูลไช่ไม่มีทางปล่อยตระกูลเฉินไปแน่
หยางเฉินยิ้มโดยไม่พูดอะไรและไม่คิดที่จะออกหน้าช่วยเฉินอิงเหาในตอนนี้ เด็กคนนี้ยังต้องฝึกฝนอีกมาก
ตระกูลเฉินเป็นครอบครัวที่จงรักภักดีที่อยู่ข้างกายเขาครอบครัวหนึ่ง และเฉินอิงเหาในฐานะทายาทรุ่นที่สาม ยังจำเป็นต้องสั่งสอน
“เฉินอิงเหา แกนี่กล้าจริงๆ แกคิดว่ามีคนหนุนหลุงอยู่แล้วแกจะมีคุณสมบัติทำตัวเจ๋งต่อหน้าพ่อฉันเหรอ?”
ไช่เหวินที่นอนอยู่บนเปลหามกัดฟันและพูดว่า“ฉันจะบอกแกให้ว่า แม้คุณปู่ของแกจะอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้ความว่าแกจะมีคุณสมบัติที่จะพูดกับพ่อฉัน เข้าใจไหม?”
ไช่เหวินกับเฉินอิงเหารู้จักกันมาก่อน ดังนั้น เขาจึงรู้ดีว่าสถานการณ์ของตระกูลเฉินเป็นอย่างไร
เฉินอิงเหาเหลือบมองหยางเฉิน และเห็นว่าหยางเฉินไม่คิดจะออกหน้าให้ เขาก็เข้าใจแล้วว่าหยางเฉินกำลังฝึกเขาอยู่
ถ้าคำพูดไช่เหวินทำให้เขากลัวง่ายๆแบบนี้แล้ว เขาจะมีคุณสมบัติอะไรทำงานให้หยางเฉินได้?
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินซิงไห่พูดไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่า ท่านราชาสวรรค์นภาจะมา เขาก็ต้องยืนข้างหยางเฉิน และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
“ไช่เหวิน แกขู่ฉันไม่ได้หรอก ถ้าทำให้ฉันกลัวได้ ฉันคงไม่ให้คนหักแขนหักขาแกหรอก”
เฉินอิงเหาเย้ยเยาะและพูดอย่างห้าวหาญ
แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นคนออกคำสั่งให้ทำร้ายไช่เหวินแต่คนที่ลงมือกลับเป็นคนของเขา
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ไช่เหวินก็รู้สึกอารมณ์ขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขากัดฟันและพูดว่า “เฉินอิงเหา แกตายแน่ ต้องตายอย่างน่าสมเพช ฉันสาบาน!”
เมื่อเห็นหยางเฉินไม่พูด ไช่กวางเข้าใจว่าหยางเฉินรู้สึกหวาดกลัว จึงพูดขึ้นด้วยท่าทางอาฆาตว่า “เฉินอิงเหา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกระวังตัวไว้ให้ดี โดยเฉพาะคนใกล้ตัวแก”
“ตอนนี้อุบัติเหตุเยอะแยะไป ไม่แน่ว่าตอนกำลังข้ามถนนอาจจะถูกรถชนตาย หรือว่าเดินผ่านตึกสูง อาจจะถูกของตกใส่หัวเสียชีวิตก็ได้”
“ทางที่ดีแกควรจะบอกคนใกล้ตัวเอาไว้ ให้เดินระวังๆ หน่อย ถ้าไม่ระวังอาจจะบังเอิญเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้เสียชีวิตได้”
คำพูดของไช่กวางเต็มไปด้วยการคุกคาม
ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินอิงเหาแดงก่ำในทันใด ยื่นมือชี้ไปที่ไช่กวางและพูดด้วยความโกรธเคือง “แกลองกล้าแตะต้องคนใกล้ตัวฉันดูสิ ลองดู!”
“ฮ่าๆ เฉินอิงเหา แค่นี้แกก็กลัวแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางโกรธเคืองของเฉินอิงเหา ไช่กวางก็หัวเราะกว้างและพูดว่า “ถ้ากลัว แกก็คุกเข่าขอร้องฉันสิ!”
“ขอร้องแก? ฝันไปเถอะ! ” เฉินอิงเหาระงับความโกรธของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ถึงแม้ว่าเฉินอิงเหาจะเสียอาการไปบ้าง แต่ทำได้ขนาดนี้ก็ทำให้หยางเฉินรู้สึกพอใจแล้ว
“อิงเหา คุณอยากต่อยเขาไหม?” หยางเฉินถามขึ้นทันใด
เฉินอิงเหาตกตะลึงไปชั่วครู่ แววตาดุร้ายแวบเข้ามาในดวงตาของเขา พยักหน้าและพูดว่า “อยากครับ”
“ในเมื่ออยาก คุณก็เดินเข้าไปต่อยเขาจนกว่าเขาจะคุกเข่าร้องขอความเมตตา” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินอิงเหาตกตะลึง หยางเฉินปล่อยให้เขาเดินเข้าไปต่อยไช่กวางต่อหน้าชายที่แข็งแกร่งนับร้อยของตระกูลไช่ ต่อหน้าชายแข็งแกร่งมากมายเพียงคนเดียว?
“ถ้าคุณกลัว ก็คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน!” หยางเฉินยังคงพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
เมื่อเห็นความผิดหวังในดวงตาของหยางเฉิน เฉินอิงเหาก็ร้อนใจและรีบพูดขึ้นว่า “คุณหยางครับ ผมจะไป!”
หยางเฉินพยักหน้า “ถ้าตีให้ตายได้จะดีมาก”
“ผมจะฆ่าเขาด้วยมือของผมเอง!”
เฉินอิงเหาพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น จากนั้นจึงค่อยๆ ก้าวไปทางไช่กวาง
หลังจากที่ไช่โหย่วเหวยได้ยินทั้งสองคุยกัน สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก หยางเฉินให้เฉินอิงเหาไปต่อยไช่กวาง เห็นได้ชัดว่าจะให้ต่อยลูกชายเขาต่อหน้าเขา
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจก็คือเขาพาคนมาแค่หลักร้อยแต่หยางเฉินพาคนมานับพัน
หยางเฉินให้เฉินอิงเหาต่อยลูกชายของเขา เขาจะกล้าขัดขวางไหม?
ไช่กวางที่หยิ่งผยองพองขนเมื่อกี้ เมื่อเห็นเฉินอิงเหาเดินเข้ามาหาเขาเพียงคนเดียว ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ทำให้ความกลัวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาในทันใด
“ป๊าครับ ผมไม่อยากตาย ป๊าต้องช่วยผมนะ!”
ไช่กวางร้อนใจจึงรีบพูดขึ้นปนน้ำเสียงร้องไห้
“หุบปาก!”
ไช่โหย่วเหวยกัดฟันและตะโกนด้วยความโกรธ
ทั้งล็อบบี้เงียบสงัด ทุกคนต่างเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เฉินอิงเหาเดินไปที่ค่ายของตระกูลไช่ทีละก้าว
คนไม่น้อยมองเฉินอิงเหาด้วยความรู้สึกแตกต่างออกไป
ต่อให้คนฝั่งหยางเฉินจะเยอะกว่า ได้เปรียบพวกเขาอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายก็มีนับร้อย เฉินอิงเหายังเดินไปที่ค่ายของอีกฝ่ายเพียงคนเดียวเพื่อสู้กับไช่กวาง
ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าตระกูลไช่จะเป็นสุนัขจนตรอกไหม
ฟังจากคำพูดของหยางเฉินแล้ว เขาหมายจะเอาชีวิตไช่กวาง
หากเฉินอิงเหาฆ่าไช่กวางจริงๆ ตระกูลไช่จะทำยังไง?
“ป๊า มันจะฆ่าผม มันจะฆ่าผม! ป๊าช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย!” ไช่กวางกลัวจริงๆและพูดอ้อนวอน