ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1949 : การเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1949 : การเปลี่ยนแปลง
  หลังจากที่เห็น เย่าหยาง เข้าไปในทะเลบรรพกาล จางลู่และพวกก็ไม่ได้อยู่ต่อ พวกเขาหันกลับแล้วเดินเข้าไปในลำแสงกลับไปยังแก่นกำเนิดอีกรอบ
การจากไปของเย่าหยางนั้นสร้างความวุ่นวายให้กับเขตเย่าหยางรึไม่นั้นพวกเขาไม่ได้สนใจ
ยังไงซะพวกเขาก็มีเป้าหมายเดียวคือส่งจักรพรรดิทั้งสี่เข้าไปในทะเลบรรพกาล หากพวกเขาทำได้ พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะส่งจักรพรรดิของเผ่าสวรรค์ทั้งห้าเข้าไปในทะเลบรรพกาลด้วยแต่ถึงพวกเขาจะไม่รังเกียจแต่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์คงไม่ตกลง
ตอนนี้พวกเขาได้ส่งซื่อเซียวและเย่าหยางเข้าไปในทะเลบรรพกาลแล้ว ต่อไปพวกเขาก็ต้องไปรับหว่านเก่อและอู่หมิง ส่งไปยังทะเลบรรพกาล สุดท้ายภารกิจก็จะสำเร็จ
ที่แก่นกำเนิด  จางลู่และคนอื่นๆเดินทางเข้ามายังแก่นกำเนิดอีกครั้ง พวกเขาไม่คิดที่จะซ่อนตัว จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้านั้นอาจจะไม่มีความกล้าพอที่จะเข้ามาในแก่นกำเนิดเพื่อจัดการพวกเขา หากจักรพรรดิไม่กล้า งั้นพวกกองทัพเผ่าสวรรค์ก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อพวกเขาได้
หลังจากที่เข้ามาในแก่นกำเนิดได้ไม่นาน จางลู่และพวกก็ได้หยุด ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้เจอกับนายพลกลุ่มเดิมอีกครั้ง
“ ผู้อาวุโส” นายพลรีบทำความเคารพและพูดขึ้น “ เรากำลังตามหาท่านอยู่”
จางลู่แปลกใจ “ ตามหาเรารึ ?”
นายพลพูดขึ้นมา “ ก่อนหน้านี้พวกท่านได้ฆ่านายพลเผ่าสวรรค์ไปและทิ้งสมบัติเอาไว้ พวกท่านรีบจากไปจึงไม่ได้เอาสมบัติไปด้วย…” ระหว่างที่พูดนั้นเขาก็เอาสมบัติระดับสมบูรณ์ออกมา มันคือหอก หัวหอกนั้นเปล่งแสงอันเย็นชาออกมา “ ข้าขอให้ท่านรับมันไว้”   นี่คือสมบัติที่ได้จากการต่อสู้ของจางลู่และพวก พวกเขาไม่กล้าจะเก็บมันไว้
จางลู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ หากเจ้าไม่พูด งั้นเราคงไม่รู้ว่ามีหอกนี้ด้วย”
นายพลดูดีใจขึ้นมาในทันที
ถึงพวกเขาจะไม่ได้สมบัตินี่ไปแต่พวกเขาก็สบายใจกับสิ่งที่ทำในตอนนี้
จางลู่มองไปที่หอกแล้วถามขึ้นมา “ เจ้าชื่ออะไร ?”
“ เชินยู่ รองแม่ทัพของกองลาดตระเวน” นายพลไม่ได้ปิดบังฐานะตัวเอง
จางลู่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ ข้า จางลู่ ข้าคือร่างแยกของหัวหน้าทีมคังเฉียง สองคนนี้เองก็เช่นกัน คนอื่นๆเองก็เป็นสมาชิกของทีมคังเฉียง” หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ จางลู่ก็ได้พูดขึ้น “ เชินยู่ สินะ ? เราจะจำเจ้าเอาไว้ หากเจ้ามีปัญหาอะไรไปตามหาทีมคังเฉียงที่เขตซื่อเซียวได้ หากเป็นปัญหาทั่วไปเราจะช่วยจัดการให้”   นี่คือการตอบแทนเชินยู่
บางทีคำสัญญานี้อาจจะไม่ได้มีค่าอะไรแต่ก็ยังถือว่าเป็นการตอบแทนอีกฝ่ายได้
หอกระดับสมบูรณ์แลกกับการยอมรับของนายพลกว่า 21 คน นี่ถือว่าคุ้มค่า !
“ ขอบคุณผู้อาวุโส !” เชินยู่ตื่นเต้นและรีบขอบคุณทันที
เขาไม่ได้โง่ที่จะปฏิเสธข้อตกลงนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจ้าเล่ห์แบบเก่อเย่ ที่เห็นแตกตัวแต่ก็รู้ว่าคำรับปากของจางลู่นั้นมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธ
จางลู่ ยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ เอาล่ะ เราต้องไปที่เขตหว่านเก่อกับอู่หมิงต่อ หากไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัวก่อน”
เชินยู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับจางลู่และพวกก็เดินทางไปที่เขตหว่านเก่อกันทันที
เมื่อเห็นแผ่นหลังของจางลู่กับพวกที่หายไป เชินยู่ก็พูดขึ้นมา “ แม่ทัพกว่า 21 คน ทีมคังเฉียงนี้จะแกร่งแค่ไหนกัน ?” ต้องรู้ก่อนว่าในเขตเย่าหยาง, หว่านเก่อและอู่หมิงนั้นหากรวมแม่ทัพกันแล้วก็มีไม่ถึง 20 คนแต่ทีมคังเฉียงนี้กลับมีแม่ทัพถึง 21 คน
น่าเหลือเชื่อจริงๆ !
….
เวลาผ่านไปช้าๆ ในพริบตาก็ผ่านไปกว่า 3 เดือน
หลังจากที่ส่งจักรพรรดิคนสุดท้ายเข้าไปในทะเลบรรพกาล ภารกิจของจางลู่กับคนอื่นๆก็เสร็จสิ้น พวกเขาได้กลับไปยังทะเลบรรพกาลผ่านวังวน จากนั้นพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะเก็บตัวบ่มเพาะ
หากไม่มีแม่ทัพเผ่าสวรรค์โผล่มา งั้นพวกเขาก็จะไม่ออกมายุ่ง
ในขณะเดียวกันที่ทะเลบรรพกาล
ซื่อเซียว, เย่าหยาง, หว่านเก่อและ อู่หมิง ได้ไปรวมตัวกันในทะเลบรรพกาล ผ่านมากว่า 3 ล้านล้านปีสุดท้ายพวกเขาก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง  ครั้งนี้พวกเขาไม่ต้องใช้ร่างแยกแต่เป็นร่างหลัก
“ นี่คือทะเลบรรพกาลรึ ?” อู่หมิงที่เพิ่งเข้ามาในทะเลบรรพกาลแสดงสีหน้าสงสัยและตื่นเต้นออกมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ ความอิสระนี่มัน…”
ที่นี่พวกเขาไม่ต้องกังวลภัยจากจักรพรรดิกุยหลิง พวกเขาสามารถแผ่คลื่นพลังได้อย่างอิสระ แม้ว่าไม่อาจจะได้พลังเพิ่มพิเศษจากทะเลบรรพกาลแห่งนี้ พวกเขาอาจจะไม่ได้แกร่งเท่ากับตอนที่อยู่ในโกลาหลของตนเองแต่เรื่องเหล่านี้ก็ไม่อาจจะเบียดเบียนความตื่นแต้นที่พวกเขามีได้
ซื่อเซียวที่เข้ามาในทะเลบรรพกาลเป็นคนแรกยิ้มและพูดขึ้นมา มันจริงที่ว่าเราไม่ได้รับรู้ถึงอิสระมานาน”
อิสระอาจจะฟังดูแปลกไป ในทะเลบรรพกาลแห่งนี้พวกเขาก็ยังโดนจำกัดอยู่ ถึงอย่างนั้นหากไม่ฝ่าฝืนกฎของทะเลบรรพกาล อย่างน้อยๆหากเทียบกับทะเลโกลาหลแล้ว การที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวกับความกลัวที่มีอยู่ในใจมาตลอดแล้ว งั้นพวกเขาก็เรียกชีวิตที่นี่ได้ว่าอิสระได้
เย่าหยางและหว่านเก่อเองก็ยิ้มออกมา พวกเขารับรู้ได้ถึงอิสระ สุดท้ายพวกเขาก็สลัดภัยจากจักรพรรดิกุยหลิงได้ สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ต้องหมกตัวอยู่ในมิติของตัวเองแล้ว
“ เจ้ามาที่นี่หลายเดือนแล้ว เจ้าได้พบกับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลรึยัง ?” อู่หมิงถามคนอื่นๆ
ซื่อเซียวส่ายหน้าและพูดขึ้น “ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นคือพระเจ้าไม่ใช่คนที่เราจะพบได้ตามใจ เราไม่มีทางพบเขาได้นอกซะจากว่าเขาจะเรียกเราเข้าไปหา …” ในตอนที่พูดนั้นเขาก็ได้แสดงท่าทีเคารพที่มีต่อจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลผู้ลึกลับออกมา
“ ใช่สิ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นยิ่งใหญ่ บางทีในสายตาของเขาแล้ว เราจักรพรรดิคงไม่ต่างอะไรจากมด…”
…   ที่ทะเลโกลาหล
ที่เผ่าสวรรค์
ข่าวการจากไปของซื่อเซียวกับคนอื่นๆนั้นไม่นานก็โด่งดังไปถึงเผ่าสวรรค์ มันทำให้จักรพรรดิทั้งห้าถึงกับสนใจ
เมื่อได้ยินข่าวนี้จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้าก็ไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ พวกเขาถึงกับสงสัยว่านี่คือแผนการของฝั่งมนุษย์แต่เมื่อส่งร่างแยกเข้าไปตรวจสอบ พวกเขาก็พบว่าจักรพรรดิมนุษย์ทั้งสี่ได้ออกจากมิติลับของตัวเองไปจริงๆ
“ พวกนี้บ้าไปแล้วรึ !” จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้าต่างก็อึ้งไป
โดยเฉพาะฉิวหวังเขารู้สึกมาตลอดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิคังเฉียง
ชายคนนั้นไขความลับเกี่ยวกับจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้และกลายเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลไปแล้วรึ ?
แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นทำไมจักรพรรดิคังเฉียงถึงไม่ลงมือกับเขา ?
“ พวกเขาหาทางจัดการกับจักรพรรดิกุยหลิงได้แล้วรึ ?” เทียนตู้ถามขึ้นมา
“ จักรพรรดิกุยหลิงนั้นน่ากลัวแค่ไหนไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกนั้น..” จักรพรรดิอีกคนพูดขึ้นมา “ เมื่อพวกนั้นกล้าออกจากอาณาเขตของตัวเอง งั้นก็คงไม่เกรงกลัว ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าจักรพรรดิกุยหลิงที่แทบเป็นตัวตนที่น่ากลัวที่สุดนั้น มันจะมีอะไรมาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงได้ ?”
มันมีความคิดคาดเดาในหัวของ ฉิวหวังแต่เขาไม่มั่นใจว่าเป็นจักรพรรดิคังเฉียง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดมันออกไป
แม้ว่าจะมีความหวังน้อยนิดแต่เขาก็ไม่อยากเผยความลับเกี่ยวกับจ้าวแห่งทะเลโกลาหลให้คนอื่นรู้
“ งั้นเราก็ต้องระวังตัวเอาไว้” จักรพรรดิคนหนึ่งพูดขึ้น “ เราต้องระวังตัวจากมนุษย์อยู่ตลอดเวลา อย่าเปิดโอกาสให้พวกนั้นลงมือ หากพวกนั้นมีแผนการอันใด มันก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนั้นเราคงต้องเปิดสงครามกับพวกนั้น เราไม่เคยเกรงกลัวการต่อสู้”
ตอนนั้นเองจักรพรรดิที่ไม่ได้พูดอะไรเลยมาตั้งแต่ต้นก็ได้พูดขึ้นมา “ ข้าได้รับข่าวมา มันมีทีมคังเฉียงอยู่ที่โกลาหลซื่อเซียว พวกเขามีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่ง ทีมนั้นทีมเดียวกลับมีแม่ทัพถึง 21 คน…” สีหน้าเขาหม่นลง “ ไม่นานมานี้รองแม่ทัพของข้าเดินทางในแก่นกำเนิดและพบกับพวกเขาเข้าก่อนจะโดนฆ่าไป ตอนนี้ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบถึงได้รู้ว่าเขตซื่อเซียวมีแม่ทัพมากมายถึงเพียงนี้”
เมื่อได้ยินข่าวนั้นทุกคนก็พากันมองไปที่ฉิวหวัง
“ ฉิวหวังเจ้าอยู่ใกล้ที่สุด เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกเรา ?” เทียนตู้ถามขึ้นมา
“ เจ้าไม่รู้รึไงว่าข้าบาดเจ็บหนัก ข้าฟื้นฟูตัวเองอยู่ ข้าไม่ได้ออกไปโลกภายนอกมานาน “ แน่นอนว่าเขารู้เรื่องทีมคังเฉียงแต่เขาไม่อยากให้คนอื่นๆสนใจทีมคังเฉียงมากนัก เพราะมันจะเปิดเผยความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล
“ ตอนนี้เราต้องกังวลว่าจักรพรรดิมนุษย์อยู่ที่ไหน ไม่ใช่เรื่องแม่ทัพของมนุษย์” ฉิวหวังพูดขึ้น “ แค่กลุ่มแม่ทัพไม่ได้ต่างอะไรจากมดสำหรับข้าและพวกเจ้าเลย”
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท