ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1957 : สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว

ตอนที่ 1957 : สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว

  จักรพรรดิกุยหลิงคือคู่ต่อสู้ของเขา !

  มีแค่จักรพรรดิกุยหลิงเท่านั้นที่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ !

  ตอนปะทะกับฉิวหวังนั้นยังถือว่ายังไม่อุ่นเครื่องเลยด้วยซ้ำ

  ตอนที่จางหยูปรากฏตัวจักรพรรดิกุยหลิงก็มองไปที่จางหยู

  สายตาของมันยากจะอธิบายได้ มันไม่มีร่องรอยของชีวิตรึอารมณ์ใดๆแม้แต่พลังจิตเองก็ด้วย มันราวกับถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้เป็นแค่เครื่องจักร

  จางหยูไม่อาจจะรับรู้พลังชีวิตจากตัวมันได้ เขาไม่อาจจะรับรู้อารมณ์ที่สั่นไหวของมัน มันราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับก้อนเมฆอยู่

  แต่จักรพรรดิกุยหลิงนั้นไม่ใช่ก้อนเมฆ ในทางกลับกันแล้วมันคือตัวตนที่น่ากลัว !   ทั้งทะเลโกลาหลนั้นไม่อาจจะหาตัวตนไหนมาเทียบกับมันได้ ตัวตนนี้ได้ฆ่าจักรพรรดิมนุษย์ทั้ง 5 ไป

  จางหยูเตรียมร่างกาย เลือดในตัวของเขาก็กำลังเดือดไปตาม เขาพร้อมที่จะสู้แล้วในตอนนี้

  แม้ว่าตัวเขาจะเล็กไม่ต่างอะไรจากเม็ดข้าวต่อหน้าจักรพรรดิกุยหลิง แต่คลื่นพลังที่เขาแผ่ออกมานั้นก็ราวกับดวงอาทิตย์ที่แผ่ไปเกือบทั้งเขตซื่อเซียว

  ตูม !

  พลังปะทุออกมา แม้ว่าจะยากที่จะสยบพลังของจักรพรรดิกุยหลิงได้ แต่ก็แสดงถึงความแข็งแกร่งของเขาออกมาได้บ้าง แม้ว่าเปลวไฟจะด้อยกว่าดวงอาทิตย์ แต่ภายใต้แสงแดดนั้นเปลวไฟก็ยังแสดงความเจิดจ้าของมันออกมาได้อยู่

  ตอนที่พลังปะทุขึ้นมาถึงขีดสุด จางหยูก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น   สมกับเป็นตัวตนที่จักรพรรดิทั้ง 9 ต้องหวาดกลัว คลื่นพลังของข้ากลับเสียเปรียบอย่างชัดเจน 

  จางหยูยอมรับว่าพลังของจักรพรรดิกุยหลิงนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แม้ว่าสายตามันจะจับจ้องมาที่จางหยู แต่มันไม่ได้มีอารมณ์อะไรที่สื่อออกมาเลย มันราวกับมองจ้าวโกลาหลทั่วไป มันราวกับว่าในสายตาของมันแล้วจักรพรรดิและจ้าวโกลาหลไม่ได้ต่างอะไรกันเลย มันไม่ได้มีความคิดรึสติ มั้นแค่ทำตามกฎที่ตั้งเอาไว้ซึ่งก็คือกำจัดสิ่งมีชีวิต

  ดวงตาที่แดงก่ำของมันล็อคไปที่จางหยู จักรพรรดิกุยหลิงนั้นรวดเร็วผิดกับร่างกาย มันฟาดหนวดของมัน ไม่ว่าหนวดจะฟาดไปที่ไหน ที่นั่นก็ต้องพังลง ในพริบตาหนวดก็ได้มาถึงตรงหน้าจางหยู

  ความเร็วของหนวดนี่บอกได้ว่าเร็วอย่างมาก จนกระทั่งเข้ามาใกล้ตัวจางหยูเขาก็ยังไม่รู้ตัว

  หลบไม่ได้ !

  จางหยู รู้ดีว่าด้วยความเร็วที่น่ากลัวแบบนี้เขาไม่อาจจะหลบได้เลย  ความเร็วในการคิดของ จางหยู ไม่อาจจจะเร็วเท่าหนวดนี่ได้ด้วยซ้ำ

  ต่างกันเกินไป !

  แต่โชคดีที่จางหยูตัดสินใจมาแล้ว เมื่อหลบไม่ได้เขาก็ต้องใช้พลังของจักรพรรดิในการสู้ แม้ว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะแข็งแกร่งแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาในคราวเดียว

  ตูม ! จางหยูต่อยออกไปตอนไหนไม่รู้ ทะเลโกลาหลเกิดการระเบิดดังก้องไปทั่ว มิติที่นั่นพังลง พลังผันผวนอันน่ากลัวกระจายไปโดยรอบ แม้แต่เขตอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปก็ยังรับรู้ได้

  ในตอนที่หมัดของจางหยูต่อยออกไปนั้น หนวดก็ได้ฟาดเข้าใส่จางหยู แม้ว่าจะดูเรียวบางแต่มันราวกับเสาที่ค้ำจุดท้องฟ้าที่ฟาดเข้าใส่ ตัวของจางหยูโดนหนวดนั่นฟาดเข้าก่อนที่ตัวเขาจะค่อยๆหายไปทีละนิดๆ

  ตอนที่จักรพรรดิกุยหลิงดึงหนวดกลับ ร่างของจางหยูก็โดนทำลายไปจนหมด    นี่คือพลังของจักรพรรดิกุยหลิงรึ ? ข้าใช้พลังทั้งหมดแล้วแต่กลับโดนบดขยี้เช่นนี้เลยรึ ?  เสียงอันอ่อนแรงในทะเลโกลาหลดังขึ้นมา

  ต่อมาร่างของจางหยูก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เลือดและเนื้อถูกสร้างขึ้นใหม่ ไม่กี่อึดใจเขาก็ฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูโดนทำลายร่างกาย ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิกุยหลิงนั้นมากกว่าคู่ต่อสู้ทุกคนที่เขาเคยเจอมา ความแตกต่างนั้นมากกว่าที่เขาเดาเอาไว้ เขาคิดว่าเขาจะพอรับมือกับจักรพรรดิกุยหลิงได้แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลย

  จิตของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง

  เขาคำนวณว่าหากนับตามการโจมตีตะกี้แล้ว เขาคงทนได้แค่ 3 ครั้งก่อนจะตายไป !

  ต้องรู้ก่อนว่าเขาไม่มั่นใจว่าจะทนได้ถึงสามครั้งรึไม่ แต่จักรพรรดิกุยหลิงนั้นฆ่าเขาได้ด้วยการโจมตีแค่สามครั้ง มันหมายถึงความแข็งแกร่งของเขากับจักรพรรดิกุยหลิงนั้นต่างกันเกินไป?

    หากมีเกราะบรรพกาลกับดาบบรรพกาลล่ะ ?  จางหยูคิด หลังจากที่เก็บไว้ในทะเลบรรพกาลมานานเกราะก็ได้เผยตัวออกมาครอบคลุมตัวเขาเอาไว้ เขาดูโดดเด่นราวกับเทพสงคราม ดาบสีทองในมือนั้นทำให้เขาดูสง่าขึ้นไปอีก

  จางหยูมองไปที่จักรพรรดิกุยหลิง เขาพร้อมที่จะสู้ยิ่งกว่าเก่า

  ตะกี้นี้แค่พลังของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้มีพลังของเกราะและดาบเข้ามาเพิ่มแล้ว มันทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก !

  ในเวลาเดียวกันห่างจากสนามรบไม่มากนักจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งสี่ต่างก็พากันมองดูฉากนี้ด้วยความตะลึง

    แกร่ง !  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์คนหนึ่งพูดขึ้น

   แกร่งจริงๆ  จักรพรรดิสวรรค์อีกสามคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันก็พากันแสดงสายตาเหลือเชื่อออกมา

  ในมุมมองของพวกเขาแล้วร่างนั้นแค่โดนทำลายโดยจักรพรรดิกุยหลิง แม้จะเป็นการโจมตีธรรมดา แต่พวกเขาไม่อาจจะเชื่อว่าจะมีคนต้านทานการโจมตีของจักรพรรดิกุยหลิงได้ มันคือสิ่งที่จักรพรรดิอย่างพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

    มีจักรพรรดิคนอื่นนอกจากเราจักรพรรดิทั้งเก้าอีกรึ ? ซื่อเซียว ไม่ได้โกหกจริงๆ  จักรพรรดิเผ่าสวรร๕เริ่มใจสั่น

    แล้วซื่อเซียวไปไหนกัน ? ทำไมเขาถึงไม่มาที่นี่ ? 

    จักรพรรดิกุยหลิงทะลวงเขตซื่อเซียวมาไม่ใช่รึ ? รึว่าเขาตายก่อนเราจะปรากฏตัว ? 

    แล้วเขาเป็นใครกัน ? ทำไมเขาถึงแกร่งแบบนี้ได้ ? 

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์พากันลังเล พวกเขารู้สึกว่าถึงพวกเขาจะเข้าสู้ แต่ก็ยากที่จะทำอะไรต่อจักรพรรดิกุยหลิงได้ กลับกันแล้วหากพวกเขาเข้าไปสู้แล้ว ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายแต่…หากพวกเขาไม่ช่วย เมื่อจักรพรรดิกุยหลิงฆ่าชายคนนี้ได้แล้ว พวกเขาก็คงเป็นเป้าหมายต่อไป

  จางหยูไม่อาจจะมองรึคิดตามความเร็วของหนวดได้ทัน เขาได้แต่ต้องพึ่งสัญชาตญาณเท่านั้น เขาฟันดาบบรรพกาลออกไปทางที่หนวดพุ่งเข้ามา ดาบนี้มีพลังจิตและพลังบรรพกาลนับไม่ถ้วน ดาบได้เข้าปะทะกับหนวดในพริบตา !

  ตอนนั้นเวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง ทั้งทะเลโกลาหลราวกับโดนหยุดเวลาเอาไว้….. 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท