พลังจิตของจางหยูไหลไปทั่วทั้งตัว ในพริบตาร่างกายที่บาดเจ็บก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน
จางหยูมองไปที่รอยแตกบนเกราะแล้วแสดงสีหน้าเครียดออกมา เสียหายหนักขนาดนี้เลยรึ ?
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเดาว่าเกราะบรรพกาลคงพังหากได้รับการโจมตีอีกครั้ง ในทางกลับกันแล้วดาบบรรพกาลนั้นไม่มีวี่แววว่าจะพัง มันน่าจะทนได้อีกหลายรอบ
แกร่งจริงๆ จางหยูเงยหน้าขึ้นมองร่างที่ซ่อมแซมตัวเองจนสมบูรณ์ของจักรพรรดิกุยหลิงและคิ้วขมวดขึ้นมา
หลังจากที่ปะทะกันไปหลายครั้งแม้ว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะบาดเจ็บจากการโจมตีของเขา แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนอกจากคลื่นพลังที่อ่อนแอลงเล็กน้อยแล้ว มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆเลย ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิกุยหลิงยังคงอยู่จุดสูงสุด แม้ว่าจะอ่อนแอไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชัดเจนนัก
ในทางกลับกันแล้วเกราะของจางหยูนั้นเกือบจะพัง เขาใช้พลังจิตไปจำนวนมาก เขาเกรงว่าเขาคงทนได้ไม่นาน
จางหยูยังไม่ทันคิดเสร็จ จักรพรรดิกุยหลิงก็ฟื้นฟูตัวเองเสร็จและโจมตีออกมาอีกรอบ
เป้าหมายของมันยังเป็นจางหยู บางทีอาจจะเป็นเพราะจางหยูนั้นแกร่งที่สุดรึอาจจะเป็นเพราะจางหยูนั้นอยู่ใกล้ที่สุด
ตูม !
หนวดพุ่งตัดผ่านมิติ ตอนที่ผู้คนเห็นการเคลื่อนไหวของมัน หนวดนั้นก็ได้มาถึงตรงหน้าของจางหยูแล้ว มันรวดเร็วราวกับแสง สายตานั้นยากจะมองตามได้ทัน
จางหยูไม่คิดจะหนี เขาเลือกเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิง เขาได้ฟันดาบออกไปอีกครั้งด้วยพลังทั้งหมดที่มี !
ตูม ตูม ตูม…พลังจิตอันน่ากลัวได้ปะทุออกมาจากดาบเข้าปะทะเข้ากับหนวด
ทะเลโกลาหลโดยรอบสั่นไหวและบิดเบี้ยวรุนแรงยิ่งกว่าเก่า มันถึงกับทำให้เห็นภาพฉายของเขตมิติภายนอกของเขตซื่อเซียว บางทีในการต่อสู้นี้เขตซื่อเซียวอาจจะโดนทำลายไปด้วย
….
หยุดมันไว้ ! พลังจิตในเขตซื่อเซียวได้มารวมตัวกันในร่างแยกของซื่อเซียวและพยายามประคองเขตซื่อเซียวเอาไว้ เขาพยายามต้านทานคลื่นสะท้อนจากการโจมตีที่กระจายออกมาโดยรอบ เขาถึงกับรู้สึกว่าแขนเขากำลังหัก ตาเขาถึงกับแดงก่ำไปด้วยเลือด
ยิ่งการต่อสู้ดุเดือดแค่ไหน แรงกดดันที่มีต่อร่างแยกของซื่อเซียวก็ยิ่งมากเท่านั้น
แต่โชคดีที่จางหยูและจักรพรรดิกุยหลิงนั้นสู้กันเองจึงไม่ได้ส่งผลต่อเขตซื่อเซียวโดยตรง
หากเป้าหมายของมันเป็นเขตซื่อเซียว งั้นร่างแยกก็ไม่อาจจะรับมือไหว บางทีอาจจะรับมือกับการโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ
ร่างแยกนั้นพยายามเต็มที่ เหล่ายอดฝีมือต่างก็มาร่วมมือกันเพื่อแผ่พลังจิตให้กับร่างแยกเพื่อจะปกป้องเขตซื่อเซียวเอาไว้ และพยายามเพิ่มความสามารถในการป้องกันของเขตซื่อเซียว แม้จะไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์รึไม่ แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้
ตอนนั้นเกิดรอยร้าวในเขตซื่อเซียวขึ้นมา มันราวกับหลุมดำที่จะกลืนทุกอย่าง รอยร้าวนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันน่ากลัวของจักรพรรดิกุยหลิง….และจักรพรรดิลึกลับ
….
จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งสี่ใช้พลังจิตทั้งหมดที่มีโจมตีเข้าใส่จักรพรรดิกุยหลิงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่กล้าจะหมดหวังถึงพวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังอยู่ในใจ แต่เพราะไม่อาจจะมีใครรับผลจากความล้มเหลวครั้งนี้ได้เมื่อจางหยูแพ้ไป งั้นในทะเลโกลาหลก็ไม่อาจจะมีใครรับมือกับจักรพรรดิกุยหลิงได้อีก
จักรพรรดิกุยหลิงที่หลับใหลมานานมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้ แม้ว่าจักรพรรดิทั้งเก้าจะร่วมมือกันแต่ก็คิดว่าไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิกุยหลิงได้
บางทีจักรพรรดิที่เหลืออีก 8 คน หากทำการกลืนกินชีวิตทั้งหมดในเขตของตนไปแล้ว ร่วมมือกันก็อาจจะพอมีหวังอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
….
ตูม ตูม ตูม….
ทะเลโกลาหลสั่นไหวพร้อมคลื่นพลังที่กระจายออกไปโดยรอบ จางหยูกระเด็นออกไปพร้อมกับตัดหนวดของจักรพรรดิกุยหลิงได้อีกครั้ง ครั้งนี้เกราะของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆแต่มันไม่ได้กระเด็นออกไป มันยังคงรูปร่างของเกราะอยู่แต่พลังป้องกันของมันนั้นหายไปแล้ว มันไม่อาจจะให้พลังป้องกันจางหยูได้อีก ร่างของจางหยูโดนทำลายไปอีกครั้ง จิตของเขาเองก็ได้ผลกระทบไปด้วย
แต่โชคดี ก่อนที่เกราะจะพังลง มันได้ลดทอนพลังของการโจมตีเอาไว้จำนวนมากซึ่งทำให้จิตของเขาไม่เสียหายมากนัก
ไม่นานจางหยูก็สร้างร่างขึ้นมาใหม่ คลื่นพลังของเขาอ่อนแอลงไปบ้าง เขาลูบไปที่เกราะและแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา ไม่ไหวจริงๆ !
เกราะบรรพกาลได้ทำภารกิจของมันลุล่วงแล้ว แต่เขายังต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงอยู่ หากไม่มีเกราะคอยช่วย เขาก็มีแต่การป้องกันของตัวเอง เขาคงทนการโจมตีได้อย่างมากแค่ 2 ครั้งเท่านั้น หากพูดให้ชัดเจนก็คงเป็นแค่ 1 ครั้งเพราะครั้งที่สองนั้นเขาต้องตาย !
การทำให้ซื่อเซียว และคนอื่นๆต้องกลัวเป็นล้านล้านปีได้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ จางหยูมองไปที่จักรพรรดิกุยหลิง ข้าไม่อาจจะเป็นคู่มือของมันได้เลย ! ตอนนั้นคลื่นพลังของจักรพรรดิกุยหลิงก็อ่อนแอลงแค่เล็กน้อย แต่ก็ยังมีพลังที่สูงเช่นเดิม มันราวกลับไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ ตาที่แดงก่ำของมันราวกับดวงจันทร์กลมโตที่เย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์
เห็นได้ว่าจักรพรรดิกุยหลิงบาดเจ็บ ไม่งั้นแล้วคลื่นพลังคงไม่ได้อ่อนแอลงแบบนี้ แต่หากเทียบกับบาดแผลที่จางหยูมีแล้ว อาการบาดเจ็บของมันแทบจะมองข้ามได้ด้วยซ้ำ
ความเสียหายที่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์สร้างนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับจางหยู
เราต้องกลืนกินโกลาหลที่เราสร้างขึ้นมารึ ? จักรพรรดิเผ่าสวรรค์เหมือนไม่เต็มใจจะกินพื้นที่ของตัวเองแม้ว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ในเวลาอันสั้น แต่การสร้างโกลาหลขึ้นมาใหม่และการพัฒนาจนมาถึงระดับนี้ก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะคาดถึง หากต้องกลืนกินโกลาหลที่สร้างเพื่อแลกกับความแข็งแกร่งแล้ว ราคามันสูงเกินไป !
แม้ว่าจะกลืนกินโกลาหลของตน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะกันการโจมตีของจักรพรรดิกุยหลิงเอาไว้ได้หรือไม่
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็แทบจะสิ้นหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงลังเลขึ้นมา
จางหยูเองก็ลังเล เขายังมีไพ่ลับอยู่แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะใช้มันดีรึไม่
รวมร่างแยกบ่มเพาะทั้งหมดรึ ? จางหยูเงียบสักพักแต่ในใจเขาก็กังวล มันจะทำให้เขาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาได้จริงๆแต่เหมือนกับว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะยังรับมือได้สบายๆ
บางทีร่างแยกเหล่านี้อาจจะทำให้เขาเอาชนะจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ได้ง่ายๆรึอาจจะฆ่าพวกนั้นได้แต่ไม่อาจจะชดเชยช่องว่างที่เขามีกับจักรพรรดิกุยหลิงได้
ในตอนที่จางหยูและจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ลังเลอยู่นั้น จักรพรรดิกุยหลิงก็ได้ลงมืออีกครั้ง หนวดนั้นได้ฟัดผ่านฟาดเข้าใส่จางหยู แม้ว่าจางหยูจะตอบโต้กลับและตัดหนวดของมันออก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แม้แต่จางหยูก็ยังฆ่ามันไม่ได้นี่ไม่ต้องนับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ที่แทบจะมองข้ามได้เลย
คลื่นพลังของจักรพรรดิกุยหลิงอ่อนแอลงอีกครั้ง พลังของมันเหลือ 2 ใน 3 จากเดิมแต่สภาพของจางหยูกลับอ่อนแอจนถึงขีดสุด จิตของเขาสั่นไหวและพร่ามัวและตกอยู่ในอันตราย !
จางหยูหมดพลังแล้ว เขาเหลือพลังอีกไม่มาก เกราะบรรพกาลของเขาก็พังไปแล้ว แม้แต่ดาบก็เกิดรอยร้าว ทั้งหมดนี้บ่งบอกได้ว่าจางหยูไม่อาจจะสู้ต่อได้อีก หากจักรพรรดิกุยหลิงใช้โอกาสนี้โจมตีเข้ามาก็ปลิดชีวิตเขาได้แล้ว
มาถึงระดับนี้ ข้าพยายามถึงที่สุดแล้ว…แม้ว่าทะเลโกลาหลจะหายไปแต่ก็ไม่ใช่ความผิดของข้า จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วสร้างวังวนขึ้นมาในตอนที่จักรพรรดิกุยหลิงกำลังฟื้นฟูแผลของมันอยู่
แม้ว่าจะผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ออกมา แต่เขาก็ไม่คิดจะสู้กับจักรพรรดิกุยหลิงต่อ
เมื่อเห็นแบบนั้น จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ก็รู้สึกแย่และกังวลขึ้นมา พวกนั้นเตรียมที่จะหนีอยู่ทุกเมื่อ
เมื่อหนวดซ่อมแซมตัวเองจนเสร็จ จางหยูก็มองไปที่จักรพรรดิกุยหลิงและพูดขึ้นมา เจ้าคือคู่ต่อสู้ที่คู่ควร แต่น่าเสียดายที่ข้าจะไปแล้ว ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะหยุดข้าได้ ……