ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1959 : ยอมแพ้

ตอนที่ 1959 : ยอมแพ้

  พลังจิตของจางหยูไหลไปทั่วทั้งตัว ในพริบตาร่างกายที่บาดเจ็บก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน

  จางหยูมองไปที่รอยแตกบนเกราะแล้วแสดงสีหน้าเครียดออกมา   เสียหายหนักขนาดนี้เลยรึ ? 

  หากเป็นแบบนี้ต่อไปเดาว่าเกราะบรรพกาลคงพังหากได้รับการโจมตีอีกครั้ง ในทางกลับกันแล้วดาบบรรพกาลนั้นไม่มีวี่แววว่าจะพัง มันน่าจะทนได้อีกหลายรอบ

    แกร่งจริงๆ  จางหยูเงยหน้าขึ้นมองร่างที่ซ่อมแซมตัวเองจนสมบูรณ์ของจักรพรรดิกุยหลิงและคิ้วขมวดขึ้นมา

  หลังจากที่ปะทะกันไปหลายครั้งแม้ว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะบาดเจ็บจากการโจมตีของเขา แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนอกจากคลื่นพลังที่อ่อนแอลงเล็กน้อยแล้ว มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆเลย  ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิกุยหลิงยังคงอยู่จุดสูงสุด แม้ว่าจะอ่อนแอไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชัดเจนนัก

  ในทางกลับกันแล้วเกราะของจางหยูนั้นเกือบจะพัง เขาใช้พลังจิตไปจำนวนมาก เขาเกรงว่าเขาคงทนได้ไม่นาน

  จางหยูยังไม่ทันคิดเสร็จ จักรพรรดิกุยหลิงก็ฟื้นฟูตัวเองเสร็จและโจมตีออกมาอีกรอบ

  เป้าหมายของมันยังเป็นจางหยู บางทีอาจจะเป็นเพราะจางหยูนั้นแกร่งที่สุดรึอาจจะเป็นเพราะจางหยูนั้นอยู่ใกล้ที่สุด

  ตูม !

  หนวดพุ่งตัดผ่านมิติ ตอนที่ผู้คนเห็นการเคลื่อนไหวของมัน หนวดนั้นก็ได้มาถึงตรงหน้าของจางหยูแล้ว มันรวดเร็วราวกับแสง สายตานั้นยากจะมองตามได้ทัน

  จางหยูไม่คิดจะหนี เขาเลือกเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิง เขาได้ฟันดาบออกไปอีกครั้งด้วยพลังทั้งหมดที่มี !

  ตูม ตูม ตูม…พลังจิตอันน่ากลัวได้ปะทุออกมาจากดาบเข้าปะทะเข้ากับหนวด

  ทะเลโกลาหลโดยรอบสั่นไหวและบิดเบี้ยวรุนแรงยิ่งกว่าเก่า มันถึงกับทำให้เห็นภาพฉายของเขตมิติภายนอกของเขตซื่อเซียว บางทีในการต่อสู้นี้เขตซื่อเซียวอาจจะโดนทำลายไปด้วย

  ….

    หยุดมันไว้ !  พลังจิตในเขตซื่อเซียวได้มารวมตัวกันในร่างแยกของซื่อเซียวและพยายามประคองเขตซื่อเซียวเอาไว้ เขาพยายามต้านทานคลื่นสะท้อนจากการโจมตีที่กระจายออกมาโดยรอบ เขาถึงกับรู้สึกว่าแขนเขากำลังหัก ตาเขาถึงกับแดงก่ำไปด้วยเลือด

  ยิ่งการต่อสู้ดุเดือดแค่ไหน แรงกดดันที่มีต่อร่างแยกของซื่อเซียวก็ยิ่งมากเท่านั้น

  แต่โชคดีที่จางหยูและจักรพรรดิกุยหลิงนั้นสู้กันเองจึงไม่ได้ส่งผลต่อเขตซื่อเซียวโดยตรง

  หากเป้าหมายของมันเป็นเขตซื่อเซียว งั้นร่างแยกก็ไม่อาจจะรับมือไหว บางทีอาจจะรับมือกับการโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ

  ร่างแยกนั้นพยายามเต็มที่ เหล่ายอดฝีมือต่างก็มาร่วมมือกันเพื่อแผ่พลังจิตให้กับร่างแยกเพื่อจะปกป้องเขตซื่อเซียวเอาไว้ และพยายามเพิ่มความสามารถในการป้องกันของเขตซื่อเซียว แม้จะไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์รึไม่ แต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้

  ตอนนั้นเกิดรอยร้าวในเขตซื่อเซียวขึ้นมา มันราวกับหลุมดำที่จะกลืนทุกอย่าง รอยร้าวนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันน่ากลัวของจักรพรรดิกุยหลิง….และจักรพรรดิลึกลับ

  ….

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งสี่ใช้พลังจิตทั้งหมดที่มีโจมตีเข้าใส่จักรพรรดิกุยหลิงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่กล้าจะหมดหวังถึงพวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังอยู่ในใจ แต่เพราะไม่อาจจะมีใครรับผลจากความล้มเหลวครั้งนี้ได้เมื่อจางหยูแพ้ไป งั้นในทะเลโกลาหลก็ไม่อาจจะมีใครรับมือกับจักรพรรดิกุยหลิงได้อีก

  จักรพรรดิกุยหลิงที่หลับใหลมานานมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้ แม้ว่าจักรพรรดิทั้งเก้าจะร่วมมือกันแต่ก็คิดว่าไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิกุยหลิงได้

  บางทีจักรพรรดิที่เหลืออีก 8 คน หากทำการกลืนกินชีวิตทั้งหมดในเขตของตนไปแล้ว ร่วมมือกันก็อาจจะพอมีหวังอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น

  ….

  ตูม ตูม ตูม….

  ทะเลโกลาหลสั่นไหวพร้อมคลื่นพลังที่กระจายออกไปโดยรอบ จางหยูกระเด็นออกไปพร้อมกับตัดหนวดของจักรพรรดิกุยหลิงได้อีกครั้ง ครั้งนี้เกราะของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆแต่มันไม่ได้กระเด็นออกไป มันยังคงรูปร่างของเกราะอยู่แต่พลังป้องกันของมันนั้นหายไปแล้ว มันไม่อาจจะให้พลังป้องกันจางหยูได้อีก  ร่างของจางหยูโดนทำลายไปอีกครั้ง จิตของเขาเองก็ได้ผลกระทบไปด้วย

  แต่โชคดี ก่อนที่เกราะจะพังลง มันได้ลดทอนพลังของการโจมตีเอาไว้จำนวนมากซึ่งทำให้จิตของเขาไม่เสียหายมากนัก

  ไม่นานจางหยูก็สร้างร่างขึ้นมาใหม่ คลื่นพลังของเขาอ่อนแอลงไปบ้าง เขาลูบไปที่เกราะและแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา   ไม่ไหวจริงๆ ! 

  เกราะบรรพกาลได้ทำภารกิจของมันลุล่วงแล้ว แต่เขายังต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงอยู่ หากไม่มีเกราะคอยช่วย เขาก็มีแต่การป้องกันของตัวเอง เขาคงทนการโจมตีได้อย่างมากแค่ 2 ครั้งเท่านั้น หากพูดให้ชัดเจนก็คงเป็นแค่ 1 ครั้งเพราะครั้งที่สองนั้นเขาต้องตาย !

    การทำให้ซื่อเซียว และคนอื่นๆต้องกลัวเป็นล้านล้านปีได้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ  จางหยูมองไปที่จักรพรรดิกุยหลิง   ข้าไม่อาจจะเป็นคู่มือของมันได้เลย !    ตอนนั้นคลื่นพลังของจักรพรรดิกุยหลิงก็อ่อนแอลงแค่เล็กน้อย แต่ก็ยังมีพลังที่สูงเช่นเดิม มันราวกลับไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ ตาที่แดงก่ำของมันราวกับดวงจันทร์กลมโตที่เย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์

  เห็นได้ว่าจักรพรรดิกุยหลิงบาดเจ็บ ไม่งั้นแล้วคลื่นพลังคงไม่ได้อ่อนแอลงแบบนี้ แต่หากเทียบกับบาดแผลที่จางหยูมีแล้ว อาการบาดเจ็บของมันแทบจะมองข้ามได้ด้วยซ้ำ

  ความเสียหายที่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์สร้างนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับจางหยู

    เราต้องกลืนกินโกลาหลที่เราสร้างขึ้นมารึ ?  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์เหมือนไม่เต็มใจจะกินพื้นที่ของตัวเองแม้ว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ในเวลาอันสั้น แต่การสร้างโกลาหลขึ้นมาใหม่และการพัฒนาจนมาถึงระดับนี้ก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะคาดถึง หากต้องกลืนกินโกลาหลที่สร้างเพื่อแลกกับความแข็งแกร่งแล้ว ราคามันสูงเกินไป !

  แม้ว่าจะกลืนกินโกลาหลของตน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะกันการโจมตีของจักรพรรดิกุยหลิงเอาไว้ได้หรือไม่

  ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็แทบจะสิ้นหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงลังเลขึ้นมา

  จางหยูเองก็ลังเล เขายังมีไพ่ลับอยู่แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะใช้มันดีรึไม่

    รวมร่างแยกบ่มเพาะทั้งหมดรึ ?  จางหยูเงียบสักพักแต่ในใจเขาก็กังวล มันจะทำให้เขาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาได้จริงๆแต่เหมือนกับว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะยังรับมือได้สบายๆ

  บางทีร่างแยกเหล่านี้อาจจะทำให้เขาเอาชนะจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ได้ง่ายๆรึอาจจะฆ่าพวกนั้นได้แต่ไม่อาจจะชดเชยช่องว่างที่เขามีกับจักรพรรดิกุยหลิงได้

  ในตอนที่จางหยูและจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ลังเลอยู่นั้น จักรพรรดิกุยหลิงก็ได้ลงมืออีกครั้ง หนวดนั้นได้ฟัดผ่านฟาดเข้าใส่จางหยู แม้ว่าจางหยูจะตอบโต้กลับและตัดหนวดของมันออก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แม้แต่จางหยูก็ยังฆ่ามันไม่ได้นี่ไม่ต้องนับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ที่แทบจะมองข้ามได้เลย

  คลื่นพลังของจักรพรรดิกุยหลิงอ่อนแอลงอีกครั้ง พลังของมันเหลือ 2 ใน 3 จากเดิมแต่สภาพของจางหยูกลับอ่อนแอจนถึงขีดสุด จิตของเขาสั่นไหวและพร่ามัวและตกอยู่ในอันตราย !

  จางหยูหมดพลังแล้ว เขาเหลือพลังอีกไม่มาก เกราะบรรพกาลของเขาก็พังไปแล้ว แม้แต่ดาบก็เกิดรอยร้าว ทั้งหมดนี้บ่งบอกได้ว่าจางหยูไม่อาจจะสู้ต่อได้อีก หากจักรพรรดิกุยหลิงใช้โอกาสนี้โจมตีเข้ามาก็ปลิดชีวิตเขาได้แล้ว

    มาถึงระดับนี้ ข้าพยายามถึงที่สุดแล้ว…แม้ว่าทะเลโกลาหลจะหายไปแต่ก็ไม่ใช่ความผิดของข้า  จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วสร้างวังวนขึ้นมาในตอนที่จักรพรรดิกุยหลิงกำลังฟื้นฟูแผลของมันอยู่

  แม้ว่าจะผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ออกมา แต่เขาก็ไม่คิดจะสู้กับจักรพรรดิกุยหลิงต่อ

  เมื่อเห็นแบบนั้น จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ก็รู้สึกแย่และกังวลขึ้นมา พวกนั้นเตรียมที่จะหนีอยู่ทุกเมื่อ

  เมื่อหนวดซ่อมแซมตัวเองจนเสร็จ จางหยูก็มองไปที่จักรพรรดิกุยหลิงและพูดขึ้นมา   เจ้าคือคู่ต่อสู้ที่คู่ควร แต่น่าเสียดายที่ข้าจะไปแล้ว ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะหยุดข้าได้ …… 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท