ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1964 : สร้างจักรพรรดิ(I)

ตอนที่ 1964 : สร้างจักรพรรดิ(I)

    จักรพรรดิคังเฉียงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า อย่างนั้นเขาจะช่วยข้าจริงๆรึ ?  เรนไนแทบจะไม่มีหวังในใจเลย

  หว่านเก่อพูดขึ้นมา   ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ต้องลองดู 

  นางตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไป นางก็ต้องช่วยให้เรนไนขึ้นมาเป็นจักรพรรดิให้ได้ แม้ว่านางจะไม่อาจจะพัฒนาตัวเองได้ต่อ แต่นางก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย

    ไปกันเถอะ  หว่านเก่อดึงมือเรนไนตรงไปหาจางหยูทันที

  ในบรรพกาลไกลออกไปนั้นมีเงาของดาบกับเกราะอยู่ ดาบและเกราะนี้มีพลังบรรพกาลนับไม่ถ้วนหมุนวน มันได้สูบพลังจากทะเลบรรพกาลโดยรอบเข้ามาในตัว พลังจิตนับไม่ถ้วนได้ไหลเข้าไปในสิ่งของทั้งสอง

  ตรงกลางระหว่างดาบและเกราะนั้น จางหยูนั่งขัดสมาธิราวกับรูปปั้นอยู่ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

  แต่ตอนที่หว่านเก่อและเรนไนเข้ามา จางหยูก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของทั้งสอง เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆและมองไปยังทั้งสอง

  เรนไนอ้าปากแต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ เพราะเขาไม่อาจจะยอมทิ้งเกียรติที่มี

    จักรพรรดิคังเฉียง  หว่านเก่อมองไปที่จางหยู  ข้ามีเรื่องจะขอร้อง ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยเรื่องหนึ่งจะได้หรือไม่ 

  จางหยูมองไปที่หว่านเก่อและเรนไน เขาเห็นอาการผิดปกติของเรนไน จึงถามขึ้นมา  มีอะไร ? 

  แม้ว่าเขาจะพอเดาออกว่าทั้งสองมาที่นี่ทำไม แต่จางหยูก็ไม่คิดจะเอ่ยปากก่อน

  หว่านเก่อสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น   ข้าอยากให้เจ้าบอกวิธีการขึ้นเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลที ! 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น จางหยูก็ไม่ได้แปลกใจอะไร สองคนนี้มาหาเขาเพราะเรื่องนี้จริงๆ !

    เขาเป็นใคร ?  จางหยูไม่ได้ตอบคำถามหว่านเก่อแต่กลับชี้ไปที่เรนไนแทน

    คำนับ  เรนไนมองไปที่จางหยูอย่างใจเย็น เขาไม่ได้แสดงท่าทีถ่อมตัวราวกับว่าจักรพรรดิในสายตาของเขาแล้วไม่ใช่คนที่สูงส่ง

  หว่านเก่อได้พูดขึ้นมา   เรนไนเขาเป็นพี่ชายของข้า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ข้าใกล้ชิดในโลกนี้ไ 

  นางอยากจะใช้คำว่าสามีมากกว่า แต่ในอดีตตลอดหลายยุคมานี้ เรนไนปฏิเสธที่จะยอมรับรักนาง เพราะเกียรติที่นางและเขามีไม่อาจจะทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ เขาไม่คิดจะถ่วงหว่านเก่อเพราะเมื่อโลกรู้ว่านางมีคู่ครองแบบเขาแล้ว งั้นหว่านเก่อก็จะมีจุดอ่อนซึ่งร้ายแรงต่อจักรพรรดิอย่างมาก

    ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่ทัพสูงสุดอยู่ด้วย  จางหยูชมออกมา   คนของเจ้านี่โดดเด่นจริงๆ    เรนไน แปลกใจนิดๆ นี่มันก็นานแล้ว นอกจากหว่านเก่อแล้วจางหยูเป็นจักรพรรดิคนแรกที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียมเช่นนี้

  ต้องรู้ก่อนว่าจักรพรรดิคนอื่นๆนั้นถือว่าเขาต่ำต้อยกว่าทั้งนั้น ความหยิ่งทะนงในตัวจองเขานั้นทำให้เขาไม่ชอบท่าทีพวกนั้นเท่าไหร่

    จักรพรรดิคังเฉียงก็ชมเกินไปแล้ว  เรนไนสีหน้าดูดีขึ้นมา เขายิ้มออกมา   การก้าวขึ้นมาขั้นสูงสุดได้นั้นไม่ได้ใช้ความสามารถมากนัก ในฝั่งเผ่าสวรรค์เองก็มีอย่างน้อยสองคนที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าข้า  

  ในอีกความหมายคือในเผ่าสวรรค์มีแม่ทัพสูงสุดอย่างน้อยสองคน

  หว่านเก่อได้พูดขึ้นมา  พี่เรนไน ได้ขึ้นมาขั้นสูงสุดมากว่าล้านล้านปีแล้วแต่เขาถูกจำกัดเพราะกฎทะเลโกลาหล เขาไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ จนกระทั่งเข้ามาในทะเลบรรพกาล พี่เรนไนก็รับรู้ได้ว่ากำแพงที่ขวางหน้านั้นคลายลง ข้าคิดว่ามันเป็นโอกาสที่เขาจะทะลวงผ่านเป็นจักรพรรดิในทะเลบรรพกาล ข้าจึงมาขอร้องเจ้าสอนวิธีการทะลวงผ่านให้กับเขาและช่วยเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิ ! 

  ไม่มีใครอยากให้เรนไนเป็นจักรพรรดิมากไปกว่าหว่านเก่ออีกแล้ว !

  นางร้อนใจยิ่งกว่าตัวเรนไนด้วยซ้ำ !

  เรนไนมองไปที่จางหยูด้วยสายตาตึงเครียดแต่เขาไม่อาจจะทิ้งเกียรติที่มีได้ เขาไม่อาจจะขอร้องอีกฝ่ายได้ เขาได้แต่แอบกังวล

  จางหยูไม่ได้ตอบกลับหว่านเก่อ เขามองไปที่เรนไนราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างอยู่

  เขาไม่รู้ว่าซื่อเซียว, เย่าหยาง, อู่หมิงและคนอื่นๆขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้ยังไง แต่เขารู้ว่าในทะเลบรรพกาลแห่งนี้ ตราบใดที่เขาต้องการ แค่เพียงคิดเขาก็มอบสิทธิ์ให้กับอีกฝ่ายได้ ตราบใดที่เรนไนได้รับสิทธิ์นี้ เรนไนก็สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ หากเขาไม่ได้รับสิทธิ์ เขาจะต้องโดนบดขยี้ด้วยพลังของสิทธิ์นี้แทน  สำหรับว่าทะเลบรรพกาลจะรับจักรพรรดิคนใหม่ได้รึไม่นั้นและต้องใช้พลังเท่าไหร่สำหรับจักรพรรดินั้น จางหยูยังไม่แน่ใจในตอนนี้

  เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน หว่านเก่อก็กังวลขึ้นมา   จักรพรรดิคังเฉียง ! ช่วยเราด้วย ! หากเจ้ามีเงื่อนไขอะไรก็บอกมาได้เลย แม้ว่าจะต้องการชีวิตข้า ข้าก็ยอมแลก ! 

    หว่านเก่อ!  เรนไนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาได้บอกกับหว่านเก่อ   อย่าพูดไร้สาระอีกเลย ! 

  การที่หว่านเก่อทุ่มเทให้กับเขาเช่นนี้ก็ทำให้เขาซึ้งใจอย่างมาก แต่เขาไม่อาจจะยอมรับคำพูดของนางได้ ยังไงซะ หว่านเก่อก็เป็นจักรพรรดิ จักรพรรดิสตรีเพียงคนเดียว นางควรจะสูงส่งและเฉิดฉาย เรนไนหันกลับไปมองจางหยูและพูดขึ้น จักรพรรดิคังเฉียง หากเจ้าช่วยข้า ข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก ข้ายอมจ่ายทุกอย่างแต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหว่านเก่อ เจ้าอย่าฟังคำพูดไร้สาระของนาง 

  ถึงตอนนี้เขาไม่อาจจะรักษาเกียรติที่มีได้

  เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสอง จางหยูก็หัวเราะออกมา   ราคานั้นไม่ได้สูงนักหรอก พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นจักรพรรดิกุยหลิงรึไง ? 

  ทั้งสองยังไม่ทันได้ตอบกลับ จางหยูก็พูดขึ้นต่อ   จริงแล้วข้าคิดว่ากฎของทะเลบรรพกาลนั้นต่างจากทะเลโกลาหล การเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลนั้นเจ้าต้องสละเศษเสี้ยวจิตให้กับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้ายอมรับได้ ดังนั้นข้าจึงจะให้เจ้าคิดทบทวน 

    สละจิตรึ ?  เรนไนและหว่านเก่ออุทานออกมา

  จางหยูพยักหน้า   การสละจิตที่ว่าคือการผูกจิตไว้กับทะเลบรรพกาลเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นคนของทะเลบรรพกาลรวมถึงได้รับผลประโยชน์จากทะเลบรรพกาลไปด้วย…  ชัดแล้วว่าสุดท้ายจางหยูตัดสินใจที่จะช่วยเรนไน รึอาจจะบอกว่าได้อีกความหมายหนึ่งคือใช้เรนไนเป็นหนูทดลองก็ว่าได้

  แม่ทัพสูงสุดจะรับพลังของทะเลบรรพกาลได้รึไม่ และต้องใช้พลังเท่าไหร่เพื่อเป็นจักรพรรดิ เรื่องเหล่านี้ต้องทำการทดสอบ ตอนแรกจางหยูคิดที่จะทดสอบกับร่างแยกของตัวเอง แต่เมื่อมีหนูทดลองเสนอตัวมาถึงที่ จางหยูก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ เพราะเขาจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองลงอย่างมาก

  สำหรับเรนไนที่เป็นหนูทดลองแล้ว อีกฝ่ายก็ควรจะได้รับรางวัล ตำแหน่งจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลคือรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และแน่นอน มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรนไนต้องรอดกลับไปให้ได้เสียก่อน

  หากต้องการประโยชน์ก็ต้องเอาอะไรมาแลก !

    นอกจากนี้อย่าหาว่าข้าไม่เตือนว่ามันมีอันตรายในการรับพลังของทะเลบรรพกาล แม่ทัพสูงสุดอาจจะรับมันไม่ไหว ข้าได้เผชิญหน้ากับอันตรายมามากมายก่อนจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ  จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ   ดังนั้นเจ้าก็ควรคิดทบทวนให้ดี หากเจ้าไม่มั่นใจ เจ้าก็ไม่ต้องสละจิตก็ได้ เจ้าถือว่าข้าไม่ได้พูดและเป็นแม่ทัพสูงสุดต่อไปก็ได้.. 

  หว่านเก่อลังเล นางมองไปที่เรนไนด้วยความกังวล   ท่านพี่… 

    ข้าต้องทำยังไง ?  เรนไนถามขึ้นมาทันที

  จางหยูแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาว่า   เจ้าไม่คิดทบทวนหน่อยรึ ? 

    มันต่างอะไรกับการตายให้กับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลในตอนนี้กับการสละจิตให้กับเขา ? มันเป็นไปได้ด้วยรึที่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นจะมาใส่ใจจิตของคนอย่าข้า ?  เรนไนส่ายหน้า เขาไม่ได้ลังเลอีกต่อไป   สำหรับความเสี่ยงแล้ว หากคิดจะเป็นจักรพรรดิ งั้นทำไมจะเสี่ยงไม่ได้ ? 

  เขามั่นใจว่าตัวเองจะผ่านอันตรายทุกอย่างไปได้  จางหยูพยักหน้า   ดี เจ้าแค่ดึงเศษเสี้ยวจิตออกมาและภาวนา จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะรับรู้ได้เอง 

    แค่นี้รึ?  เรนไนแทบไม่เชื่อ

    ใช่ ง่ายๆเช่นนี้  จางหยูยิ้มออกมา   จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า แน่นอนว่าต้องรับรู้จิตของเจ้าได้ 

  เรนไนเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้ว ตอนนี้มันเหมือนธนูที่รอปล่อยศรออกไป นี่คือโอกาสที่หว่านเก่อหามาให้เขา แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองแต่เขาก็จะลอง

  เรนไนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วควบคุมดึงจิตออกมา เขาทนความเจ็บปวดและภาวนาออกมา   จ้าวแห่งทะเลบรรพกาล… 

  หน้าของเขาซีดพร้อมกับเหงื่อที่ไหลลมาราวกับฝน ความเจ็บปวดจากการดึงจิตออกมานี้ราวกับฉีกตัวเขาทั้งเป็น ร่างของเขาสั่นไหวราวกับว่าจะทรุดลงตอนไหนก็ได้ แต่เขาก็ยังกัดฟันภาวนาต่อ   ท่านพี่  หว่านเก่อกังวลอย่างมาก

  หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเศษเสี้ยวจิตก็ออกจากตัวของเรนไน ลอยอยู่ตรงหน้า

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท