กวนเย่วจึงลืมตาขึ้นและหน้านิ่วคิ้วขมวด “ที่นี่คือที่ไหน? พวกเธอพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
เดิมทีเธอคิดว่ากวนซินจะส่งเธอกลับไปที่เมืองกษัตริย์กวน คิดไม่ถึงว่าจะพาเธอมาที่วิลล่าที่อยู่โดดเดี่ยวเช่นนี้
“เธอบอกว่า เธอเอาตัวบังกระสุนให้อาจารย์ของเธอ ดูซิว่าถ้าอาจารย์ของเธอรู้ว่าฉันเอาตัวเธอไป เขาจะมาช่วยเธอด้วยตัวเองหรือเปล่า?”
กวนซินมองกวนเย่วแล้วถามอย่างยิ้มแย้ม
“กวนซิน นี่เธอกำลังเล่นกับไฟ ระวังไฟจะเผาตน!”
กวนเย่วโกรธจัด
เธอไม่ได้เป็นห่วงหยางเฉิน แต่เป็นห่วงว่าการกระทำของกวนซินจะทำให้หยางเฉินโกรธ ซึ่งจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ของหยางเฉินและตระกูลกวนห่างออกไปเรื่อยๆ
แม้ว่าเธอไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือในการจับคู่แต่งงานของครอบครัว แต่ก็รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นคนของตระกูลกวน
ในช่วงเวลานี้ เธอต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหยางเฉินเพื่อที่จะตามหาตัวเขา
อาจกล่าวได้ว่า เมืองเยี่ยนตูในเวลานี้ หยางเฉินนั้นมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้ขึ้นเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
ในฐานะสมาชิกของตระกูลเดอะคิง เธอเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของคิงแห่งเยี่ยนตู ผู้ที่สามารถควบคุมตี้ชุนได้
เมื่อร้อยปีที่แล้ว คนที่ลดระดับราชวงศ์ทั้งห้าที่มีตระกูลกวนรวมอยู่ในนั้นด้วยไปเป็นตระกูลเดอะคิงทั้งห้า ก็คือคนที่มาจากตี้ชุน
เป็นไปได้ว่าตี้ชุนนั้นหยั่งรากลึกเพียงใด เมื่อมีคนล่วงเกินยอดฝีมือผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะสืบทอดตี้ชุน มันจะเป็นหายนะสำหรับตระกูลกวน
“เล่นกับไฟ ไฟเผาตน?”
กวนซินหัวเราะเยาะ พูดอย่างไม่แยแส “เธอคงไม่คิดว่าหยางเฉินมีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูหรอกนะ?”
กวนเย่วจ้องเขม็งใส่กวนซิน ดวงตาแดงก่ำพูดด้วยความโกรธ “ฉันว่าเธออย่าทำแบบนั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก และเธอก็ไม่สามารถแบกรับได้ไหว!”
“ไหนเธอบอกว่า คุณปู่ให้เธอพาฉันกลับไปที่เมืองกษัตริย์กวนเพื่อแต่งงานกับทางราชวงศ์ไง?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ควรส่งฉันกลับไปที่เมืองกษัตริย์กวนโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นการแต่งงานจะล่าช้า ถ้าคุณปู่โกรธ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!”
กวนเย่วยิ้มพลางส่ายหน้า “กวนเย่ว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอเป็นห่วงผู้ชายคนหนึ่งมากขนาดนี้ เธอคงไม่ได้ตกหลุมรักเขาแล้วหรอกนะ?”
“กวนซิน หุบปากไปเลย!”
กวนเย่วเขินอายจนโมโห “เขาเป็นอาจารย์ของฉัน ฉันชอบความแข็งแกร่งในวิถีบู๊ของเขา ดังนั้นฉันจึงอยากนับถือเขาเป็นอาจารย์ เธออย่าเอาแต่พูดจาเหลวไหล!”
“ใครจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ?”
กวนซินยิ้มร่าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ว่าเธอจะชอบเขาหรือไม่ก็ช่างมันเถอะ เพราะถ้าวันนี้เขามา ฉันเตรียมไว้แค่สองทางเลือกให้เขา”
“ทางเลือกแรกคือการมาเป็นสุนัขของตระกูลกวนของเราในอนาคต ตระกูลกวนจะสนับสนุนให้เขาได้ขึ้นเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูที่แท้จริง”
“ส่วนทางเลือกที่สอง มันเป็นทางตัน ถ้าเขาไม่ตกลงก็ต้องตายเท่านั้น”
“ส่วนเรื่องที่คุณปู่ให้เธอแต่งงาน เธอไม่ต้องเป็นห่วง รอให้เรื่องทางนี้คลี่คลายแล้ว ฉันจะส่งเธอกลับไปเอง”
กวนเย่วร้อนใจ พูดอย่างโกรธเคือง “กวนซิน เธออย่าทำอย่างนั้นจะดีกว่า อาจารย์ของฉันไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป”
“ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาจริงๆ เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
“เธออยากให้เขายอมสวามิภักดิ์ เธอไม่เคยลองกับตระกูลเดอะคิงอื่นๆ บ้างเลยเหรอ”
“ตราบใดที่เขาไม่เห็นด้วย พวกเธอทุกคนอยากให้เขาตาย ถ้าเขาอ่อนแอจนลมพัดปลิวจริงๆ จะยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้ไหม?”
กวนเย่วอยากจะไหว้ครู แต่ก็อยากครอบครองอาจารย์ที่แข็งแกร่งคนนี้ด้วย เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจับแต่งงานให้เธอ
ด้วยอิทธิพลและความแข็งแกร่งที่หยางเฉินแสดงออกมาในเวลานี้ ตราบใดที่ตระกูลเซวยอมอ่อนน้อมถ่อมตน หยางเฉินก็จะไม่เป็นศัตรูของตระกูลเซวแน่นอน
บางทีตระกูลอาจเห็นแก่หยางเฉิน ยอมล้มเลิกการแต่งงานกับทางราชวงศ์ก็ได้
นี่คือเหตุผลที่เธออยากไหว้ครูด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อกวนซินต้องการให้หยางเฉินตาย มันจะเป็นปัญหาใหญ่มาก
“กวนเย่ว เธอคงไม่รู้หรอกว่าฉันสร้างการป้องกันอย่างแน่นหนาเอาไว้ที่นี่ยังไง เว้นแต่เขาจะเป็นยอดฝีมือแดนเทพ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในวิลล่าพร้อมสวนหลังนี้ ก็อย่าได้คิดจะกลับออกไป!”
กวนซินกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
กวนเย่วหน้าซีด เธอกัดฟันพูดว่า “กวนซิน ฉันว่าก่อนที่เธอจะทำแบบนี้ ให้ไปรายงานคุณปู่ก่อนดีกว่า มิฉะนั้นหากเกิดเรื่อง เธอจะแบกรับไม่ไหว!”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาเป็นห่วงหรอก หลังจากที่ฉันได้ครอบครองเมืองเยี่ยนตูแล้ว คุณปู่จะต้องสมนาคุณฉันอย่างงามแน่นอน”
กวนซินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นดังนั้นกวนเย่วก็ยอมแพ้ เลิกเกลี้ยกล่อมเธออีก แค่พูดว่า “ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน!”
กวนเย่วเพิ่งถูกยิงบาดเจ็บมาเมื่อวานนี้ และถูกกวนซินบังคับพาตัวออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้แผ่นหลังของเธอแดงฉานไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือดใดๆ
“เจ้านาย ผู้หญิงคนนี้เลือดออกมาก คงไม่ตายใช่ไหม?”
ในเวลานี้ลูกน้องของกวนซินคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความกังวล
กวนซินกวาดสายตามองดูแผ่นหลังของกวนเย่วอย่างเฉยเมยพลางยิ้มเยาะ “ไม่ต้องเป็นห่วง เธอไม่ตายหรอก อย่างมากก็เสียเลือดมากจนสลบไปเท่านั้นเอง”
“แน่นอน ต่อให้ตายก็ไม่เป็นไร อันที่จริงเธอก็เอาตัวบังกระสุนให้ผู้ชาย ตายก็สมควรแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ลูกน้องก็ไม่แนะนำอะไรอีก
กวนเย่วกัดริมฝีปากแดงแน่น ในส่วนลึกของนัยน์ตามีความเจ็บปวดแฝงอยู่
ถึงอย่างไรกวนซินก็เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่กล้าพูดออกมาเช่นนี้ แสดงว่าไม่เห็นชีวิตและความปลอดภัยของเธออยู่ในสายตาเลย
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วหรือยัง?”
กวนซินถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ลูกน้องพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ยอดฝีมือแดนราชา ต่อให้มีปีกบินก็หนีไม่พ้น”
“ดี พาผู้หญิงคนนี้เข้าไปก่อน คาดว่าเจ้าหมอนั่นน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้”
กวนซินกล่าว
กวนเย่วถูกพาเข้าไปด้านในวิลล่า กวนซินกำลังนั่งอยู่ในลานบ้านบนเก้าอี้นอนอาบแดดด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน
แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่ฤดูหนาวในเมืองเยี่ยนตูก็ไม่หนาวมาก แดดอุ่นๆ สาดส่องลงมาที่ตัวเธอ สบายตัวเหลือเกิน
ข้างหลังเธอมีองครักษ์ตระกูลกวนอยู่สองคน ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับรูปปั้น
บรืน!
ทันใดนั้น เสียงเร่งเครื่องก็ดังคำรามกึกก้องไปทั่วฟ้า จากนั้นรถโฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทันทีราวกับสายฟ้าฟาดสีดำ
ทันทีที่หยางเฉินก้าวลงจากรถ องครักษ์หลายสิบนายก็เข้ามารายล้อมเขาไว้ทันที
“ในที่สุดคุณก็มาแล้ว!”
พอเห็นหยางเฉิน กวนซินก็หัวเราะออกมา ในแววตามีความสนุกสนาน
ในเวลานี้ตำแหน่งบนศีรษะและหัวใจของหยางเฉิน รวมถึงแขนขาของเขาล้วนมีจุดสีแดงเล็งเป้าอยู่
ถ้านับคร่าวๆ ทันทีที่เขาลงจากรถก็มีปืนไรเฟิลซุ่มยิงสิบกว่ากระบอกเล็งจุดสีแดงไปที่ตัวเขา
แสดงให้เห็นว่ารอบๆ วิลล่ามีพลซุ่มยิงสิบกว่าคนค่อยซุ่มอยู่ในมุมมืด ทั้งหมดกำลังเล็งเป้ามาที่หยางเฉิน
“กวนเย่วอยู่ที่ไหน?”
หยางเฉินเหมือนไม่ได้สังเกตว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายของพลซุ่มยิงกว่าสิบคน เขายังมองกวนเย่วด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เมื่อเห็นหยางเฉินที่มีท่าทีสุขุม กวนซินก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา
“หยางเฉิน คุณรู้สถานการณ์ปัจจุบันของคุณหรือเปล่า?”
เธอถามด้วยรอยยิ้ม
เธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้นอนโดยไม่สนใจว่าหยางเฉินจะพุ่งตรงมาที่เธอ
พลซุ่มยิงสิบกว่าคน องครักษ์ตระกูลกวนระดับสุดยอดอีกสิบกว่าคน ไม่ใช่แค่นี้ เธอยังมีองครักษ์ระดับยอดฝีมือของตระกูลกวนคอยอารักขาอยู่ข้างๆ อีกด้วย
มีกำลังพลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กวนซินไม่เชื่อว่าจะทำอะไรหยางเฉินไม่ได้