เดิมทีหม่าชาวกับอ้ายหลินที่จิตใจหดหู่ เพราะหยางเฉินยกหุ้นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้กวนซิน แต่เพราะการปรากฏตัวของน้องสาว ทำให้บรรยากาศแห่งความยินดีของงานแต่ง เกิดขึ้นอีกครั้ง
“เสียวเสวี่ย เธอคือภรรยาของพี่หยาง พี่ของเธอ แล้วก็เป็นพี่สะใภ้เธอด้วย”
หยางเฉินพา หมีเสวี่ยมานั่งข้างฉินซี ยิ้มและเอ่ยแนะนำ
เมื่อ หมีเสวี่ยเห็นฉินซี เธอรู้สึกตกตะลึงในความงาม จนอดพูดไม่ได้ “พี่สะใภ้เป็นเซียนสาว ที่ลงมาจากสวรรค์หรือเปล่า ไม่งั้น ทำไมถึงงดงามขนาดนี้”
“พรวด!”
ฉินซีอดขำออกมาไม่ได้ เธอจับแขน หมีเสวี่ยแล้วพูดว่า “เสียวเสวี่ย ฉันไม่ใช่เซียนสาวอะไรหรอก แต่เป็นพี่สะใภ้เธอ ฉันชื่อฉินซี”
พูดจบ ฉินซีก็พูดกับเสี้ยวเสี้ยวว่า “เสี้ยวเสี้ยวเรียกป้าสิ!”
“สวัสดีค่ะคุณป้า! หนูชื่อเสี้ยวเสี้ยว”
เสียงหวานของเสี้ยวเสี้ยวดังขึ้น
หมีเสวี่ยจึงสังเกตเห็นเสี้ยวเสี้ยว จู่ๆ เธอชอบมาก ขณะเดียวกันก็ตื้นตันใจมาก ฉินซีให้เสี้ยวเสี้ยวเรียกตัวเองว่าป้า คิดว่าตัวเองเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหยางเฉินจริงๆ
หมีเสวี่ยที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของครอบครัวมาสิบกว่าปี ภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของครอบครัวที่หายไปสิบกว่าปี จู่ๆ ก็ตื้นตันจนยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
ขณะนั้น พิธีการแต่งงานก็เสร็จสิ้นแล้ว พิธีกรลงจากเวที ถึงช่วงการดื่มเหล้ามงคล
หม่าชาวกับอ้ายหลินเพิ่งดื่มเหล้ามงคลไปได้ไม่กี่โต๊ะ หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ
“ที่รัก เป็นอะไรเหรอ”
ฉินซีสังเกตเห็นสีหน้าของสามีผิดปกติ จึงถามอย่างกังวล
“อีกเดี๋ยว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกคุณไม่ต้องสนใจอะไรมาก มีผมอยู่!”
หยางเฉินเพิ่งพูดจบ ชายในชุดดำสิบกว่าคน เดินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คนที่เดินนำมา คือชายวัยกลางคน
“คึกคักดีจัง!”
ชายวัยกลางคนหัวเราะร่า และเอ่ยขึ้น “ไม่รู้วันนี้เป็นงานมงคลของน้องชายท่านใด”
“นาย!”
หม่าชาวเดินเข้ามา มองชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา “หลิวฉี นายยังกล้ามาหาเรื่องฉันเหรอ”
“โอ๊ะ! นี่ประธานคนใหม่ของ ซินเฉ่ากรุ๊ป ประธานหม่าใช่ไหม”
หลิวฉีแสร้งทำสีหน้าตกใจ ยิ้มแล้วพูดว่า “ที่แท้วันนี้เป็นงานแต่งของประธานหม่านี่เอง ดูเหมือนฉันจะมาถูกที่แล้วสิ”
ความอาฆาตฉายขึ้นในแววตาของหยางเฉิน
คนของตระกูลกวนมาก่อเรื่อง ทำให้เขาโมโหมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่อยู่ในสายตาเขาอย่างหลิวฉี จะกล้าพาคนมาที่นี่
“ถุย! นี่อาหารหมูหรือเปล่าเนี่ย ประธานหม่า คนที่มาร่วมงาน ล้วนมายินดีกับนาย นายเอาอาหารหมูมาต้อนรับแขกที่มาอวยพรเหรอ”
หลิวฉีทานอาหารไปหนึ่งคำ เพิ่งเคี้ยวก็พ่นออกมา
“หุบปาก!”
เดิมทีหม่าชาวโมโหมากอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นงานมงคล ไม่เหมาะแก่การนองเลือด เขาคงลงมือไปนานแล้ว
“โครม!”
จู่ๆ หลิวฉี คว่ำโต๊ะอาหาร จนอาหารเลิศรสที่อยู่บนโต๊ะ กระจายลงเต็มพื้น ถ้วยชามหล่นกระจายเต็มพื้น
“ไอ้เลว รนหาที่ตาย!”
ในที่สุดหม่าชาวก็ทนไม่ไหว และจะลงมือ
“เดี๋ยวฉันเอง!”
หยางเฉินเดินเข้ามา กดไหล่ของหม่าชาวเอาไว้
“ตระกูลคิงไป๋ อวยพรพิธีสมรสของคุณหม่าชาว มอบเงินให้หมื่นล้าน!”
ขณะนั้น เสียงก้องกังวาน ดังขึ้นที่ประตูห้องจัดเลี้ยง
จากนั้น สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งในชุดเป็นทางการ เดินประสานมือกันเข้ามา
ขณะนั้น ทุกคนถึงกับอึ้งไป
พวกเขาไม่ได้ตกใจสองสามีภรรยาวัยกลางคนคู่นี้ แต่เป็นเงินหมื่นล้านที่พวกเขามอบให้ แถมยังมีปูมหลังเป็นตระกูลเดอะคิงด้วย
หยางเฉินก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย ถึงเขาเจอสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นครั้งแรก แต่พอเดาฐานะของอีกฝ่ายได้
ใช้ชื่อของตระกูลคิงไป๋มอบเงินหมื่นล้าน ฐานะจะต้อยต่ำได้อย่างไรล่ะ
ต้องเป็นสายเลือดตรงของตระกูลคิงไป๋แน่นอน
“สวัสดี ผมชื่อไป๋ชิ่งแห่งตระกูลคิงไป๋ ทราบว่าวันนี้เป็นงานมงคลของคุณหม่า มาโดยไม่ได้รับเชิญ คุณหม่าคงไม่ถือโทษโกรธเคืองใช่ไหมครับ”
ไป๋ชิ่งเดินมาตรงหน้าหม่าชาว เขาเป็นฝ่ายยื่นมือออกมา หัวเราะและเอ่ยขึ้น
จู่ๆ หม่าชาวอึ้งไป เขามักจะทำอะไร ให้ไม่เป็นจุดสนใจมาตลอด ไม่เคยรู้จักคนของตระกูลคิงไป๋
วันนี้คนของตระกูลคิงไป๋ มามอบเงินหมื่นล้านให้ด้วยตัวเอง แถมยังเป็นฝ่ายแสดงความเป็นมิตร จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงหันไปมองหยางเฉิน
แต่ดูเหมือนไป๋ชิ่งไม่เคยรู้รูปร่างหน้าตาของหยางเฉิน จึงเอาแต่ยิ้มให้หม่าชาว
หลังเห็นหยางเฉินพยักหน้า หม่าชาวจึงยื่นมือไปจับมือไป๋ชิ่ง จากนั้นจึงรีบพูดปฏิเสธ “ผมรับความหวังดีของคุณไป๋ ด้วยใจ แต่เงินหมื่นล้านมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้ครับ”
ไป๋ชิ่งแห่งตระกูลคิงไป๋ มาร่วมงานมงคลของหม่าชาวด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมอบเงินหมื่นล้าน มากพอที่จะทำให้คนตกตะลึง
แต่ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้น หม่าชาวกลับปฏิเสธ
อย่าว่าแต่มอบเงินหมื่นล้านเป็นของขวัญเลย แค่เงินร้อยล้าน ทุกคนยังไม่เคยได้ยินเลย
ราวกับไม่ได้เหนือความคาดหมายของไป๋ชิ่ง เขายิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนคุณหม่าไม่ต้อนรับผม”
การที่หม่าชาวปฏิเสธ เพราะแค่ไม่อยากเพิ่มเรื่องวุ่นวายให้หยางเฉิน
ตอนนี้คนของตระกูลเดอะคิงทั้งห้า ปรากฏตัวในเมืองเยี่ยนตูอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของพวกเขามีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือควบคุมเมืองเยี่ยนตู และควบคุมตี้ชุนจากสิ่งนี้
หยางเฉินเป็นคนที่มีความหวังว่าจะกลายเป็นคิงแห่งเยี่ยนตูได้มากที่สุด นั่นหมายความว่า ถ้าตระกูลเดอะคิงตระกูลไหนควบคุมหยางเฉินได้ ก็เท่ากับควบคุมเมืองเยี่ยนตูได้
แม้รู้เหตุผลพวกนี้ หม่าชาวก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงในการมาของไป๋ชิ่ง จึงไม่ทำเจตนาร้ายกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว
“คุณไป๋คิดร้ายแรงไปแล้ว คุณมาร่วมงานแต่งของผมได้ ถือเป็นเกียรติของผม แต่เงินหมื่นล้าน จำนวนเยอะเกินไปจริงๆ ครับ ผมเกรงว่าต่อไปจะไม่มีทางคืนสิ่งมีค่าให้คุณไป๋ได้”
น้ำเสียงของหม่าชาว ไม่แข็งกร้าวหรืออ่อนโยนจนเกินไป เขาพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “คุณไป๋มาด้วยตัวเอง เป็นสิ่งล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่แล้วครับ”
ขนาดหม่าชาวยังคิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าหม่าชาวจะพูดคำพวกนี้ออกมา
ไป๋ชิ่งยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมไม่บังคับแล้ว”
พูดจบ เขาส่งสัญญาณทางสายตา ภรรยาของเขาเอาอั่งเปาสีแดง ออกมาจากกระเป๋าถือที่เอาติดตัวมาด้วย ซองอั่งเปาดูพองๆ น่าจะมีเงินเป็นหมื่นหยวน
“งั้นผมมอบเงินให้ 99,999 หยวน ขอให้คุณหม่ากับคุณอ้าย ยืนยาวยาวนาน สุขสันต์วันมงคล!”
ไป๋ชิ่งยิ้มและยื่นอั่งเปาให้หม่าชาว แฝงไปด้วยการเยาะเย้ย “ครั้งนี้คุณหม่าคงไม่รู้สึกว่าเงินมากไป และคืนไม่ไหวใช่ไหม”
ครั้งนี้ หม่าชาวรับอั่งเปามา “งั้นขอบคุณคุณไป๋มากครับ เชิญคุณไป๋นั่งครับ!”
“ให้ตายเถอะ!”
หม่าชาวกำลังจะพาไป๋ชิ่งไปนั่งโต๊ะของหยางเฉิน หลิวฉีที่มาก่อเรื่องก่อนหน้านี้ ก่นด่าอย่างโมโห “นายเห็นฉันอยู่ในสายตาบ้างไหม ให้ตายเถอะ”
“นี่ล้วนเป็นแขกของนายทั้งนั้น นายเห็นฉันเป็นอะไร”
“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันจะบอกให้นะ ฉันคือผู้จัดการใหญ่ของ ซินเฉ่ากรุ๊ป ที่ตระกูลกษัตริย์เซวส่งมา ถึงนายเป็นประธานแล้วยังไง”
“เชื่อไหมแค่ฉันโทรสายเดียว ก็สามารถเฉดหัวนายออกจาก ซินเฉ่ากรุ๊ปได้”
ท่าทางของหลิวฉีอวดดีเป็นอย่างมาก เขาทำเป็นจะโทรศัทพ์
“ตระกูลกษัตริย์เซวงั้นเหรอ”