ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1972 : ชนะรึแพ้

ตอนที่ 1972 : ชนะรึแพ้

  ไฟสีทองรอบดาบได้ปะทุหนักขึ้นมามากกว่าเก่า มันกวาดไปยังพื้นที่โดยรอบราวกับทะเลไฟ

  พลังจิตอันแข็งแกร่งและพลังจักรพรรดิราวกับน้ำที่ไหลหลาก มันได้ปะทุออกมาจากดาบ ภายใต้พลังของจักรพรรดิแล้ว พลังอันน่ากลัวก็ได้แสดงกฎนับไม่ถ้วนออกมา มันราวกับพลังวิญญาณของทะเลบรรพกาลที่พุ่งเข้าใส่อู่หมิง

  สองพลังได้ปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสว่างจ้าขึ้นมาให้แสงกว่าครึ่งของทะเลบรรพกาล

  หลังจากที่ระเบิดเสร็จ แสงก็ได้รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว มันราวกับการระเบิดของดาว มันได้พังลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นหลุมดำ หลังจากที่บีบตัวตนถึงขีดสุดก็ได้ปล่อยคลื่นพลังออกมา คลื่นพลังนี้ทำให้ทะเลบรรพกาลโดยรอบบิดเบี้ยวไป ทะเลบรรพกาลสั่นไหวอย่างรุนแรงบรรพกาลใกล้ๆเองก็โดนทำลายและระเหยไปด้วย

  ตูม !

  คลื่นพลังกระจายไปโดยรอบ ทะเลบรรพกาลใกล้เคียงได้เปลี่ยนเป็นหลุมดำที่ปั่นป่วนไปทันที

  แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบคือม่านแสงที่เหมือนจะทนทุกพลังได้ แม้ว่าจะมีพลังทำลายล้างมากเพียงใดจากการต่อสู้แต่เมื่ออัดเข้ากับม่านแสงก็หายไปทันที มันราวกับเต้าหู้ที่กระทบกับหิน ม่านแสงไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย มันไม่สั่นไหวด้วยซ้ำ

  ทั้งเรนไนและอู่หมิงกระเด็นถอยออกมาแต่ด้วยพลังของสมบัติโกลาหลนั้นก็ทำให้ทั้งสองคนบาดเจ็บ

  ทั้งสองหอบหายใจและมองหน้ากัน

    ความแข็งแกร่งของเจ้าน่าแปลกใจจริงๆ  อู่หมิงพูดขึ้นมาช้าๆ

  เรนไนพูดขึ้นอย่างใจเย็น   เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน  

  ในการปะทะกันครั้งแรกทั้งสองนั้นเสมอกัน ไม่มีใครได้เปรียบ

    เขาแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง !  ซื่อเซียวและเย่าหยางถึงกับอึ้ง   เขาสู้กับอู่หมิงแต่กลับไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย ! 

  จักรพรรดิหน้าใหม่กลับเสมอกับจักรพรรดิเก่าได้ มันพลิกมุมมองของพวกเขาอย่างมาก

  แม้แต่หว่านเก่อก็ยังอึ้งไปด้วย นางไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเรนไนจะพัฒนามาถึงจุดนี้ได้

  ต้องรู้ก่อนว่า อู่หมิงไม่ใช่จักรพรรดิหน้าใหม่แต่เป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่เก่าแก่ที่สุดที่ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิมาหลายยุคแล้ว ความแข็งแกร่งของอู่หมิงนั้นคือหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่จักรพรรดิทั้งเก้า แม้แต่ซื่อเซียวก็ยังไม่แน่ว่าจะสู้กับอู่หมิงได้ บางทีช่องว่างอาจจะไม่มากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะมองข้ามช่องว่างนี้ได้    แม่ทัพสูงสุดที่ขึ้นเป็นจักรพรรดินั้นจะแกร่งกว่าจักรพรรดิทั่วไปรึ ?  อู่หมิงไม่มั่นใจ

  ความต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับเรนไนคือเรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิตอนที่เป็นแม่ทัพสูงสุด

  นี่คือเงื่อนไขของการขึ้นเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล ที่ตั้งขึ้นโดนจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล

  อู่หมิงและคนอื่นๆใช้วิธีการดูดซับลูกปัดจักรพรรดิเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิ ส่วนเรนไนนั้นไม่ได้ใช้ลูกปัดใดๆ ทั้งสิ้นเขาเป็นแม่ทัพสูงสุดและได้แบกรับพลังของจักรพรรดิ เขาทนพลังจักรพรรดิที่เข้ามาในตัวก่อนจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ ความยากของทั้งสองแบบนั้นไม่เหมือนกัน

  บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้พวกเขาต่างกันมากแบบนี้

  ยังไงซะจักรพรรดิทะเลโกลาหลที่พัฒนาขึ้นโดยลูกปัดจักรพรรดิก็ยังมีข้อเสีย พวกเขาต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมข้อเสียเหล่านั้นแต่สำหรับจักรพรรดิที่พึ่งความสามารถของตัวเองเพื่อให้ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้นั้นจึงเป็นธรรมดาที่ไม่อาจจะเอากลุ่มแรกมาเทียบได้

  หากจักรพรรดิของทะเลโกลาหลไม่ได้ลูกปัดจักรพรรดิมาแต่ขึ้นเป็นจักรพรรดิจากแม่ทัพ งั้นนอกจากแม่ทัพสูงสุดแล้วคงไม่อาจจะมีใครทนพลังของจักรพรรดิได้ ซื่อเซียว, เย่าหยาง, หว่านเก่อ, อู่หมิงและคนอื่นๆเกรงว่าคงไม่อาจจะมีใครขึ้นเป็นจักรพรรดิได้เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนั้นคาดว่าคงไม่อาจจะทนรับแรงกดดันจากพลังจักรพรรดิได้

  นี่คือจุดอ่อนของจักรพรรดิจากทะเลโกลาหล !

  หากต้องการเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล งั้นมันก็ยากกว่าการขึ้นเป็นจักรพรรดิของทะเลโกลาหล งั้นความแข็งแกร่งของจักรพรรดิจากทะเลบรรพกาลก็ต้องเหนือกว่าจักรพรรดิจากทะเลโกลาหลภายใต้ระดับเดียวกัน !   หากอู่หมิงไม่ใช่จักรพรรดิเก่า หากเขาเป็นจักรพรรดิหน้าใหม่เหมือนกันกัยเรนไน เดาว่าเขาคงไม่อาจจะทนการโจมตีได้ถึงสามครั้งด้วยซ้ำ….

  จักรพรรดิทะเลบรรพกาลนั้นเหมือนกับคนที่ขึ้นเป็นผู้อมตะโดยพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเอง ส่วนจักรพรรดิทะเลโกลาหลเหมือนกับผู้อมตะที่พึ่งทรัพยากร แม้ว่าจะเป็นผู้อมตะเหมือนกันแต่ก็ยังมีความต่างกันอยู่

  กิ่งไม้ในมืออู่หมิงสะบัดออกไปพร้อมพลังชีวิตที่กระจายไปโดยรอบ

  เมื่อเห็นแบบนั้นพลังจิตและพลังจักรพรรดิในตัวเรนไนก็ปะทุออกมา มันโคจรไปทั่วตัวของเขา ในเวลาไม่กี่อึดใจร่างของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมา

  ในอีกด้านมือของ อู่หมิงก็สะบัดไปมา เสาแสงสองอันได้เชื่อมต่อกับกิ่งไม้ พลังจิตและพลังจักรพรรดิได้โคจรไปในเสาแสงทั้งสอง มันโคจรไปมาอย่างต่อเนื่อง พลังของมันน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเอง อู่หมิงได้ผลักมือออกมาทำให้ลำแสงรวมเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้พลังของจักรพรรดิแล้ว มันกลับแผ่พลังทำลายล้างไม่รู้จบออกมา !

  จากชีวิตเป็นการทำลายล้างในพริบตา

  ตูม ! มันมีกฎนับพันล้าน พลังไร้เทียมทานเหนือมิติและเวลาได้โคจรผ่านทะเลบรรพกาลตรงเข้าหาเรนไน

  จิตของเรนไนผันผวน ดาบได้แผ่แสงสีทองออกมาถึงขีดสุดราวกับจะเผาไหม้ทั้งทะเลบรรพกาล ปลายดาบอัดแน่นไปด้วยพลังจิตและพลังจักรพรรดิ มันคือสมบัติขั้นสมบูรณ์เช่นกัน มันมีวิถีนับร้อยล้านที่แผ่ออกมา

  ในพริบตาพลังทั้งสองก็ได้ปะทะกัน ทุกอย่างโดนทำลาย ทะเลบรรพกาลถึงกับบิดเบี้ยวไปด้วย

  ตูม !

  พลังทั้งสองราวกับพลุไฟที่ระเบิดออก มันได้ส่องแสงไปทั้งทะเลบรรพกาล  เรนไนและอู่หมิงต่างก็กระเด็นออกมาเพราะคลื่นพลังสะท้อนนี้

  อู่หมิงฮึดฮัดออกมา ร่างของเขาแทบถึงขีดจำกัดแล้ว แม้แต่เกราะของเขาก็ยังมีรอยแตก

  ในตอนที่เรนไนกระเด็นกลับมานั้น ใจกลางเกราะของเขากลับห่นแสงลงและมีรอยแตกหลายจุดปรากฏขึ้นมา มันลามไปทั่วทั้งตัว ภายใต้พลังสะท้อนอันน่ากลัวแล้ว มันได้กำจัดพลังของเขาอย่างรวดเร็วแต่ เรนไนรู้ตัวเร็วตอนที่ร่างกายเขากำลังโดนทำลายอยู่นั้น เขาก็ได้สร้างร่างกายใหม่และประคองตัวเองเอาไว้

    ข้ายอมแพ้  เรนไนคิ้วขมวและมองไปที่เกราะที่แตกของตนแล้วถอนหายใจออกมา

  เกราะแตกไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อ

  อู่หมิงมองไปที่เรนไนด้วยสีหน้าซับซ้อนก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น  เจ้าไม่ได้แพ้ เจ้าจะแพ้อะไรกับแค่การเสียเกราะ    หากไม่มีเกราะนี่ งั้นก็ไม่แน่ว่าการต่อสู้นี้ใครจะแพ้รึชนะ

    แพ้ก็คือแพ้  เรนไนยอมรับ เขาไม่ได้แก้ตัว   เกราะเองก็คือส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง  

  อู่หมิงเงียบไปชั่วครู่และถอนหายใจออกมา  หากจะบอกเช่นนั้น….งั้นนายที่เพิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิที่สู้ฉันได้ถึงระดับนี้…หากไม่มีอาวุธกับเกราะแล้วฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือนายได้..บางทีฉันนี่แหละที่เป็นคนแพ้  

  อู่หมิงรู้สึกว่าหากไม่ใช่เพราะอาวุธและเกราะของเขาแล้ว บางทีเขาอาจจะเป็นคู่มือของเรนไนไม่ได้

  แรงกดดันที่เรนไนสร้างขึ้นมานั้นมากกว่าซื่อเซียวและเย่าหยางเสียอีก !

  แม้ว่าอู่หมิงจะเป็นฝ่ายชนะแต่ชัยชนะแบบนี้อู่หมิงก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย เขากลับตระหนักได้ถึงความต่างของเขากับเรนไน  ต้องบอกว่านอกจากอาวุธกับเกราะแล้ว หากต้องพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเองล้วนๆแล้วเรนไนน่าจะเหนือกว่าเขา

  ในการต่อสู้ตะกี้ เรนไนพึ่งแค่ความแข็งแกร่งของตัวเองทดแทนช่องว่างระหว่างอาวุธกับเกราะของทั้งสองฝ่าย !

  มันน่ากลัวแค่ไหนกัน ?

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท