ทุกอย่างได้กลับคืนสู่ความสงบ แต่ภายใต้ความสงบนี้เผ่าสวรรค์กลับต้องเคร่งเครียดกันอย่างมาก มันราวกับมีคลื่นพายุกำลังก่อตัวขึ้นมา
การแข่งขันชิงก้อนแก่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในการแข่งขันทุกครั้งนั้นต้องมีการต่อสู้กันระหว่างสองเผ่า แม้แต่การต่อสู้เล็กก็มีแม่ทัพที่ต้องตายไป
เมื่อมันเป็นสงคราม งั้นมันก็ต้องมีการหลั่งเลือดและความตายเกิดขึ้น
มันไม่เหมือนการต่อสู้เล็กๆทั่วไป ในสงครามชิงก้อนแก่นนี้ทั้งสองเผ่าต่างก็มีคนเสียชีวิตในระดับที่แตกต่างกันไป
นี่ไม่ต้องพูดถึงจ้าวโกลาหลทั่วไปเลย แม้แต่แม่ทัพก็ยังไม่กล้าบอกว่าตัวเองจะรอดและปลอดภัยกลับมาได้
สงครามในอดีต มันไม่มีครั้งไหนเลยที่ไม่มีแม่ทัพตายไป
บอกได้ว่าการแข่งขันทุกครั้งนั้นจะส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่ายอย่างมาก ฝั่งหนึ่งถือว่าหายนะ แต่อีกฝ่ายได้เปรียบแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันส่งผลต่อชะตาของทั้งสองเผ่าอย่างมาก
การแข่งขันรอบใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในฐานะฝ่ายที่เสียเปรียบ จึงเป็นธรรมดาที่เผ่าสวรรค์ต้องกังวล
ตอนนี้แม่ทัพของมนุษย์เหมือนจะหายไปจากโกลาหล สงครามก่อนการแข่งขันไม่เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าจักรพรรดิคังเฉียงได้ไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้แล้ว มันสร้างความวุ่นวายอย่างมาก ข่าวนี้โด่งดังไปถึงฝั่งเผ่าสวรรค์ มันได้สร้างความกังวลและส่งผลต่อการแข่งขันนี้เป็นอย่างมาก หากเทียบกับการแข่งขันนี้แล้ว ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าน่าสนใจยิ่งกว่า ไม่มีใครรู้ว่าข่าวลือนี้มาจากไหน เพราะข่าวลือนี้เผยแพร่ออกมาอย่างรวดเร็ว ในชั่วข้ามคืนมันก็โด่งดังไปทั่วทั้งเขตซื่อเซียว จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครรู้ว่าต้นตอของข่าวนี้มาจากไหน
นอกจากเก่อเย่แล้ว จะมีใครอีกที่รู้ว่ากล่องกระบี่ตกอยู่ในมือจักรพรรดิคังเฉียง ?
บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการของเก่อเย่ แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ก็ยังมีทางเผยแพร่เรื่องนี้ออกมาอยู่ดี ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจว่ากล่องกระบี่ตกอยู่ในมือของจักรพรรดิคังเฉียง มันถือเป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุดของเก่อเย่เลยก็ว่าได้
และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาจะทำแบบนี้ได้ก่อนที่จะตาย
จางหยูแค่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีแก้แค้นแบบนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อเขาเลย มันไม่ต่างอะไรจากแค่การสะกิด
…. ที่ทะเลบรรพกาล
ซื่อเซียว, เย่าหยางและ อู่หมิงที่สงบเงียบมากว่าล้านปีก็เริ่มลนลานอีกครั้ง
เจ้าตรวจสอบข่าวที่มาจากเขตซื่อเซียวรึยัง ? เย่าหยางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ซื่อเซียวแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาและพูดขึ้น ให้เจ้าเชื่อได้เลยว่าข่าวลือนี้เป็นจริงอย่างแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้แล้วรึไม่แต่กล่องกระบี่อยู่ในมือของเขาแน่
เย่าหยางตาเป็นประกายขึ้นมา งั้นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้เพราะไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้งั้นรึ ?
ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ! ซื่อเซียวพูดขึ้น หากไม่ได้ไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลแล้ว เขาจะแกร่งแบบนี้ได้ยังไง ?
แม้ว่าจักรพรรดิทะเลบรรพกาลจะแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็ไม่แกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุลหลิงได้แบบนี้แน่
ซื่อเซียวแสดงสายตาโลภมากออกมา หากเราได้กล่องกระบี่มา บางทีอาจจะมีโอกาสขึ้นไปเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลก็เป็นได้ !
ความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้น พวกเขารับรู้มาแล้ว พวกเขารู้สึกว่าโดนกดทับด้วยพลังอันไร้เทียมทาน บอกได้ว่าไม่อาจจะต้านทานได้เลย
อู่หมิงคิ้วขมวด หากข่าวลือนี้เป็นจริง เมื่อกล่องกระบี่อยู่ในมือจักรพรรดิคังเฉียง งั้นเขาจะยกให้เราได้ยังไง ?
แม้ว่าพวกเขาจะกล้ากว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบังคับจางหยู เพราะหากพวกเขาทำให้จางหยูไม่พอใจและอีกฝ่ายไม่คิดไว้หน้าพวกเขา งั้นพวกเขาจะทำยังไง ?
ด้วยความแข็งแกร่งของจักรพรรดิคังเฉียงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันแต่ก็ยากที่จะรับมือได้ ซื่อเซียวและเย่าหยางเงียบไป หากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิคนอื่นแล้ว พวกเขาก็พอจะหาทางชิงเอากล่องกระบี่มาได้แต่จักรพรรดิคังเฉียงนั้นยุ่งยากเกินไป
กล่องกระบี่คือสมบัติของทะเลโกลาหล ซื่อเซียวพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ จักรพรรดิคังเฉียงไม่มีสิทธิ์ยึดครองมันไว้
แน่นอนว่าเขากล้าแค่บ่นออกมาเท่านั้น หากเขาต้องพูดแบบนี้กับจักรพรรดิคังเฉียงแล้ว เขาก็ไม่มีความกล้าพอ
งั้นเจ้าก็ต้องลองดู เย่าหยางไม่ได้สนใจคำบ่นของซื่อเซียวและพูดขึ้น กล่องกระบี่คือสมบัติของทะเลโกลาหล ในฐานะจักรพรรดิของทะเลโกลาหลแล้ว ความเป็นเจ้าของกล่องกระบี่นั้นเราควรเป็นคนตัดสิน แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงไม่คิดจะคืนมันแต่อย่างน้อยก็ควรจะแบ่งปันมันกับเราบ้าง
แม้ว่าจะพูดแบบนั้นแต่เย่าหยางก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ที่เขาพูดมาแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันฟังไม่ขึ้น ไม่ เราให้ลูกปัดจิตทั้งหมดกับเขาได้และขอแบ่งปันกล่องกระบี่นั่นมา คงไม่ยากเท่าไหร่ ซื่อเซียวกัดฟันแน่นและพูดขึ้น
แม้ว่าลูกปัดจิตจะล้ำค่าแต่มันก็ไม่มีค่าใดๆเมื่อเทียบกับความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล
อู่หมิงมองไปยังทั้งสองคน เอาจริงๆแล้วข้าไม่คิดว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะตกลงกับเรา ข้าไม่คิดว่าจักรพรรดิจะยอมประนีประนอมด้วย…
แล้วยังไง ? เราได้แต่ยอมแพ้รึไง ? ซื่อเซียวไม่พอใจ
เย่าหยางถอนหายใจออกมา เรื่องนี้คงได้แต่ต้องทดสอบดูก่อน หากจักรพรรดิคังเฉียงเห็นด้วยล่ะ ?
แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่พวกเขาก็ยังหวังพึ่งโชคอยู่ดี ยังไงซะความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลก็เย้ายวนอย่างมาก ! หากเป็นไปตามที่เย่าหยางพูดล่ะ !
หากจักรพรรดิคังเฉียงตกลงล่ะ ?
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รังเกียจที่จะลอง
หากคิดจะลองจริงๆ ข้าเสนอว่าเจ้าควรติดต่อกับหว่านเก่อและเรนไนก่อน อู่หมิงพูดขึ้นมา หากทั้งสองคนร่วมมือด้วย บางทีโอกาสสำเร็จอาจจะมีมากขึ้น
จักรพรรดิทั้งห้ารวมกัน แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะไม่พอใจแต่ก็ต้องไว้หน้าพวกเขาบ้าง
พวกเขาน่ะรึ ? ซื่อเซียวคิ้วขมวดสักพักแล้วพูดขึ้นมา ก็ได้
ทั้งสามไม่ลังเลและเดินทางไปยังทะเลบรรพกาลใกล้กับเขตเรนไนทันที
มีเรื่องอะไร ? เรนไนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับหว่านเก่อก่อนที่พวกนั้นจะได้พูด เรนไนก็ได้ถามขึ้นมา
เจ้าคงได้ยินข่าวลือในเขตซื่อเซียวมาแล้วสินะ ? ซื่อเซียวพูดขึ้นตรงๆ เราวางแผนจะไปพบกับจักรพรรดิคังเฉียง หากทำได้ เราหวังว่าจะได้กล่องกระบี่กลับคืนมา พวกเจ้าจะเอาด้วยรึไม่ ?
อู่หมิงพูดขึ้น กล่องกระบี่เป็นของทะเลโกลาหล บางทีมันอาจจะเหมาะกว่าที่เราจะเก็บมันไว้
หว่านเก่อลังเลนางไม่ได้ตกลงรึปฏิเสธ
เรนไนพูดขึ้นมา พวกเจ้าจะไปก็ไปกันเอง ข้าเป็นจักรพรรดิทะเลบรรพกาล ข้าไม่ได้คิดช่วยจักรพรรดิคังเฉียงก็เท่ากับไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว…
ขอโทษด้วย หว่านเก่อได้ยินที่ เรนไน พูดมาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นางมองไปที่ ซื่อเซียว แล้วตอบกลับ ข้าไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
ซื่อเซียวสีหน้าหม่นลง เขาฮึดฮัดออกมาแล้วบอกกับอู่หมิง ดูสิ ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้โอกาสพวกเขาแต่พวกเขาไม่คิดร่วมมือด้วยเอง อู่หมิงไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อยราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาพยักหน้าให้เรนไนและหว่านเก่อแล้วพูดขึ้น ขอโทษที่รบกวนพวกเจ้า
เมื่อเรนไนและหว่านเก่อไม่คิดจะร่วมมือด้วย งั้นก็มีแต่พวกเขาแค่สามคน พวกเขาได้แต่หวังว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะไว้หน้าพวกเขาในฐานะจักรพรรดิทะเลโกลาหลและแบ่งปันความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลให้กับพวกเขาบ้าง หากจักรพรรดิคังเฉียงไม่ตกลง งั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
หลังจากที่ออกจากเขตเรนไนมาแล้ว ทั้งสามคนก็ได้แต่ต้องใช้ความกล้าทั้งหมดที่มี
ผ่านไปไม่นานทั้งสามก็มาถึงทะเลบรรพกาลที่ที่จางหยูอยู่ พวกเขาเห็นเงาดาบและเกราะขนาดใหญ่ไกลออกไป พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นคังเฉียงลวงตารึไม่ แต่พวกเขารู้สึกว่าเงาของเกราะและดาบนั้นใหญ่กว่าเดิม
สหายคังเฉียง ซื่อเซียว, เย่าหยางและอู่หมิงพากันมาหยุดตรงหน้าจางหยูและยิ้มออกมาราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
จางหยูมองไปยังทั้งสามคนด้วยท่าทีแปลกใจ การแข่งขันยังมาไม่ถึง พวกนี้คิดจะทำอะไร ?
พวกเจ้ามีอะไรกัน ? จางหยูถามขึ้นมาตรงๆ
ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานาน ข้าคิดถึงเจ้านิดๆ ข้าว่างอยู่พอดี ดังนั้นข้าจึงมาพูดคุยกับเจ้าถึงเรื่องในอดีตสหายคังเฉียงคงไม่ถือสาหรอกนะ ? ซื่อเซียวยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มนี้ดูน่าขนลุกจริงๆ
จางหยูสับสน เขาคิดว่าเขาไม่ได้สนิทอะไรกับพวกนี้ จะมาพูดคุยเรื่องอะไร ?
จางหยูคิ้วขมวดแล้วถามขึ้นมา หากมีเรื่องอะไรก็พูดมา อย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลา
เมื่อได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มของซื่อเซียวก็แข็งทื่อไป
เขามองไปที่เย่าหยางและอู่หมิงก่อนจะมองไปที่จางหยูเขาอยากจะพูดออกมาแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง
ถูกแล้ว เรามาที่นี่เพราะอยากรู้บางอย่างจากเจ้า เมื่อเห็นซื่อเซียวเงียบไปนาน เย่าหยางก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา มีข่าวลือในเขตซื่อเซียว ตามตำนานแล้วกล่องกระบี่ในมือซุนเหลียนเชิงนั้นมีความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล สุดท้ายกล่องกระบี่ก็อยู่ในมือสหายคังเฉียง ข้าขอถามทีว่านั่นจริงรึไม่ ?
จางหยูรู้ทันทีว่าพวกนี้มาเพราะกล่องกระบี่
เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเฉยเมย ก่อนจะตอบไป กล่องกระบี่อยู่กับข้าจริง พวกเจ้าอยากรู้อะไรรึ ?