ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1976 : ปัญหาจากกล่องกระบี่

ตอนที่ 1976 : ปัญหาจากกล่องกระบี่

  ทุกอย่างได้กลับคืนสู่ความสงบ แต่ภายใต้ความสงบนี้เผ่าสวรรค์กลับต้องเคร่งเครียดกันอย่างมาก มันราวกับมีคลื่นพายุกำลังก่อตัวขึ้นมา

  การแข่งขันชิงก้อนแก่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในการแข่งขันทุกครั้งนั้นต้องมีการต่อสู้กันระหว่างสองเผ่า แม้แต่การต่อสู้เล็กก็มีแม่ทัพที่ต้องตายไป

  เมื่อมันเป็นสงคราม งั้นมันก็ต้องมีการหลั่งเลือดและความตายเกิดขึ้น

  มันไม่เหมือนการต่อสู้เล็กๆทั่วไป ในสงครามชิงก้อนแก่นนี้ทั้งสองเผ่าต่างก็มีคนเสียชีวิตในระดับที่แตกต่างกันไป

  นี่ไม่ต้องพูดถึงจ้าวโกลาหลทั่วไปเลย แม้แต่แม่ทัพก็ยังไม่กล้าบอกว่าตัวเองจะรอดและปลอดภัยกลับมาได้

  สงครามในอดีต มันไม่มีครั้งไหนเลยที่ไม่มีแม่ทัพตายไป

  บอกได้ว่าการแข่งขันทุกครั้งนั้นจะส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่ายอย่างมาก ฝั่งหนึ่งถือว่าหายนะ แต่อีกฝ่ายได้เปรียบแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันส่งผลต่อชะตาของทั้งสองเผ่าอย่างมาก

  การแข่งขันรอบใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในฐานะฝ่ายที่เสียเปรียบ จึงเป็นธรรมดาที่เผ่าสวรรค์ต้องกังวล

  ตอนนี้แม่ทัพของมนุษย์เหมือนจะหายไปจากโกลาหล สงครามก่อนการแข่งขันไม่เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

  นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าจักรพรรดิคังเฉียงได้ไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้แล้ว มันสร้างความวุ่นวายอย่างมาก ข่าวนี้โด่งดังไปถึงฝั่งเผ่าสวรรค์ มันได้สร้างความกังวลและส่งผลต่อการแข่งขันนี้เป็นอย่างมาก หากเทียบกับการแข่งขันนี้แล้ว ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าน่าสนใจยิ่งกว่า  ไม่มีใครรู้ว่าข่าวลือนี้มาจากไหน เพราะข่าวลือนี้เผยแพร่ออกมาอย่างรวดเร็ว ในชั่วข้ามคืนมันก็โด่งดังไปทั่วทั้งเขตซื่อเซียว จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครรู้ว่าต้นตอของข่าวนี้มาจากไหน

  นอกจากเก่อเย่แล้ว จะมีใครอีกที่รู้ว่ากล่องกระบี่ตกอยู่ในมือจักรพรรดิคังเฉียง ?

  บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการของเก่อเย่ แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ก็ยังมีทางเผยแพร่เรื่องนี้ออกมาอยู่ดี ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจว่ากล่องกระบี่ตกอยู่ในมือของจักรพรรดิคังเฉียง มันถือเป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุดของเก่อเย่เลยก็ว่าได้

  และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาจะทำแบบนี้ได้ก่อนที่จะตาย

  จางหยูแค่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีแก้แค้นแบบนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อเขาเลย มันไม่ต่างอะไรจากแค่การสะกิด

  ….   ที่ทะเลบรรพกาล

  ซื่อเซียว, เย่าหยางและ อู่หมิงที่สงบเงียบมากว่าล้านปีก็เริ่มลนลานอีกครั้ง

    เจ้าตรวจสอบข่าวที่มาจากเขตซื่อเซียวรึยัง ?  เย่าหยางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

  ซื่อเซียวแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาและพูดขึ้น   ให้เจ้าเชื่อได้เลยว่าข่าวลือนี้เป็นจริงอย่างแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้แล้วรึไม่แต่กล่องกระบี่อยู่ในมือของเขาแน่ 

  เย่าหยางตาเป็นประกายขึ้นมา   งั้นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้เพราะไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้งั้นรึ ? 

    ต้องเป็นแบบนั้นแน่ !  ซื่อเซียวพูดขึ้น   หากไม่ได้ไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลแล้ว เขาจะแกร่งแบบนี้ได้ยังไง ? 

  แม้ว่าจักรพรรดิทะเลบรรพกาลจะแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็ไม่แกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุลหลิงได้แบบนี้แน่

  ซื่อเซียวแสดงสายตาโลภมากออกมา   หากเราได้กล่องกระบี่มา บางทีอาจจะมีโอกาสขึ้นไปเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลก็เป็นได้ ! 

  ความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้น พวกเขารับรู้มาแล้ว พวกเขารู้สึกว่าโดนกดทับด้วยพลังอันไร้เทียมทาน บอกได้ว่าไม่อาจจะต้านทานได้เลย

  อู่หมิงคิ้วขมวด   หากข่าวลือนี้เป็นจริง เมื่อกล่องกระบี่อยู่ในมือจักรพรรดิคังเฉียง งั้นเขาจะยกให้เราได้ยังไง ? 

  แม้ว่าพวกเขาจะกล้ากว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบังคับจางหยู เพราะหากพวกเขาทำให้จางหยูไม่พอใจและอีกฝ่ายไม่คิดไว้หน้าพวกเขา งั้นพวกเขาจะทำยังไง ?

  ด้วยความแข็งแกร่งของจักรพรรดิคังเฉียงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันแต่ก็ยากที่จะรับมือได้  ซื่อเซียวและเย่าหยางเงียบไป หากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิคนอื่นแล้ว พวกเขาก็พอจะหาทางชิงเอากล่องกระบี่มาได้แต่จักรพรรดิคังเฉียงนั้นยุ่งยากเกินไป

    กล่องกระบี่คือสมบัติของทะเลโกลาหล  ซื่อเซียวพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ   จักรพรรดิคังเฉียงไม่มีสิทธิ์ยึดครองมันไว้ 

  แน่นอนว่าเขากล้าแค่บ่นออกมาเท่านั้น หากเขาต้องพูดแบบนี้กับจักรพรรดิคังเฉียงแล้ว เขาก็ไม่มีความกล้าพอ

    งั้นเจ้าก็ต้องลองดู  เย่าหยางไม่ได้สนใจคำบ่นของซื่อเซียวและพูดขึ้น   กล่องกระบี่คือสมบัติของทะเลโกลาหล ในฐานะจักรพรรดิของทะเลโกลาหลแล้ว ความเป็นเจ้าของกล่องกระบี่นั้นเราควรเป็นคนตัดสิน แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงไม่คิดจะคืนมันแต่อย่างน้อยก็ควรจะแบ่งปันมันกับเราบ้าง 

  แม้ว่าจะพูดแบบนั้นแต่เย่าหยางก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ที่เขาพูดมาแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันฟังไม่ขึ้น    ไม่ เราให้ลูกปัดจิตทั้งหมดกับเขาได้และขอแบ่งปันกล่องกระบี่นั่นมา คงไม่ยากเท่าไหร่   ซื่อเซียวกัดฟันแน่นและพูดขึ้น

  แม้ว่าลูกปัดจิตจะล้ำค่าแต่มันก็ไม่มีค่าใดๆเมื่อเทียบกับความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล

  อู่หมิงมองไปยังทั้งสองคน   เอาจริงๆแล้วข้าไม่คิดว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะตกลงกับเรา ข้าไม่คิดว่าจักรพรรดิจะยอมประนีประนอมด้วย… 

    แล้วยังไง ? เราได้แต่ยอมแพ้รึไง ?  ซื่อเซียวไม่พอใจ

  เย่าหยางถอนหายใจออกมา   เรื่องนี้คงได้แต่ต้องทดสอบดูก่อน หากจักรพรรดิคังเฉียงเห็นด้วยล่ะ ? 

  แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่พวกเขาก็ยังหวังพึ่งโชคอยู่ดี ยังไงซะความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลก็เย้ายวนอย่างมาก !   หากเป็นไปตามที่เย่าหยางพูดล่ะ !

  หากจักรพรรดิคังเฉียงตกลงล่ะ ?

  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รังเกียจที่จะลอง

    หากคิดจะลองจริงๆ ข้าเสนอว่าเจ้าควรติดต่อกับหว่านเก่อและเรนไนก่อน  อู่หมิงพูดขึ้นมา   หากทั้งสองคนร่วมมือด้วย บางทีโอกาสสำเร็จอาจจะมีมากขึ้น 

  จักรพรรดิทั้งห้ารวมกัน แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะไม่พอใจแต่ก็ต้องไว้หน้าพวกเขาบ้าง

    พวกเขาน่ะรึ ?  ซื่อเซียวคิ้วขมวดสักพักแล้วพูดขึ้นมา   ก็ได้ 

  ทั้งสามไม่ลังเลและเดินทางไปยังทะเลบรรพกาลใกล้กับเขตเรนไนทันที

    มีเรื่องอะไร ?  เรนไนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับหว่านเก่อก่อนที่พวกนั้นจะได้พูด เรนไนก็ได้ถามขึ้นมา

    เจ้าคงได้ยินข่าวลือในเขตซื่อเซียวมาแล้วสินะ ?   ซื่อเซียวพูดขึ้นตรงๆ   เราวางแผนจะไปพบกับจักรพรรดิคังเฉียง หากทำได้ เราหวังว่าจะได้กล่องกระบี่กลับคืนมา พวกเจ้าจะเอาด้วยรึไม่ ? 

  อู่หมิงพูดขึ้น   กล่องกระบี่เป็นของทะเลโกลาหล บางทีมันอาจจะเหมาะกว่าที่เราจะเก็บมันไว้ 

  หว่านเก่อลังเลนางไม่ได้ตกลงรึปฏิเสธ

  เรนไนพูดขึ้นมา   พวกเจ้าจะไปก็ไปกันเอง ข้าเป็นจักรพรรดิทะเลบรรพกาล ข้าไม่ได้คิดช่วยจักรพรรดิคังเฉียงก็เท่ากับไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว… 

    ขอโทษด้วย   หว่านเก่อได้ยินที่ เรนไน พูดมาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นางมองไปที่ ซื่อเซียว แล้วตอบกลับ   ข้าไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้  

  ซื่อเซียวสีหน้าหม่นลง เขาฮึดฮัดออกมาแล้วบอกกับอู่หมิง   ดูสิ ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้โอกาสพวกเขาแต่พวกเขาไม่คิดร่วมมือด้วยเอง    อู่หมิงไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อยราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาพยักหน้าให้เรนไนและหว่านเก่อแล้วพูดขึ้น   ขอโทษที่รบกวนพวกเจ้า 

  เมื่อเรนไนและหว่านเก่อไม่คิดจะร่วมมือด้วย งั้นก็มีแต่พวกเขาแค่สามคน พวกเขาได้แต่หวังว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะไว้หน้าพวกเขาในฐานะจักรพรรดิทะเลโกลาหลและแบ่งปันความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลให้กับพวกเขาบ้าง หากจักรพรรดิคังเฉียงไม่ตกลง งั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

  หลังจากที่ออกจากเขตเรนไนมาแล้ว ทั้งสามคนก็ได้แต่ต้องใช้ความกล้าทั้งหมดที่มี

  ผ่านไปไม่นานทั้งสามก็มาถึงทะเลบรรพกาลที่ที่จางหยูอยู่ พวกเขาเห็นเงาดาบและเกราะขนาดใหญ่ไกลออกไป พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นคังเฉียงลวงตารึไม่ แต่พวกเขารู้สึกว่าเงาของเกราะและดาบนั้นใหญ่กว่าเดิม

    สหายคังเฉียง  ซื่อเซียว, เย่าหยางและอู่หมิงพากันมาหยุดตรงหน้าจางหยูและยิ้มออกมาราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี

  จางหยูมองไปยังทั้งสามคนด้วยท่าทีแปลกใจ การแข่งขันยังมาไม่ถึง พวกนี้คิดจะทำอะไร ?

    พวกเจ้ามีอะไรกัน ?  จางหยูถามขึ้นมาตรงๆ

    ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานาน ข้าคิดถึงเจ้านิดๆ ข้าว่างอยู่พอดี ดังนั้นข้าจึงมาพูดคุยกับเจ้าถึงเรื่องในอดีตสหายคังเฉียงคงไม่ถือสาหรอกนะ ?  ซื่อเซียวยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มนี้ดูน่าขนลุกจริงๆ

  จางหยูสับสน เขาคิดว่าเขาไม่ได้สนิทอะไรกับพวกนี้ จะมาพูดคุยเรื่องอะไร ?

  จางหยูคิ้วขมวดแล้วถามขึ้นมา   หากมีเรื่องอะไรก็พูดมา อย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลา 

  เมื่อได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มของซื่อเซียวก็แข็งทื่อไป

  เขามองไปที่เย่าหยางและอู่หมิงก่อนจะมองไปที่จางหยูเขาอยากจะพูดออกมาแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง

    ถูกแล้ว เรามาที่นี่เพราะอยากรู้บางอย่างจากเจ้า  เมื่อเห็นซื่อเซียวเงียบไปนาน เย่าหยางก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา   มีข่าวลือในเขตซื่อเซียว ตามตำนานแล้วกล่องกระบี่ในมือซุนเหลียนเชิงนั้นมีความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล สุดท้ายกล่องกระบี่ก็อยู่ในมือสหายคังเฉียง ข้าขอถามทีว่านั่นจริงรึไม่ ? 

  จางหยูรู้ทันทีว่าพวกนี้มาเพราะกล่องกระบี่

  เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเฉยเมย ก่อนจะตอบไป   กล่องกระบี่อยู่กับข้าจริง พวกเจ้าอยากรู้อะไรรึ ? 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท