ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1994 : มั่นคง

ตอนที่ 1994 : มั่นคง

  ทั้งเขตต้นกำเนิดตกอยู่ในความเงียบงัน แม้ว่าจะมีเสียงดังขึ้นจากหลายที่แต่ก็ไม่มีเสียงการต่อสู้ใดๆ

  มันมีการเคลื่อนไหวในทางออกสู่เขตต่างๆโดยเฉพาะกับเขตที่เชื่อมกับพื้นที่เผ่าสวรรค์

  ในอดีตนั้นเมื่อการผุพังเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้นเช่นกัน บางครั้งมันอาจจะเป็นสงครามขนาดใหญ่ระหว่างเผ่าทั้งสองแต่ครั้งนี้แม่ทัพเผ่าสวรรค์กลับไม่เห็นแม้แต่เงาแม่ทัพมนุษย์

  ที่ทะเลบรรพกาล

    ดูเหมือนว่าการต่อสู้ลูกปัดจิตในครั้งนี้เราจะชนะ  สายตาของซื่อเซียวเต็มไปด้วยความคาดหวัง

  เย่าหยาง, อู่หมิง, หว่านเก่อ และ เรนไน พากันเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา

ตอนที่ 1994 : มั่นคง

  ทั้งเขตต้นกำเนิดตกอยู่ในความเงียบงัน แม้ว่าจะมีเสียงดังขึ้นจากหลายที่แต่ก็ไม่มีเสียงการต่อสู้ใดๆ

  มันมีการเคลื่อนไหวในทางออกสู่เขตต่างๆโดยเฉพาะกับเขตที่เชื่อมกับพื้นที่เผ่าสวรรค์

  ในอดีตนั้นเมื่อการผุพังเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้นเช่นกัน บางครั้งมันอาจจะเป็นสงครามขนาดใหญ่ระหว่างเผ่าทั้งสองแต่ครั้งนี้แม่ทัพเผ่าสวรรค์กลับไม่เห็นแม้แต่เงาแม่ทัพมนุษย์

  ที่ทะเลบรรพกาล

    ดูเหมือนว่าการต่อสู้ลูกปัดจิตในครั้งนี้เราจะชนะ  สายตาของซื่อเซียวเต็มไปด้วยความคาดหวัง

  เย่าหยาง, อู่หมิง, หว่านเก่อ และ เรนไน พากันเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา  เมื่อพวกเขาเห็นแม่ทัพกว่าสองพันคนของมนุษย์ พวกเขาก็ตัดสินได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้มนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะ ผลลัพธ์นั้นอาจจะไม่ดีถึงว่าพวกเขาจะได้ลูกปัดจิตทั้งหมดมา

  เย่าหยางมองไปที่จางหยู   ไม่แปลกเลยที่สหายคังเฉียงจะกล้าพนันกับเรา กลับเป็นว่าเจ้ามั่นใจขนาดนี้ 

    แม่ทัพกว่าสองพันคน คาดไม่ถึงจริงๆแต่สหายคังเฉียงไม่กลัวเหตุไม่คาดคิดรึ ? ยังไงซะก็มีแม่ทัพสูงสุดสองคนในเผ่าสวรรค์ ในฝั่งเราเรนไนก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว เขาไม่อาจจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยได้ หากคิดจะสู้กันจริงๆแล้วเราอาจจะได้ลูกปัดจิตไม่ถึง 9 ใน 10 บลูกับล็อค นั้นไม่อาจจะมองข้ามได้ง่ายๆ 

  เงื่อนไขที่พวกเขาตกลงกับจางหยูคือทีมคังเฉียงจะได้ลูกปัดจิตมากกว่า 9 ใน 10

  หากสำเร็จจางหยูจะได้ลูกปัดจิตไปครึ่งหนึ่ง

  หากเข้าล้มเหลวจางหยูจะไม่ขอค่าตอบแทนแม้แต่น้อย  ตามสถานการณ์ตอนนี้แล้วด้วยความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงที่ร่วมมือกับแม่ทัพมนุษย์ มันมีหวังที่จะทำตามที่ตกลงไว้ได้แต่หากโชคร้าย พวกเขาก็อาจจะได้ลูกปัดมาแค่ 7 ใน 10 รึอาจจะครึ่งเดียว ยังไงซะก็ไม่มีใครรู้ว่าบลูกับล็อคจะร่วมมือกันรึไม่

  เมื่อบลูกับล็อคร่วมมือกันและมุ่งหน้าไปยังทางออกเดียวกัน ทีมคังเฉียงทีมย่อยอื่นๆก็คงไม่อาจจะเข้ามาช่วยได้ทัน ถึงมีแม่ทัพกว่า 300 คนจากทีมคังเฉียงรวมกับแม่ทัพมนุษย์แล้ว แม้ว่าจะมีโอกาสสูงที่จะขัดขวางบลูกับล็อคไว้ได้แต่ก็ต้องเสียหายอย่างมาก

  สรปุคือทั้งสองฝ่ายอาจจะเจรจากันก็ได้

  เมื่อเป็นเช่นนั้นสุดท้ายจักรพรรดิฝั่งมนุษย์ก็จะเป็นฝ่ายที่จะชนะไป !

    นอกซะจากว่าจักรพรรดิกุยหลิงปรากฏตัว งั้นแม่ทัพเผ่าสวรรค์ก็ไม่อาจจะมีใครรอดไปได้  จางหยูยิ้มออกมา

  ความแข็งแกร่งที่ทีมคังเฉียงแสดงออกมานั้นเป็นแค่ยอดเขาน้ำแข็งเท่านั้น เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ทีมคังเฉียงก็ไม่คิดปิดบังพลังอีกต่อไป

  …

  ที่เขตของเผ่าสวรรค์

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งสี่ต่างก็พากันมารวมตัวกัน

  พวกนี้ยืนอยู่ในเขตข่งจู้ ที่เชื่อมต่อกับเขตต้นกำเนิด พวกเขาพากันส่องไปที่ช่องทางตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรออกมา

  ระยะห่างระหว่างพวกเขากับช่องทางตรงหน้านั้นห่างแค่ไม่กี่สิบเมตร ตราบใดที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็เข้าไปในเขตต้นกำเนิดได้ทันทีแต่…ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่มีความกล้าพอ

    พวกนั้นน่าจะไปรวมตัวกันแล้วสินะ ?  เมิ่งเหยียนพูดขึ้นมา

  หย่วนเหยี่ยนพูดขึ้น   ตามความเร็วของพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะไปรวมตัวกันแล้ว 

  ข่งจู้พูดขึ้นมา   บลูกับล็อคนำทีมด้วยตัวเอง มันวไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร  

  เมิ่งเหยียนพยักหน้า   ใช่ สองคนนั้นแม้ว่าจะเย่อหยิ่งแต่ก็ยังพอเชื่อถือได้ 

    ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดี  เทียนตู้พูดขึ้นมา

  จักรพรรดิที่เหลือพากันมองไปที่เทียนตู้

    ในอดีตส่วนมากแล้ว เรนไนน่ะออกค้นหาแม่ทัพของเรา ในช่วงเริ่มต้นการผุพัง มันกินเวลาไม่นานก่อนที่แม่ทัพของเราจะตายไป ครั้งนี้มันกินเวลานานเกินไป ไม่มีใครตายเลย ดูเหมือนว่าเราจะโชคดี  เทียนตู้หัวเราะออกมา

  คนอื่นๆต่างก็พากันได้สติ

    ตอนนี้ยังไม่มีใครตายเลย  ข่งจู้หัวเราะออกมา   ดูเหมือนว่าการที่เขตฉิวหวังโดนทำลายไปนั้นจะทำให้พวกนั้นกดดันกันอย่างมาก …. 

  การที่ไม่มีใครตายนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

  หย่วนเหยี่ยนยิ้มและพยักหน้าตอบรับ  เมื่อเริ่มต้นได้ดี ข้าคิดว่าผลลัพธ์คงออกมาไม่แย่แน่ ครั้งนี้เราคงชนะ ! 

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์รู้สึกว่าตนเองจะเป็นฝ่ายชนะ จักรพรรดิมนุษย์เองก็เช่นกัน

  พวกเขาพากันยิ้มออกมา เพราะต่างก็เชื่อว่าบลูกับล็อคจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

  พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไร พวกเขาแค่รอดูผลลัพธ์ก็เพียงพอแล้ว

  แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือในอีกด้านของช่องทางนั้นกลับโดนล้อมโดยซิงฮัว, จางลู่, หยวนเทียนจี และคนอื่นๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่แมลงวันก็ไม่อาจจะบินออกมาได้

  …

  ที่เขตต้นกำเนิด

  แม่ทัพมนุษย์และคนของสำนักคังเฉียงได้ยืนปิดทางแต่ละช่องทางเอาไว้ พวกเขาไม่ได้สนปัญหาเรื่องลูกปัดจิตแม้แต่น้อย พวกเขาแค่ต้องทำเพียงอย่างเดียวคือการพักฟื้นตัวเองและรอคอยให้แม่ทัพเผ่าสวรรค์ปรากฏตัว

  ในเวลาเดียวกันทั้งเขตต้นกำเนิดก็เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย พลังจิตที่ปั่นป่วนกระจายออกมาสร้างแรงกดดันที่น่ากลัว พลังจิตนี้ได้ครอบคลุมทั่วทั้งเขตต้นกำเนิด ตอนนั้นเขตต้นกำเนิดก็อันตรายกว่าที่เคย เดาว่าแม้แต่แม่ทัพก็ไม่อาจจะทนแรงกดดันที่ระเบิดออกมาได้ แม้แต่แม่ทัพขั้นสูงก็ยังต้องระวังตัว หากประมาทไปเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจจะโดนแรงกดดันนี้บดขยี้และตายไปได้

  นอกจากต้องระวังแม่ทัพอีกฝ่ายแล้ว พวกเขายังต้องระวังภัยจากเขตต้นกำเนิดด้วย !

  …

  ทั้งเขตต้นกำเนิดราวกับเกิดหายนะขึ้นมา พลังจิตไม่รู้จบถูกเผาไหม้ แสงสว่างจ้างส่องแสงไปทั่วเขตต้นกำเนิด แรงกดดันได้แผ่ออกมาทั่วทุกที่

  ทางเหนือของเขตต้นกำเนิด  บลูถือสมบัติโกลาหลในมือ มันคือผลึกสีฟ้าโปร่งใส มันถูกเรียกว่าหินสวรรค์ มันคือสมบัติที่จักรพรรดิได้สร้างขึ้นมา มันรับรู้ตัวตนของลูกปัดจิตได้ ตราบใดที่มีลูกปัดจิตในระยะผนึกจะส่งแสงออกมา ยิ่งใกล้เท่าไหร่ แสงก็ยิ่งเข้มข้นเท่านั้น

  ในมือแม่ทัพเผ่าสวรรค์ล้วนแต่มีผนึกนี้อยู่ในมือ พวกเขาพากันเดินทางไปทั่วเขตต้นกำเนิด

  ผนึกก้อนเดียวอาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้นจึงใช้ผนึกหลายอันในการตรวจสอบ พวกเขาพากันแยกย้ายออกไปเพื่อที่จะได้ตามหาตำแหน่งของลูกปัดจิต

  ฝั่งมนุษย์เองก็มีสมบัติคล้ายๆกันอยู่แต่รูปร่างต่างกันออกไป ชื่อก็ต่างกันแต่การทำงานนั้นเหมือนกัน

  ในตอนที่บลูและคนอื่นๆเดินหน้า พวกเขาก็พากันระวังตัวจากอันตรายในเขตต้นกำเนิด พวกเขาระวังตัวจากการซุ่มโจมตีจากมนุษย์ ไม่นาน ผลึกในมือพวกเขาก็ส่องแสงสีเขียวออกมา

  หลังจากนั้นสักพักบลูและล็อคก็พบตำแหน่งลูกปัดจิตและรีบเดินทางไปที่นั่นทันที

  ผ่านไป 15 นาทีพวกเขาก็มาหยุดที่ภาพฉายโกลาหลแห่งหนึ่ง ภาพฉายนี้กลับสั่นไหวปล่อยพลังกดดันอันน่ากลัวออกมา ใจกลางแรงกดดันนี้ราวกับมีไฟลุกไหม้ พลังจิตจำนวนมากมารวมตัวกันก่อตัวเป็นลูกปัดจิต

  หลังจากที่ลูกปัดจิตกำเนิดขึ้นมา ภาพฉายโกลาหลก็หายไป แรงกดดันและพลังจิตก็ได้จางหายไปด้วย

  บลูและคนอื่นๆชินกับเรื่องนี้แล้ว นอกจากแม่ทัพไม่กี่คนที่สงสัย แม่ทัพคนอื่นๆไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจอะไร

  บลูเก็บลูกปัดจิตใส่กระเป๋ามิติและพาทีมเดินทางไปยังตำแหน่งต่อไป   ไปที่ต่อไปต่อ 

  พวกเขามีประสบการณ์ในการเก็บลูกปัดจิต ตราบใดที่มีเวลามากพอ พวกเขาก็สามารถค้นหาลูกปัดจิตทั้งหมดในเขตต้นกำเนิดได้โดยไม่พลาดแม้แต่ลูกเดียว

  ในเวลาเดียวกันทางใต้ ล็อคก็ได้นำทีมเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาโชคดีกว่าทีมของบลูไม่นานพวกเขาก็เก็บลูกปัดจิตได้กว่า 2 ลูก พวกเขาไม่รู้และคิดไม่ถึงว่าอะไรที่ทำให้เขตต้นกำเนิดผุพังเช่นนี้ จำนวนลูกปัดจิตนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

  ใกล้ๆกับช่องทางระหว่างเขตต้นกำเนิดและเขตข่งจู้

  ซิงฮัวเห็นว่าเขตต้นกำเนิดสั่นไหวก็คิ้วขมวดขึ้นมา   การผุพังทำไมถึงยกระดับขึ้นแบบนี้ได้… 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท