“ตุบ!”
ทันทีที่หลงเคอพูดจบ ก็ถูกหลงหวงที่กำลังโมโหถีบจนกระเด็น
“บัดซบ! นี่แกอยากตายใช่มั้ย?”
หลงหวงพูดด้วยสีหน้าที่เดือดดาล “พวกแกชักจะใจกล้าเกินไปแล้ว แม้แต่ผู้สืบทอดของราชวงศ์ต้วนยังกล้าฆ่า?”
“แกรู้มั้ยว่า ผู้สืบทอดของราชวงศ์นั้นมีความหมายว่ายังไง? นั่นก็คือกษัตริย์คนต่อไปยังไงล่ะ!”
“กล้าฆ่าว่าที่กษัตริย์ ถ้าไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเป็นอะไร?”
หลงเคอตกใจจนสั่นไปทั้งตัวแล้ว “เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ เสด็จพ่อช่วยให้โอกาสลูกอีกสักครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวังแน่นอน!”
“ให้โอกาสแกอีกครั้งเหรอ?”
หลงหวงจ้องมองหลงเคออย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า แล้วขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ตอนนี้แกจงขอพรให้ราชวงศ์ต้วนไม่มาเปิดศึกกับราชวงศ์หลงจริงๆ เถอะ”
“ไม่อย่างนั้น เพื่อดับไปโกรธของราชวงศ์ต้วน ฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะส่งแกไปให้ราชวงศ์ต้วนจัดการ!”
คำพูดของหลงหวงทำให้หลงเคอถึงกับหมดแรง ถ้าส่งเขาไปให้ราชวงศ์ต้วนจริง เขาก็ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
“เสด็จพ่อ อย่าส่งลูกไปให้พวกราชวงศ์ต้วนเลย ไม่อย่างนั้นต้วนหวูหยาต้องฆ่าลูกแน่ๆ เสด็จพ่อ ลูกขอร้องล่ะ!”
หลงเคอคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร้องไห้อ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว
“เอาตัวไป กักบริเวณไว้!”
หลงหวงโบกมือ ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนก็เดินขึ้นมา แล้วลากหลงเคอออกไป
ไม่นาน ภายในห้องก็เหลือเพียงหลงหวงกับชายชราที่ร่างกายคดงออีกคนเท่านั้น
“หลงหวง ท่านต้องจะส่งองค์ชายไปให้พวกราชวงศ์ต้วนจริงๆ เหรอพ่ะย่ะค่ะ?”
ชายชราถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หลงหวงแววตาเคร่งขรึม หรี่ตาแล้วพูดว่า “ฉันแค่สั่งสอนให้มันได้รับบทเรียนเท่านั้น ต่อให้ราชวงศ์ต้อนจะมาเอาเรื่องเราจริง เราก็จะโยนภาระทั้งหมดไปยังผู้แข็งแกร่งที่ถูกฆ่าไปแล้ว”
“ถ้าฉันเกิดส่งตัวหลงเคอไปจริงๆ ต่อไปในวันข้างหน้า ยังจะมีหน้าอะไรไปอยู่ต่อหน้าราชวงศ์ทั้งสามอีก?”
ชายชราพยักหน้า “ถ้าคนที่พวกองค์ชายจะฆ่าเป็นแค่ผู้แข็งแกร่งทั่วไป ก็ไม่เป็นไร แต่คนที่พวกเขาจะฆ่ากลับเป็นต้วนหวูหยา แบบนี้มันก็พูดยากเหมือนกัน”
“กระหม่อมได้ยินมาว่า ต้วนหวูหยานั้นบรรลุถึงแดนเทพขั้นปลายแล้ว ในราชวงศ์ต้วน เขาก็ถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านวิถีบู๊มากที่สุดคนหนึ่ง เป็นที่จับตาของต้วนหวงมาก”
“ว่ากันว่า ต้วนหวงเคยพูดเอาไว้ เมื่อไหร่ที่ต้วนหวูหยาพัฒนาจนถึงแดนเทพชั้นยอด ก็จะส่งมอบตำแหน่งต้วนหวงให้กับเขา”
“ตอนนี้สิ่งที่กระหม่อมเป็นห่วงคือ ต่อให้ตอนนี้ราชวงศ์ต้วนจะยอมพักเรื่องความแค้นไปก่อน แต่พอต้วนหวูหยาบรรลุถึงแดนเทพชั้นยอด ราชวงศ์ต้วนก็จะมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดถึงสองคนเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่มาหาเรื่องราชวงศ์หลงราชวงศ์หลงก็ต้องได้รับแรงกดดันอันมหาศาลอย่างแน่นอน”
หลวงหวงขมวดคิ้วทันที เขาเองก็นึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
“แล้วท่านคิดว่าพวกเราควรทำยังไงดี?”
หลงหวงถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ชายชราตอบ “หยางเฉินนั้นสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนเทพขั้นปลายได้พร้อมกันสองคน นั่นก็เท่ากับว่า เขาเองก็อยู่ในระดับแดนเทพชั้นยอดแล้วเหมือนกัน”
“ถ้าเราสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับหยางเฉินได้ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์ต้วน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”
หลงหวงเงียบไปทันที แล้วทำท่าเหมือนกำลังใช้ความคิด
ด้วยความที่หลงเคอยังไม่ทันได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในศึกชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตูให้หลวงหวงฟัง ดังนั้นหลงหวงจึงไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ต้วนหวูหยาได้ผูกมิตรกับหยางเฉินไปแล้ว
“นี่ท่านอยากให้หลงเสียงออกหน้าอย่างนั้นเหรอ?”
หลงหวงถาม
ชายชราส่ายหน้า “ถ้าจะพูดให้ถูก คือให้องค์ชายหลงเทียนหยู่ออกโรง กระหม่อมได้ยินมาว่า องค์ชายหลงเทียนหูนั้นได้ผูกมิตรกับหยางเฉินเรียบร้อยแล้ว แถมหยางเฉินยังอนุญาตให้เขาเข้าไปรักษาในคลินิกอ้านหมินด้วย”
“องค์ชายหลงเสียงเป็นบิดาขององค์ชายหลงเทียนหยู่ ถ้าตอนนี้ฝ่าบาทแต่งตั้งองค์ชายหลงเสียงขึ้นเป็นราชทายาทองค์ชายหลงเทียนหยู่จะต้องทุ่มเทกายใจทำงานเพื่อฝ่าบาทอย่างแน่นอน”
“พอถึงตอนนั้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของหลงเทียนหยู่กับหยางเฉิน มาผูกมิตรกับหยางเฉินก็พอ”
พอได้ฟังในสิ่งที่ชายชราพูด ในที่สุดหลงหวงก็ได้ยิ้มออกมา “เยี่ยม ทำตามที่ท่านพูด! ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้หลงเสียงมาพบฉันเดี๋ยวนี้! และออกคำสั่งไป พรุ่งนี้เช้า จะมีพิธีแต่งตั้งองค์ราชทายาท”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ชายชราที่ได้ยินอย่างนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป
ในเวลาเดียวกัน จิ่วโจวเยี่ยนตู คลินิกอ้ายหมิน
เฝิงเสียวหว่านกำลังทำการรักษาให้กับหยางเฉิน ส่วนระยะเวลาในการรักษานั้นได้ยาวต่อเนื่องถึงสี่ชั่วโมงแล้วท้องฟ้าได้มืดสนิทแล้ว แต่ว่าหยางเฉินยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย
“เสี่ยวหม่า ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณหยางยังไม่มีความคืบหน้าอีก?”
ข้างนอกคลินิกอ้ายหมิน ต้วนหวูหยาถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หม่าชาวก็หน้าเสียพอกัน สีหน้ากังวล แต่ก็ยังพูดด้วยความมั่นใจอย่างถึงที่สุดว่า “พี่เฉินต้องไม่เป็นไรแน่นอนครับ!”
เวลาค่อยๆ ผ่านไป หม่าชาวกับต้วนหวูหยายังคงเฝ้าอยู่ที่คลินิกอ้ายหมิน รอความคืบหน้าของหยางเฉิน
จนถึงเวลาสี่ทุ่ม ประตูของคลินิกอ้ายหมินถึงเปิดออก เฝิงเสียวหว่านที่ทำหน้าเหน็ดเหนื่อยได้เดินออกมา
“เสียวหว่าน! พี่เฉินเป็นยังไงบ้าง?”
หม่าชาวรีบเดนเข้าไปถาม
สีหน้าของเฝิงเสียวหว่านซีดเซียว ดูแล้วน่าจะเหนื่อยมาก เธอส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ
“ฉันแค่สามารถทำให้อาการของพี่หยางคงที่เท่านั้น รับรองได้ว่ารากฐานวิถีบู๊ของเขาไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนเรื่องที่ว่าพี่หยางจะได้สติเมื่อไหร่นั้น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
คำพูดของเฝิงเสียวหว่านทำให้หม่าชาวสีหน้าซีดเผือด “ที่เธอจะพูดก็คือ พี่เฉินจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เธอเองกไม่รู้”
“บางที อีกเดี๋ยวก็อาจจะตื่น หรือว่าอีกสิบวันหรือเดือนหนึ่ง เขาจะฟื้นขึ้นมารึเปล่า? หรืออีกหลายปีก็จะฟื้นขึ้นมาได้รึเปล่าก็ไม่รู้ใช่มั้ย?”
หม่าชาวถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เฝิงเสียวหว่านไม่อาจอดกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว น้ำตาเม็ดใหญ่ได้ไหลลงไปกระทบพื้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงจะไม่ได้ตอบคำถามของหม่าชาว แต่จากการแสดงออกของเธอ มันก็ได้ยืนยันกับหม่าชาวแล้วว่า มันเป็นอย่างที่เขาเข้าใจจริงๆ
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ทำไมพี่หยางถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้?”
หม่าชาวเซถอยหลังไปหลายก้าว ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เสียวหว่าน นี่เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่มั้ย?”
หม่าชาวรู้สึกสะเทือนใจมาก พูดไป น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาด้วยเหมือนกัน
เฝิงเสียวหว่านเอาแต่ร้องไห้ โดยที่ไม่ตอบอะไรสักคำ
เพราะเธอเองก็ไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้เหมือนกัน แต่ความจริงมันก็ออกมาแบบนี้ เธอได้พยายามสุดความสามารถแล้ว ทั้งที่รักษาบาดแผลของหยางเฉินจนหาย แต่เขาก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา
หลายปีที่ผ่านมา เฝิงเสียวหว่านเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ
จู่ๆ ต้วนหวูหยาก็พูดขึ้นว่า “น้องหมอวิเศษพูดแค่ว่า ไม่สามารถระบุได้ว่าคุณหยางจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่ไม่ได้บอกว่าคุณหยางจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วสักหน่อย”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาแตกตื่น เราอาจจะลองหาหมอวิเศษคนอื่นตรวจดูอาการขอคุณหยางหน่อยก็ได้”
“ถ้าเธอยอมเชื่อใจฉัน ก็สามารถพาคุณหยางไปที่ราชวงศ์ต้วน ที่ราชวงศ์ต้วนก็มีหมอวิเศษเหมือนกัน ไม่แน่อาจจะพอมีทางทำให้คุณหยางฟื้นขึ้นได้เร็วที่สุดก็ได้”