ตอนที่ 2013 : ภารกิจพิเศษของเสี่ยวซี
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดมา ศิษย์และอาจารย์ต่างก็มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า
หากจางหยูให้โอกาสทุกคนจริงๆ งั้นไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับทุกคน
ยังไงซะหากจางหยูไม่ทำแบบนี้ ศิษย์และอาจารย์อาจจะไม่มีโอกาส
พวกที่น่าจะเป็นจักรพรรดิ และอาจจะเป็นศิษย์โดยตรงทั้ง 17 คน
แน่นอนว่าหากอยากทดสอบตอนนี้ ข้าก็ตกลงกับพวกเจ้าได้ น้ำเสียงของจางหยูเปลี่ยนไป แต่หากล้มเหลว มันก็เท่ากับความตายจริงๆ อย่าโทษข้าหากไม่ชุบชีวิตให้กับใคร
เขาคือเจ้าสำนักไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก เขาไม่คิดจะคอยตามล้างตามเช็ดกับความประมาทของพวกนี้ หลังจากที่เงียบไปสักพัก จางหยูก็พูดขึ้น ในทางกลับกันแล้วถึงมีคนล้มเหลวกับการรับพลัง ข้าจะหาทางชุบชีวิตให้ บางทีหลังจากที่ชุบชีวิตกลับมาแล้ว พวกเจ้าก็จะเสียโอกาสขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอด
เขามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น พวกเจ้าจะเลือกยังไงก็ตัดสินใจกันเอาเอง
แม้ว่ามันจะไม่ใช่คำสั่งแต่คำพูดของ จางหยูก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ชัดแล้วว่าจางหยูจะให้พวกเขาอัดแน่นการบ่มเพาะก่อน รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะแล้วค่อยคิดเรื่องการรับพลัง
หากมีคนดื้อด้าน งั้นเขาก็จะไม่ห้ามแต่ผลกระทบที่ตามมานั้นคนคนนั้นต้องยอมรับเอาไว้เอง
ข้ายอมเชื่อฟังคำสั่งเจ้าสำนัก ทุกคนพูดขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน
ทุกคนตกลงกับแผนการของจางหยู โดยเฉพาะศิษย์กับอาจารย์ที่บ่มเพาะมาเป็นแม่ทัพสูงสุดได้ การจัดแจงแบบนี้ส่งผลดีต่อพวกเขามากที่สุด
หากอยากบอกว่าใครที่เสียเปรียบ แน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์โดยตรงเพราะหากเทียบกับคนอื่นๆแล้ว พวกเขาน่ะน่าจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ก่อนใครแต่เมื่อจางหยูเปิดปากพูดแบบนี้ออกมา ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่อาจคัดค้านได้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์คัดค้านเพราะพวกเขาได้สิทธิพิเศษมากกว่าใคร ความเมตตาของจางหยูนั้นใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจจะทดแทนได้
ไม่ใช่แค่หยวนเทียนจี, เย่ฟาน และคนอื่นๆแต่คนที่เหลือเองนั้นหากเทียบกับก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักคังเฉียงแล้ว บุญคุณที่สำนักคังเฉียงให้พวกเขานั้นถือว่ามหาศาลอย่างมาก
เสี่ยวซีที่แต่เดิมบ่นออกมา แต่เห็นท่าทีของคนอื่นๆก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองกลับลงไป ท่านคิดมารอบคอบจริงๆ เสี่ยวซีเชื่อว่าเขาจะรอดจากการรับพลังได้ หากเลื่อนการรับพลังไป เขาต้องแข่งกับคนมากกว่าเก่า ความหวังในการเป็นจักรพรรดินั้นจะน้อยลงกว่าเก่า
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ยังไงซะเสี่ยวซีก็มั่นใจอย่างมากโดยเฉพาะหลังจากที่ขึ้นมาเป็นแม่ทัพสูงสุดได้ เขายิ่งร้อนใจกว่าเก่า หากไม่ใช่เพราะศิษย์โดยตรงของจางหยูแล้ว เดาว่ามันคงพังทะเลบรรพกาลไปแล้ว
จางหยูมองไปที่เสี่ยวซี ความคิดของเสี่ยวซีนั้นไม่อาจจะปกปิดจากจางหยูได้ ปากของเขากระตุกไปตาม จางหยูได้บอกกับเสี่ยวซี อีก 1 ปี เผ่ามนุษย์จะเริ่มสงครามกับเผ่าสวรรค์ หากเจ้าไม่มีอะไรทำ งั้นอยู่ๆเฉยๆไปก่อน เราจะทวงคืนดินแดนของมนุษย์กลับมาและหาทรัพยากรให้กับสำนักคังเฉียง
มนุษย์จะเปิดสงครามกับเผ่าสวรรค์งั้นรึ ? เสี่ยวซีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
มันไม่เคยเห็นสงครามครั้งใหญ่มาก่อนหากได้เข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่ด้วยตัวเองก็ถือว่าดี
หากให้อยู่เงียบๆ มันใช้เวลานี้ไปสู้กับคนอื่นจะดีกว่า
ข้าได้ปรึกษากับซื่อเซียวและคนอื่นๆแล้วอีก 1 ปีเผ่ามนุษย์จะประกาศสงครามกับเผ่าสวรรค์ ตอนนั้นสำนักคังเฉียงจะเข้าร่วมสงครามในนามทีมนภาและร่วมมือกับมนุษย์ในทะเลโกลาหล จางหยูมองไปรอบๆและพูดขึ้นมาช้าๆ หน้าที่ของพวกเจ้าก็ง่ายๆ นั่นคือช่วยเผ่ามนุษย์ทวงคืนอาณาเขตและหาทรัพยากรกลับมา เราไม่อยากได้อาณาเขตแต่สมบัติโกลาหล, ลูกปัดจิตและของอื่นๆ เราจะแบ่งกันครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งนี้พวกเจ้าเก็บไว้ได้ 1 ใน 10 อีกทีเหลืออีก 9 ใน 10 เป็นของสำนัก
จางหยูไม่ได้คิดจะปรึกษาพวกนี้แต่แค่ประกาศให้พวกนี้รู้
ตั้งแต่ที่พวกนี้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง มันก็มีแต่สำนักคังเฉียงจ่ายทรัพยากรให้กับพวกนี้แต่หากเทียบกับของที่สำนักให้พวกเขาแล้ว สิ่งพวกเขาตอบแทนสำนักนั้นถือว่าน้อยนิด เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นมาและกลายเป็นคนที่แกร่งที่สุดรองจากจักรพรรดิ มันก็ได้เวลาที่พวกเขาจะทดแทนให้กับสำนักคังเฉียง
มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เมื่อพวกเขาได้ทรัพยากรจากสำนักคังเฉียง งั้นพวกเขาก็ต้องตอบแทนสำนักคังเฉียง
ในอดีตนั้น จางหยูไม่ได้บังคับอะไรเพราะเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของพวกนี้ยังไม่มากพอ แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกนี้เหมือนจะมากพอที่จะตอบแทนสำนักคังเฉียงแล้ว
การผุพังในครั้งก่อนรวมถึงสงครามระหว่างสองเผ่านั้นคือวิธีการตอบแทนสำหรับพวกเขา
จริงๆแล้วเราก็ส่งทรัพยากรทั้งหมดให้กับสำนักเลยก็ได้ โอวเฉินเฟิงพูดขึ้น ยังไงซะของพวกนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกับเรา ดังนั้นมันจะดีกว่าที่จะใช้บ่มเพาะศิษย์ชุดใหม่ เชินกูพยักหน้าเห็นด้วย ตั้งแต่ที่เราเข้าร่วมสำนักคังเฉียง เราก็ไม่ได้ตอบแทนสำนักคังเฉียงเลย ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะตอบแทนสำนักแล้ว
ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของโอวเฉินเฟิงและเฉินกู พวกเราไม่ได้อยากได้ทรัพยากรเหล่านี้ พวกเขารู้ตัวดีว่าเป็นภาระกับสำนักคังเฉียงมานานแค่ไหน พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบแทนสำนักยังไง พวกยาหวังว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสำนัก แม้ว่าการตอบแทนนี้จะเล็กน้อยแต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าพวกเขามีประโยชน์ เพื่อพิสูจน์ว่าสำนักคังเฉียงบ่มเพาะพวกเขามาไม่เสียเปล่า
จางหยูพอใจกับท่าทีของทุกคนอย่างมากและยิ้มออกมา พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น สมบัติหายากอย่างสมบัติจักรวาลยังมีประโยชน์ต่อพวกเจ้าอยู่…ข้าจะย้ำแบบเดิม ทรัพยากรที่ได้มา 9 ใน 10 จะเป็นของสำนัก ส่วนที่เหลือพวกเจ้าเก็บ
ไว้เองเผื่อในกรณีฉุกเฉิน เอาล่ะ แยกย้ายกันได้ กลับไปเตรียมตัว อีก 1 ปีก่อนจะเริ่มสงคราม ข้าจะเรียกพวกเจ้ามา จางหยูโบกมือ
ทุกคนพากันแยกย้ายกลับไป
ตอนที่จางหยูกำลังจะไปนั้น เสี่ยวซีก็ได้มาหยุดเขาเอาไว้ เสี่ยวเสียเองก็ด้วย
พวกเจ้าสองคนอยู่ทำไม ? จางหยูถามขึ้นมา
นายท่าน เสี่ยวเสียตะโกนออกมา
เสี่ยวซีกรอกตามองไปรอบๆ เมื่อมั่นใจว่ามีแต่พวกเขาอยู่ มันก็ได้รวบรวมความกล้าที่จะขอให้ จางหยูช่วยมันขึ้นเป็นจักรพรรดิ
หากข้าจำไม่ผดิแล้วเจ้าเองก็มีแก่นคล้ายเผ่าสวรรค์ไม่ใช่รึ ? จางหย มองไปที่เสี่ยวซี
จางหยูเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา ข้าจะให้ภารกิจพิเศษกับเจ้า
เมื่อได้ยินแบบนั้นเสี่ยวซีก็กลัวขึ้นมานิดๆ ภารกิจพิเศษรึ ? ข้าจะให้เจ้าแสร้งเป็นคนเผ่าสวรรค์…ไม่สิ ข้าควรจะบอกว่าให้เจ้าลอบเข้าไปในเขตของเผ่าสวรรค์แสร้งทำเป็นยอมแพ้ให้กับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์และหาทางยึดทรัพยากรมา จางหยูพูดขึ้น ข้าช่วยเจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ แม้แต่เปลี่ยนคลื่นพลังก็ได้ พวกเขาไม่อาจจะจำเจ้าได้แน่ ในฐานะแม่ทัพสูงสุดแล้ว เจ้าจะได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ เจ้าจะได้ข้อมูลของพวกเขาและได้ทรัพยากรจากพวกเขา แบบนี้เป็นยังไง ?