หยางเฉินขมวดคิ้วย่น “คุณรู้จักผม?”
เวลานี้ เขาสูญเสียความทรงจำ ลืมหมดไปแล้วทุกอย่าง แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ กลับมีแววมุ่งฆ่ามาที่ตัวเขา เขาก็ต้องคิดไปว่า ฝ่ายตรงข้ามคนนี้ต้องเป็นคู่แค้นของตนเป็นแน่
“ก็ใช่ไอ้สารเลวมึงนี่แหละ หลายวันนี้มาเกาะแกะอยู่กับคู่หมั้นกูใช่มั้ย?”
ชายหนุ่มถามไปเสียงเยือก
ได้ยินที่ฝ่ายนั้นตอบมา หยางเฉินรู้สึกผิดหวังอยู่ เดิมคิดว่าจะพบคนที่รู้จักเขา ไม่คิดว่าเป็นเรื่องของลู่ฉิงเสว่
ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนตระกูลหลี่ ตอนนี้มาว่า หยางเฉินหลายวันนี้ไปอยู่กับคู่หมั้นของเขา
ฐานะของเขา แสดงออกมาให้เห็นเกือบชัดเจน ก็หลี่จิ้นไอ้คนที่คอยตามรังควาญลู่ฉิงเสว่คนนั้นไงหละ
“คุณก็คือหลี่จิ้นเหรอ?”
หยางเฉินถามไปอย่างชืด ๆ และตอกย้ำไปอีกว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามคุณมารังควานคุณฉิงเสว่ ไม่อย่างงั้นผมเจอคุณครั้งหนึ่ง ก็จะอัดคุณครั้งหนึ่ง”
“ถ้าคุณยังไม่อยากตาย ก็รีบไสหัวออกไป ไม่งั้น อย่าหาว่าผมจะไม่เกรงใจนะครับ!”
คำพูดของหยางเฉินพูดออกไป ทำเอากลุ่มที่มากับหลี่จิ้นงงอึ้งไปตามกัน พักหนึ่ง หลี่จิ้นคืนสติมาได้ก่อน อดไม่ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่น
“ฮา ฮา ฮา ฮา……..ขำตายเลยกู ไอ้เศษเดนคนหนึ่งที่ฉิงเสว่ช่วยออกมา กลับบังอาจมาข่มขู่คุณชายใหญ่ตระกูลหลี่อย่างกู เห็นทีมันจะไม่อยากอยู่มีขีวิตแล้วนี่!”
หลี่จิ้นหัวเราะลั่น คนรอบข้างก็ระเบิดเสียงหัวเราะตาม มองไปที่หยางเฉิน แต่ละคนมีแววตาเหมือนมองคนปัญญาอ่อน
แม้แต่เหล่าหวางเอง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสมเพช
“คุณเสี่ยว คุณรีบหลบขึ้นไปบนรถก่อนเถอะ!ไม่งั้นเดี๋ยวคุณเป็นอะไรไป ผมจะไม่รู้ไปตอบท่านผู้นำยังไง?”
เหล่าหวางออกปาก
พูดจบ ไม่สนใจกับหยางเฉิน มองไปที่หลี่จิ้นอย่างใช้สติพูดไปว่า “คุณหลี่จิ้น เรื่องงานแต่งงานของคุณกับคุณหนูบ้านผม ก็ได้ข้อสรุปตกลงกันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?คุณมาขวางทางพวกเรา ไม่ทราบหมายความว่าอะไร?”
หลี่จิ้นมองหน้าเหล่าหวาง พูดเสียงเยือก “แม่ใครที่ไหนไปบอกแก ว่าเรื่องการแต่งงานของข้ากับฉิงเสว่ อยู่ระหว่างการตกลงกัน?”
เหล่าหวางสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจ เท่าที่เขารู้ ตระกูลลู่กับตระกูลหลี่ ก็กำลังเจรจาเรื่องการแต่งงานกันอยู่ไม่ใช่หรือ?
“เป็นเพราะแกไอ้สาระเลวตัวนี้เข้ามาแทรก เลยทำให้ตระกูลลู่มาทิ้งการร่วมหอลงโรงกับตระกูลหลี่ ใช่ไม่ใช่?”
หลี่จิ้นจ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน ถามไปอย่างแค้นเคือง
มาถึงตอนนี้ เหล่าหวางถึงได้รู้ว่า ที่แท้ตระกูลลู่ได้ยกเลิกงานแต่งงานแล้ว มิน่าหลี่จิ้นถึงได้โกรธเอาขนาดนี้
กับคำถามของหลี่จิ้น หยางเฉินตอบด้วยสายตาฉายประกายคมเฉียบ “ตระกูลลู่ยกเลิกเรื่องแต่งงาน มันก็เรื่องของตระกูลลู่ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”
“ไอ้เด็กน้อย ข้าไปสืบดูมาชัดเจนแล้ว แกมันไอ้เศษเดนที่สูญเสียความจำไปหมดแล้ว ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ฉิงเสว่ไปช่วยแกลงมาจากเขา และฉิงเสว่ก็คอยดูแลแกมาตลอด”
หลี่จิ้งขบเขี้ยวอย่างแค้นเคืองพูดต่อไปว่า “แกไม่รู้หรือว่า ฉิงเสว่เป็นคู่หมั้นของข้า แกถึงได้กล้าคิดมาเคลมหล่อน เรื่องนี้ข้าไม่ปล่อยแกแน่!”
พูดจบ เขาก็โบกมือสั่ง “เอามัน จัดการไอ้เด็กนี่ทิ้งซะ!”
“ครับ!”
ติดตามในคำสั่ง สองบอดี้การ์ดร่างยักษ์ ตรงโถมเข้าใส่หยางเฉิน
เหล่าหวางสีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน รีบขวางไปข้างหน้าหยางเฉิน พูดไปอย่างเกรี้ยวกราด “มึงแม่งรีบไสหัวออกไปเลย!”
เขาให้รู้สึกโกรธจัดกับหยางเฉิน สถานการณ์ตอนนี้กำลังเลวร้ายสุด ๆ หยางเฉินยังจะไปกระทุ้งแหย่หลี่จิ้นอีก นี่มันจะรนไปหาที่ตายหรือไง?
เสียงพูดของเขาเพิ่งจบลง ตัวเขาก็ได้ถลันพุ่งออกไป
“เฟี้ยว!”
แต่ทว่า ความเร็วของหยางเฉินเร็วยิ่งกว่า
เขายังไม่ทันพุ่งไปถึง ก็ได้เห็นฉากที่น่าระทึกสุด ๆ เกิดขึ้น
“ปึง!”
“ปึง!”
เสียงทุ้มหนักของการกระแทกดังขึ้นสองครั้งในทันทีนั้น สองบอดี้การ์ดที่หลี่จิ้นเตรียมมาให้จัดการหยางเฉิน ตัวร่างพุ่งลอยออกไปอย่างกับลูกกระสุนปืนใหญ่ พร้อมกับเลือดกระอักพุ่งออกมา
“อะไรกันนี่?”
“เป็นไปได้ยังไงนี่?”
“เขาทำไมเก่งกาจถึงขนาดนี้ได้?”
……
คนของตระกูลหลี่ ต่างตกตะลึงงงเซ่อไป สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่อยากเชื่อ
โดยเฉพาะหลี่จิ้น หลังจากตื่นตกใจแล้ว แววตาก็ดันความหวาดผวาออกมาเต็ม
คนที่ติดตามเขานั้น ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือของตระกูลหลี่ และสองคนที่เพิ่งถูกหยางเฉินซัดกระเด็นลอยไปในพริบตานั้น เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นต้น
ในตระกูลหลี่ คนที่จะมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นต้นติดตามถึงสองคนได้ ก็จะมีแต่ผู้สืบตระกูลสายตรงอย่างเขานี่เท่านั้น จึงจะทำได้
เวลานี้ สองผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้น ถึงกับถูกซัดกระเด็นลอยไปในพริบตา และก็สลบเหมือดไปแล้ว
เดิมทีเดียวเหล่าหวางที่ถลาออกไปจะเข้ารับศึก ตอนนี้ชะงักงงอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์
เขาก็รู้แค่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินกับลู่ฉิงเสว่ดีมาก แต่ให้คิดยังไงก็ไม่คิดว่า หยางเฉินจะเก่งฉกาจขนาดนี้
สามารถซัดผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นต้นกระเด็นไปทีเดียวสองคน อย่างน้อยก็ต้องระดับแดนราชาขั้นกลางขึ้นไปมัง?
ตัวเขาเองก็อยู่ในระดับแดนราชาขั้นต้น ถ้าอย่างนั้น ถ้าหยางเฉินจะลงมือเล่นงานเขา เขาคงไม่พอให้แค่สะกิดเลยมั้ง?
คิดไปถึงเมื่อครู่นี้ ที่เขาไปพูดแดกดันหยางเฉิน ให้รู้สึกละอายใจเป็นที่สุด อยากหาร่องรูตามพื้นแทรกมุดหนีไปเลยทีเดียว
“เมี่อกี้แกพูดหรือ ว่าจะขยี้ข้าทิ้ง?”
หยางเฉินหน้าหนาวเยือก ก้าวเดินเข้าไปหาหลี่จิ้นทีละก้าว
มาคราวนี้ หลี่จิ้นยืนสั่นไม่หยุดทั้งตัว เขาแทบจะแน่ใจได้ พลังฝีมือของหยางเฉิน จะต้องอยู่ระดับแดนราชาขั้นกลางไปแล้ว
ในบ้านตระกูลหลี่ แม้ผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นกลางก็มีหลายคน และแม้ตัวเขาเอง เห็นพวกผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นกลางเหล่านั้น ก็ยังต้องมีความนอบน้อมให้การเคารพ
ที่ทำให้เขาหวาดกลัวเป็นที่สุดคือ หยางเฉินยังอยู่ในวัยอ่อนขนาดนี้ ก็มีพลังฝีมือถีงแดนราชาขั้นกลางแล้ว คนแบบนี้ ใช่หรือจะเป็นสามัญชนคนทั่วไป?
“แก….แกคิดจะทำอะไรข้า?”
หลี่จิ้นเขยิบตัวถอยไปพลาง ตัวก็สั่นไปพูดว่า “ข้าขอเตือนแกนะ ข้าเป็นอัจฉริยะสายบูโดของตระกูลหลี่ในรุ่นนี้ อายุเพิ่งจะสามสิบ ก็มีพลังฝีมือระดับแดนราชาขั้นต้นแล้ว”
“แกถ้าทำร้ายข้า ท่านปู่ข้าจะไม่ปล่อยแกแน่!”
“ยังมีตระกูลลู่ ก็จะต้องถูกดึงมาเกี่ยวด้วย แกอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา…….”
ได้เห็นแต่หยางเฉินถลันก้าวประชิดเข้าไปในทันใด คว้ามือหลี่จิ้นมาข้างหนึ่ง ออกแรงใส่ลงไป
“กร๊อป!”
เสียงกังวานของกระดูกแตกหักดังให้ฟังกันชัด
“อ๊าก…..”
ตามมาอย่างกระชั้น เป็นเสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวด ดังลั่นไปตามถนน
เหล่าบรรดากอดี้การ์ดตระกูลหลี่ ขณะนั้นได้แต่ยืนเซ่อกับใบหน้าที่หวาดกลัวของแต่ละคน มีหรือใครกล้าจะคิดถึงการแก้แค้น?
ขนาดอยางหลี่จิ้น ยังถูกหยางเฉินหักแขนทิ้งไปข้างหนึ่งอย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง สำมะหาอะไรกับพวกเขา?
“คราวนี้ จะปล่อยแกไปก่อนสักครั้ง หากว่าต่อไปแกยังกล้ามากวนใจฉิงเสว่อีกละก็ ข้าจะจัดการขยี้ส่วนยื่นทั้งห้ากิ่งของแกให้หมด!”
หยางเฉินทิ้งท้ายด้วยคำพูดภาษาหฤโหด หันตัวกลับไปขึ้นรถ
ทิ้งให้เหล่าหวางยืนงง “ส่วนยื่นของร่างกายมีแค่สี่กิ่งไม่ใช่หรือวะ?คุณเสี่ยวทำไมว่าห้ากิ่ง!”
ส่งสายตามองรถของลู่ฉิงเสว่จากไป คนบ้านตระกูลหลี่จึงได้ตื่นใจกลับมา รวมตัวกันเข้ามา
“รีบส่งคุณชายไปโรงพยาบาล!”
บรรดาบอดี้การ์ดตระกูลหลี่ ต่างรีบกรูกันเข้ามา
“ไสหัวไป!ไสหัวออกไปให้หมดเลยพวกมึง!”
หลี่จิ้นโมโหจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ กัดฟันด่ากราดออกไป “เศษขยะ พวกมึงนี่มันเศษขยะทั้งนั้น!กูโดนไอ้เด็กนั่นหักแขนไปทั้งข้าง พวกมึงเป็นได้แค่ยืนดู”
ได้ยินที่ว่า แต่ละบอดี้การ์ดได้แต่ยืนก้มหน้าพูดอะไรไม่เป็น
พวกเขาเป็นแค่บอดี้การ์ดของตระกูลหลี่เท่านั้น แต่ดูไปที่หยางเฉิน พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการฆ่า
หากว่าพวกเขาใครหาญฮึดลงมือ หยางเฉินจะฆ่าพวกเขาหรือไม่ พวกเขาก็ไม่รู้ได้
เพื่อปกป้องหลี่จิ้น แล้วมาทิ้งชีวิตตัวเอง พวกเขาคงไม่โง่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน ใครจะกล้าไปท้าหยางเฉิน?
ภายในรถของลู่ฉิงเสว่ มู่เชียนเชียนมองหยางเฉินอย่างเทิดทูนพูดว่า “พีเสี่ยว พี่นี่ร้ายกาจจริง ๆ พอลงมือก็ทำเอาสะเทือนขวัญไปทั้งหมด เด็ดขาดสุด ๆ เลยจริง ๆ!”
“พี่เสี่ยว ฉันอยากยกให้พี่เป็นอาจารย์ พี่จะต้องสอนวิชาการต่อสู้ให้ฉัน อีกหน่อยฉันก็จะได้เป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดแบบนี้”
ขณะที่ลู่ฉิงเสว่มองหยางเฉิน สายตาก็เปี่ยมด้วยความเทิดทูน บวกกับสายใยในอารมณ์อยู่ด้วย