สองสาวที่กำลังมองออกไปทางนอกหน้าต่าง สดุ้งตกใจจากเสียงแผดร้องของหยางเฉิน
“พี่เสี่ยว คุณเป็นอะไรไปคะ?”
ลู่ฉิงเสว่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง รีบตะโกนเรียก
มู่เชียนเชียนก็ตกใจเอาอย่างหนัก ตะโกนพูด “พี่เสี่ยว พี่สงบใจหน่อย อย่าคิด อย่าคิดอะไรทั้งสิ้น”
ที่เรียกว่าพี่เสี่ยว เป็นสรรพนามที่มู่เชียนเชียนตั้งขึ้นมาใช้เรียกหยางเฉิน ลู่ฉิงเสว่ก็ได้ใช้ตามด้วย
พวกหล่อนรู้ดีว่า หยางเฉินมีภาวะเสียความจำ ทุกครั้งที่หวนคิดเรื่องอดีตผ่าน จะมีอาการเจ็บปวดอย่างหนัก
ถ้าหยางเฉินหยุดคิดเรื่องอดีตผ่าน ความเจ็บปวดก็คงจะหายไปได้
แต่ทว่า ไม่ได้ผล หยางเฉินยังคงร้องระงมด้วยความเจ็บปวด หน้าตาบิดเบี้ยวอย่างสุดแสนทรมาน
“ฆ่าผม!ช่วยฆ่าผมที!โอ๊ย……”
ใบหน้าหยางเฉินดูโหดเหี้ยม คำรามใส่สองสาว
ในภาวะเจ็บปวดสุดทนได้นั้น ทำให้เขาคิดเพียงขอให้ได้ตายไป
สำหรับเขานั้น มีแต่ตายเท่านั้น ที่จะทำให้เขาได้หลุดพ้น
มองดูสภาพความเจ็บปวดสุดทนของเขาแล้ว ลู่ฉิงเสว่ตาแดงขึ้นมา คนน้ำใจแสนดีอย่างหล่อน รับไม่ได้เลยกับสภาพแบบนี้
แม้กระทั่งมู่เชียนเชียนที่มีอคติกับหยางเฉินอยู่ ตอนนี้ก็รู้สึกร้อนใจ “พี่เสี่ยว อย่าทำแบบนี้สิ อดทนหน่อยเดี๋ยวก็หาย”
“ฆ่าผม!รีบฆ่าผมด้วย!ขอร้องพวกคุณช่วยฆ่าผมด้วย!”
หยางเฉินปวดทรมานจนไม่คิดจะมีชีวิต
ลู่ฉิงเสว่สองตาแดงก่ำมองหยางเฉินอยู่สักครู่แล้ว จู่ ๆ ก็อ้าแขนออกสองข้าง โอบกอดหยางเฉินไว้แน่น กระซิบที่ข้างหูอยางนุ่มนวลว่า “ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่นี่!”
เห็นการแสดงออกของลู่ฉิงเสว่ ที่ทำให้มู่เชียนเชียนถึงกับตลึงงง
ลู่ฉิงเสว่ไม่เพียงแต่อยู่ในตระกูลสูงส่ง หน้าตาก็เลิศล้ำ ภาพตอนนี้ถ้าพวกหนุ่ม ๆ ในหนิงโจวเห็นเข้า หยางเฉินคงต้องถูกรุมฆ่าทิ้งเป็นแน่
และที่ทำให้มู่เชียนเชียนต้องอึ้งทึ่งคือ หยางเฉินพอถูกลู่ฉิงเสว่กอด กลับมีอาการค่อย ๆ สงบลง ไม่ร้องครวญอีก เพียงแต่ตัวยังสั่นงก ๆ เหมือนจะด้วยความเจ็บปวดหรือกลัวกับอะไรอยู่
“พี่สาวคะ พี่……..”
มู่เชียนเชียนกำลังเตรียมจะพูดอะไร แต่ถูกลู่ฉิงเสว่ใช้สายตาสะกดให้หยุด ที่แท้ หยางเฉินที่ซบอยู่ที่อกลู่ชิงเสว่ หลับไป
“นี่……”
มู่เชียนเชียนปากอ้าตาค้าง ตลึงงงไป
พลันหล่อนก็คิดไปถึงว่า หยางเฉินกำลังฉวยโอกาสกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของหล่อน
ลู่ฉิงเสว่ยังคงทำเหมือนกำลังกล่อมเด็กน้อย กอดหยางเฉินไว้แน่น มือก็ลูบไล้เบา ๆ บนแผ่นหลังหยางเฉินไม่ได้หยุด
มู่เชียนเชียนแอบทอดถอนใจ ในความรู้สึกมีอะไรแปลก ๆ บอกไม่ถูก
หล่อนกับลู่ฉิงเสว่นั้นสนิทสนมกันมาก เล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กจนเติบโตมาด้วยกัน วันนี้มาเห็นพี่สาวคนนี้ปฏิบัติกับผู้ชายที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ลงทุนเสียสละถึงขนาดนี้ หล่อนย่อมมีความรู้สึกยากที่จะรับได้
แต่หล่อนก็เข้าใจดี พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของหล่อนคนนี้จิตใจดีมาก ๆ เพียงให้เป็นเรื่องที่หล่อนเห็นว่าใช่ ใครก็จะไปเปลี่ยนความคิดของหล่อนไม่ได้
หล่อนมองหน้าลู่ฉิงเสว่ แล้วกลับไปมองหยางเฉิน พลันเกิดความรู้สึกถึงความอารีที่ลงตัว เขาทั้งสองนี้ ดูช่างเป็นคู่สร้างคู่สมกันเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้สังเกต ตอนนี้พอได้ตั้งใจดู หยางเฉินนี้หล่อเอามากเลยทีเดียว
จมูกที่สูงโด่ง ริมฝีปากที่บางนุ่ม ความคมสันชัดเจนของโหงวเฮ้ง อีกความสูงมาตราฐาณที่เมตรแปดสิบ
ต่อให้ดาราตามกระแสในทีวี ก็ยังห่างไกลความหล่อของหยางเฉินอยู่อีกมาก
“พี่สาวคะ ฉันว่าพี่กับพี่เสี่ยวคนนี้ช่างงามสมกันเป็นคู่สร้างจริง ๆ นะ ไหน ๆ พี่ก็ยังไม่มีคนที่ถูกใจ ไม่สู้ให้พี่เสี่ยวคนนี้มาเป็นบ่าวคู่เรือนก็น่าจะดีนะ?”
มู่เชียนเชียนจู่ ๆ ก็กระซิบพูดเสียงเบา ๆ
ลู่ฉิงเสว่ถึงกับสะอึกชะงักไปพักหนึ่ง พลันก็เกิดสีแดงเขินขึ้นมาบนใบหน้า ตัดพ้อว่าไป “พูดส่งเดช!”
“ฮิ ฮิ!”
มู่เชียนเชียนหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่สาว ฉันพูดเรื่องจริงนะ ก่อนนี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้มาดู ๆ ไป ไม่รู้ไงให้รู้สึกว่าพี่กับพี่เสี่ยวคนนี้ดูเป็นคู่สมไม่ธรรมดา จริง ๆ”
“เชียนเชียน!”
ฉับพลันนั้นสีหน้าลู่ฉิงเสว่ขึ้งเครียดลงพูดว่า “คำพูดแบบนี้ ทีหลังห้ามพูดอีกเป็นอันขาดนะ ถ้าเกิดได้ยินไปถึงหูของหลี่จิ้น ชีวิตของพี่เสี่ยวคนนี้ก็จะต้องตกในอันตราย”
เห็นลู่ฉิงเสว่ออกอาการเครียดขึ้นมา มู่เชียนเชียนต้องรีบเก็บอารมณ์หยอกเล่นขึ้น รีบพูดไปว่า “พี่สาวคะ ฉันก็เพียงพูดล้อเล่นกับพี่เท่านั้นเองแหละ พี่วางใจได้ ฉันจะไม่พูดพล่อยส่งเดชเด็ดขาด”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถแล่นเอื่อย ๆ เข้าไปในบริเวณคฤหาสน์แห่งหนึ่ง จากในบริเวณพื้นที่สวน ยังแล่นต่อไปอีกห้านาที จึงได้หยุดตรงหน้าอาคารหลังเดี่ยวหลังหนึ่ง
“พี่เสี่ยว ตื่นได้แล้ว พวกเราถึงบ้านแล้ว!”
ลู่ฉิงเสว่พยายามใช้เสียงที่นุ่มนิ่มที่สุด กลัวถ้าใช้เสียงดังเกินไป อาจจะทำให้หยางเฉินตกใจ
เหมือนว่าได้ยินของเสียงลู่ฉิงเสว่ หยางเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เห็นหน้าสะสวยที่อยู่ใกล้เกือบชิด เขาตกใจสดุ้งลุกขึ้น แทบจะดีดตัวกระเด็นถอยออกไปตามจังหวะ
“ว้าย….”
ทำเอาลู่ฉิงเสว่ถึงกับเซ่อไป
โดยหน้าตาของหล่อนแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน คิดอยากจะหลบหน้า
หยางเฉินตื่นขึ้นมาในทันทีที่เห็นหล่อน กลับหลบถอยหนีอย่างรวดเร็ว
มู่เชียนเชียนก็มองเห็นอยู่ ถามไปอย่างแปลกใจ “พี่เสี่ยว คุณนี่ช่างไม่รู้กาลเทศะ พี่สาวฉัน…..”
“เชียนเชียน!”
ลู่ฉิงเสว่เหมือนรู้ว่ามู่เชียนเชียนจะพูดว่าอะไร รีบออกปากปราม ใบหน้าที่งามสวย ปรากฏเลือดฝาดแดงเรื่อขึ้นมาน้อย ๆ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ!”
หยางเฉินตอนนี้ฟื้นตื่นเต็มที่ รู้สึกได้ว่าเมื่อครู่นี้แสดงออกที่เรียกว่ามากเกินไปหน่อย จึงรีบกล่าวคำขอโทษ
“ต่อแต่นี้ไป คุณก็อยู่กับพวกเราที่นี่แหละ”
ลู่ฉิงเสว่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หยางเฉินก็เดินตามสองสาวพี่น้อง เข้าไปในอาคาร ภายในอาคารดูสุดหรูหรา หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเดินเข้ามาในนี้ คงจะต้องตะลึงตื่นตากับความอลังการที่เห็นเป็นแน่
แต่สำหรับหยางเฉิน ตั้งแต่เข้ามาตลอดทาง สีหน้ายังคงราบเรียบ เหมือนความหรูหราเหล่านี้ ไม่ได้มีค่าอะไรให้ต้องใส่ใจ
ผนังรอบด้านแขวนประดับภาพเขียนต้นฉบับ เขาก็ไม่ได้สนใจแม้แต่จะมอง
“ต่อไป คุณก็อยู่ใช้ห้องนี้แหละ ฉันกับเชียนเชียนอยู่ชั้นสอง ไม่มีธุระจำเป็นก็อย่าได้ขึ้นไป ได้ไหมคะ?”
ลู่ฉิงเสว่ถาม
หยางเฉินผงกหัว “ขอบคุณครับ!”
สำหรับเขาแล้ว เวลานี้ก็ขอเพียงให้มีที่พักอยู่ได้ นั่นก็พอแล้ว ยังจะมีอะไรที่จะขอให้มากเรื่องอีก
“คุณไปอาบน้ำอุ่น ๆ ให้สบายตัวก่อน เดี๋ยวทานข้าวแล้ว พวกเราค่อยออกไปหาซื้อชุดเสื้อผ้าที่ดูเหมาะสมให้กับคุณ”
ลู่ฉิงเสว่พูดจบ หันหลังเดินไปทางห้องครัว ดูท่าว่าจะไปลงมือทำอาหารมื้อเที่ยงนี้ด้วยตัวเอง
หยางเฉินเดินกลับเข้าห้อง อาบน้ำอุ่นสบาย ๆ ชะล้างคราบไคลสกปรกตามร่างกายจนสะอาด แล้วกลับออกมาจากห้อง
“พี่เสี่ยว……”
มู่เชียนเชียนกำลังจะเดินไปตามหยางเฉินมารับประทานมื้อเที่ยง ก็พอดีเจอหยางเฉินเดินออกมาจากห้อง พอเห็นหยางเฉิน ถึงกับตะลึงอยู่กับที่
หยางเฉินหลังจากได้อาบน้ำชำระล้างคราบไคลแล้ว เหมือนกับเปลี่ยนตัวไปเป็นคนละคน ผมยาวที่เปียกชื้นอยู่ ย้อยหยาดหยดน้ำอยู่ปลายเส้นผมประปราย
“พี่เสี่ยว ไม่คิดว่าคุณจะหล่อเหลาเอาขนาดนี้เลยนะ!”
สายตาที่มู่เชียนเชียนมองหยางเฉิน ในลูกตากระพริบเต็มไปด้วยดวงดาวน้อย ๆ
หล่อนเป็นคนประเภทวัดค่าของคนด้วยหน้าตาเป็นนิสัยอยู่แล้ว ความจริงหยางเฉินก็มีหน้าตาที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ ก็ว่ากันไป
มาตอนนี้ เขาโกนหนวดที่รกรุงรังออก เผยโฉมที่แท้ออกมาให้เห็นชัด มันระดับปราบเซียนกวาดเก็บพวกดาราไอดอลตามกระแสทิ้งไปได้เกลี้ยง
โดนมู่เชียนเชียนจ้องเอาด้วยสายตาร้อนเร่าแบบนี้ ทำเอาหยางเฉินวางตัวไม่ถูก “เชียนเชียน ฉิงเสว่กำลังเรียกพวกเราไปกินข้าวอยู่ทางนู้นนั่น”
“อ้อ อ๋อ ใช่ ฉันก็มาตามคุณอยู่นี่แหละ ไปกันเถอะ รีบไปกินมื้อเที่ยงกัน!กินเสร็จแล้ว ไปช็อปปิ้งกัน!”
มู่เชียนเชียนถือวิสาสะกอดแขนหยางเฉิน พากันเดินไปที่ห้องกินข้าว
ทั้งสองคนมาถึงห้องกินข้าว บนโต๊ะได้จัดเตรียมชุดจานชามพร้อมแล้วสามชุด ยังมีกับข้าวสามอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง มองไปก็รู้ว่าน่าอร่อยมาก
ลู่ฉิงเสว่เดินออกมาจากห้องครัว เห็นหยางเฉินที่โกนหนวดเคราแล้ว สีหน้าก็บ่งชัดถึงความตื่นตะลึง แต่ก็ไม่มีอาการเว่อร์แบบมู่เชียนเชียน
“พี่สาวคะ ฉันขอพูดนะ พี่เสี่ยวกับพี่นี่เหมาะเป็นคู่สมมากนะ ถ้าได้แต่งชุดวิวาห์หรู คงสวยดังระเบิดเป็นแน่!”
มู่เชียนเชียนทำหน้าเหม่อไปกับฝันที่เฝ้ารอ เหมือนในสมองได้มองเห็นภาพของจริง หยางเฉินในชุดสากลเต็มสูตร ลู่ฉิงเสว่ในชุดวิวาห์งามหรู….
ลู่ฉิงเสว่สีหน้าแดงขึ้นมาไนทันทีนั้น พูดเสียงดุใส่ “เธอขืนพูดเพ้อเจ้อไร้สาระอีก เดี๋ยวฉันไม่พาเธอไปช้อปปิ้งละ”