เขาไม่ได้เข้าไปรับรู้เรื่องในราชวงศ์หลงมาเป็นเวลานานแล้ว ฉะนั้นในเรื่องข่าวเหล่านี้ จึงไม่ได้รับรู้ จนมาได้ยินจากที่หลงเทียนหยู่มาเล่าให้ฟังนี้ เขาจึงได้รู้ว่า ในระยะใกล้ ๆ นี้ ราชวงศ์หลงมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย
ในขณะเดียวกันนี้ เขารู้สึกได้เลยว่า ราชวงศ์หลงดูเหมือนกำลังเผชิญกับวิกฤติใหญ่หลวง
“เทียนหยู่ เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว!”
จู่ ๆ หลงเสียงก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่สับสน
หลงเทียนหยู่ถึงแม้อายุจะสามสิบสี่แล้ว แต่ในสายตาของหลงเสียง ก่อนหน้านี้ยังดูเป็นเด็กมาก จวบจนมาวันนี้ เขาจึงมีความรู้สึกว่า ลูกของเขาโตขึ้นแล้ว
หลงเทียนหยู่หัวเราะประชดใส่ตัวเอง “ก่อนหน้านี้ผมยังเบาปัญญา ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตั้งแต่ได้พบกับคุณหยางแล้ว จึงได้รู้ว่า ตัวเองนั้นเหมือนกบอยู่ใต้กะลา”
“เจ้าก็ไม่ต้องไปน้อยเนื้อต่ำใจมาก คุณหยางที่เป็นคนหนุ่มมากคุณค่าแบบนี้ ให้มองหาในตระกูลราชวงศ์บู๊โบราณ ก็ต้องจัดอยู่ในระดับสูงเด่นมาก”
ที่หลงเสียงพูด ไม่ใช่ประโยคใช้ปลอบใจ แต่เป็นข้อเท็จจริง
พลันหลงเทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล “ท่านพ่อ เมื่อสักครู่นี้ ผมได้เห็นปู่จิ้นเดินทางออกไปจากราชวงศ์ ผมเกรงว่า ท่านปู่จะให้ไปทำอะไรกับคนที่เกี่ยวข้องกับคุณหยางนะ”
“คนรอบข้างของคุณหยาง สูญหายไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”หลงเสียงขมวดคิ้วแล้วถาม
หลงเทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ญาติรอบข้างของเขาจากไปหมดแล้ว แต่ที่เยี่ยนตู ยังมีคนที่มีส่วนเกี่ยวพันกับเขาอยู่ เสด็จปู่เป็นคนแบบไหน ผมก็รู้ดีอยู่ ถ้าท่านบ้าขึ้นมา อะไรที่เกี่ยวพันกับคุณหยาง จะต้องถูกกวาดล้างทิ้งหมด!”
สีหน้าหลงเสียงเปลี่ยนไปในฉับพลัน “เทียนหยู่ จะให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากไม่ไปยุ่งกับคนที่มีความผูกพันกับคุณหยาง ราชวงศ์หลงก็ยังพอมีหวังอยู่ ถ้าขืนไปทำอะไรเข้า คุณหยางจะไม่มีทางปล่อยตระกูลหลงไว้แน่นอน!”
ความรู้สึกของหลงเทียนหยู่เหมือนถูกกดทับด้วยภูเขาลูกใหญ่ ในเมื่อเขาคาดเดาถูกว่ากษัตริย์หลงเป็นผู้ลงมือฆ่าหลงเคอแล้วโยนความผิดไปให้หยางเฉิน อีกทั้งคาดเดาได้ว่ากษัตริย์หลงกำลังจะเข้าไปคุกคามคนใกล้ชิดหยางเฉิน แน่นอนว่าเขาก็มองเห็นชัดเจนถึงผลที่จะเกิด
“ท่านพ่อ ถ้างั้นผมจะไปเยี่ยนตูเลย!”
หลงเทียนหยู่ไม่คิดรีรอ ตัดสินใจในทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
หลงเทียนหยู่กำลังจะออกไป หลงเสียงเรียกไปทันที “ถ้าหากหลงจิ้นไม่ยอมหยุดที่จะลงมือทำกับเพื่อนของหยางเฉิน เจ้าก็บอกเขาไปว่า ถ้าเขายินยอมเลิกทำ บุญคุณที่ติดค้างข้าทั้งหมด ถือเป็นการจบสิ้น!”
“ได้ครับ!”
หลงเทียนหยู่ผงกหัว ก็ไม่ใส่ใจจะถามเรื่องบุญคุณอะไร คิดเพียงอยากจะรีบตามไปให้ทันหลงจิ้น เพื่อจะได้ให้หลีกเลี่ยงกับปัญหาเลวร้ายที่ไม่ควรเกิด
มองไล่หลังเงาที่จากไปของหลงเทียนหยู่ ส่วนลึกในนัยน์ตาของหลงเสียงเปี่ยมด้วยกังวล
เป็นถึงโอรสองค์โตของราชวงศ์หลง ก็ต้องไม่ใช่บุคคลประเภทใช้ไม่ได้ ผลจากการไปทำความระคายเคืองกับหยางเฉินจะสาหัสแค่ไหน เขาย่อมรู้ดี
เวลานี้ ก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับหลงเทียนหยู่แล้ว ถ้าไม่สามารถขัดขวางการลงมือของหลงจิ้นไว้ได้ ราชวงศ์หลงก็ห่างการล่มสลายไม่นานแล้ว
เยี่ยนตู บริเวณสนามบินนานาชาติ เงาร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินออกมาจากสนามบิน
มองรอบบริเวณที่คุ้นเคย แววตาเต็มไปด้วยความตื้นตัน
“ท่านประธาน!”
เขาเพิ่งเดินออกมาจากสนามบิน รถออดี้เอ8จอดเข้ามาข้างตัวเขา ชายวัยกลางคนเดินลงมาคนหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
“ลำบากให้อีกแล้ว!”
เขาตบไหล่คนวัยกลางคนนั้น ด้วยสายตาที่รู้สึกขอบคุณ
คนหนุ่มคนนั้นก็คือหยางเฉินที่กลับมาเยี่ยนตูจากหนิงโจว ชายกลางคนนั้นก็คือลั่วปิง
“ท่านประธาน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
สองตาของลั่วปิงดูชื้น ๆ
ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ หลังจากจู่ ๆ หยางเฉินก็หายจากไป ความกดดันแสนสาหัสที่เขาแบกรับอยู่ มีแต่ตัวเขาเองรู้
ดีที่ว่าก่อนหยางเฉินจากไป ได้จัดวางผู้แข็งแกร่งของทีมผู้พิทักษ์เงาลับไว้ข้างตัวเขา ถ้าไม่อย่างนั้นเขาเองยังไม่รู้ได้เลย ว่าตัวเขาเองจะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้หรือไม่
ยี่สิบนาทีให้หลัง ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ชั้นบนสุด ในห้องประชุมใหญ่
หยางเฉินนั่งในตำแหน่งประธาน โดยมีลั่วปิงนั่งข้างตัวเขา ผู้บริหารระดับสูงคนอื่น ๆ นั่งแยกอยู่สองข้าง ต่างมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจ
ในเดือนก่อนนี้ที่หยางเฉินพากันทั้งครอบครัวจากไป เป็นข่าวใหญ่ที่กระจายไปทั่วเยี่ยนตู แล้วยังมีข่าวลือมาว่า หยางเฉินตายหมดยกครอบครัว
ด้วยเหตุนี้เอง ภายในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป จึงเกิดเสียงแตกกันมากมาย ลั่วปิงต้องแบกรับความกดดันอย่างแสนสาหัส
“มากันครบหมดหรือยัง?”
หยางเฉินกวาดตามองไปที่ทุกคน เอ่ยปากถาม
ลั่วปิงมองไปที่นั่งว่างที่อยู่ตรงข้ามเขา สีหน้าออกไม่ค่อยดี กัดฟันพูดเสียงเคียด “รองประธานหวงยังไม่มา”
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น หลังจากที่ลั่วปิงรับเขาแล้วที่สนามบิน ก็ได้แจ้งไปหมดแล้วว่าจะประชุมในอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ถึงตอนนี้ ยังมีคนที่ยังไม่ได้มาเข้าประชุมอีก
จากสีหน้าของลั่วปิง หยางเฉินก็พอมองออกถึงอะไรบางอย่าง ถามเสียงเยือกว่า “ติดต่อหวงเหล่ยได้ไหม?”
“ครับท่านประธาน รองประธานหวงบอกว่าท่านป่วย ไม่สบาย วันนี้มาไม่ได้ครับ”
ขณะนั้นเอง ก็ได้มีผู้บริหารระดับสูงของหวงเหล่ย ลุกยืนขึ้นพูดอย่างพินอบพิเทา
“ไม่สบาย?”
ลั่วปิงยิ้มเยือก “เขาไม่สบาย หรือรู้ว่าประธานกลับมา กลัวจนไม่กล้ามาเข้าร่วมประชุม?”
ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นหน้าเสีย ก้มหน้าพูดอะไรไม่ออก
“แจ้งไปยังหวงเหล่ย ภายในสิบนาทีนี้ ถ้ายังไม่สามารถมาเข้าประชุมได้ ต่อไปก็ไม่ต้องเข้ามาอีก!”
หยางเฉินพูดออกไปอย่างไม่มีการลังเล พูดเสร็จกวาดตามองไปทั่ว “เริ่มการประชุม!”
เขาไม่ได้เข้ามาเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนี้เดือนกว่าแล้ว เรื่องต่าง ๆ ภายในกรุ๊ป จึงไม่ได้รู้เรื่องเลย ฉะนั้นพอกลับมาถึง ก็ต้องสั่งให้เปิดประชุมกันขึ้น เพื่อทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ในเบื้องต้น
หยางเฉินมองไปที่ลั่วปิงแล้วพูดว่า “ประธานลั่ว คุณว่าก่อนเลย!”
ลั่วปิงผงกหัว รีบรายงานออกมา “เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในขณะปัจจุบันนี้ งานหลักอยู่ที่โครงการเมืองจิ่วโจว เมืองจิ่วโจวในเยี่ยนตู ได้ผ่านการตรวจรับงานเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ ก็ได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว เวลานี้ตัวร้านค้าและอาคารสำนักงานของเมืองจิ่วโจว ก็ได้ให้เช่าไปทั้งหมดแล้ว”
“นอกจากนี้ โครงการเมืองจิ่วโจวในอีกแปดเขตุใหญ่ ก็อยู่ในระหว่างก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานก็ได้แล้วเสร็จไปร้อยละเจ็ดสิบ คาดว่าเร่งงานภายในก่อนสิ้นปี เชื่อว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ได้”
“งานด้านอื่น ๆ ของกรุ๊ป ก็ดำเนินอย่างต่อเนื่องอย่างเรียบร้อยดี แม้บางครั้งจะมีอุปสรรคบ้าง ก็จัดการแก้ไขเรียบร้อยกันได้ในเฉพาะหน้า”
ลั่วปิงได้รายงานไปโดยสังเขป แล้วก็มีสีหน้าลังเลอะไรขึ้นมา เหมือนไม่แน่ใจว่าจะสมควรพูดหรือไม่
“คุณมีอะไรจะพูดต่ออีกหรือ?”หยางเฉินจึงถามไป
ลั่วปิงจึงได้ตัดสินใจ เอ่ยปากพูดว่า “เรียนท่านประธาน ตระกูลเจี่ยงแห่งเมืองราชวงศ์หลง ได้คิดจะเสนอขอซื้อหยางเฉินกรุ๊ปในราคาหนึ่งพันล้าน หลังจากผมได้ปฏิเสธไปแล้ว พวกเขาได้ใช้กำลังของตระกูลเจี่ยง รวมกับกลุ่มยอดอิทธิพลทั้งแปดเขตุเมือง คอยก่อกวนโครงการเมืองจิ่วโจวทั้งแปดเขตุเมืองของพวกเรา”
“ด้วยเหตุนี้ โครงการในเขตตุเมืองเหล่านี้ จึงทำให้การดำเนินการก่อสร้าง มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกเกือบเท่าตัว ถ้าไม่ได้เป็นแบบนี้ ผมก็มั่นใจอยู่ว่า จะทำโครงการเมืองจิ่วโจวอื่น ๆ เหล่านั้น ให้แล้วเสร็จได้ก่อนเดือนเก้านี้!”
หลังจากเรื่องที่เขาพูดจบลง ความโกรธที่น่ากลัวกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉิน
“หนึ่งพันล้าน คิดจะมาซื้อเยี่ยนเฉินกรุ๊ป?ใครไปยุให้มันหาญกล้ามาได้? ”
หยางเฉินระเบิดความโกรธออกมาทันที
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเวลานี้ มูลค่าหลักทรัพย์หมื่นล้าน ตระกูลเจี่ยงคิดได้ยังไงมาให้พันล้าน มันจะบ้าไปแล้วสุด ๆ
อย่าว่าตระกูลเจี่ยงที่เป็นเพียงแค่ตระกูลหนึ่งในราชวงศ์หลงเลย ต่อให้ทั้งตระกูลหลง ก็ยังไม่กล้ามาทำแบบนี้
“หลังจากที่ตระกูลเจี่ยงถูกข้าปฏิเสธไป จึงได้เข้าหาหวงเหล่ย พยายามจะผลักดันให้หวงเหล่ยก้าวขึ้นมาแทนที่ประธาน ถ้าท่านมาช้ากว่านี้อีกหน่อย ผมก็อาจจะถูกหวงเหล่ยชิงเอาตำแหน่งไปได้”
ลั่วปิงก็จึงได้พยายามเล่าไปอย่างระมัดระวัง
“มันกำลังรนหาที่ตาย!”หยางเฉินเกิดแววฆ่าขึ้นมาที่สีหน้า