ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1997 : บลูผู้เย่อหยิ่ง

ตอนที่ 1997 : บลูผู้เย่อหยิ่ง

  กลับเป็นว่าการจัดแจงของซิงฮัวนั้นมีเหตุผล นางคาดการเส้นทางการเดินทางของแม่ทัพเผ่าสวรรค์ได้อย่างแม่นยำ

  เขตข่งจู้และเขตหย่วนเหยี่ยนนั้นคือเส้นทางการถอยกลับของบลูและล็อค ทีมของบลูจะถอยกลับมาทางเขตข่งจู้ ส่วนทีมของล็อคจะถอยกลับไปยังเขตหย่วนเหยี่ยน ตราบใดที่คิดจะกลับเขตเผ่าสวรรค์ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ต้องถอยกลับมายังเส้นทางนี้

  เมื่อแม่ทัพเผ่าสวรรค์คิดว่าการแข่งขันแย่งลูกปัดจิตจบลง นั่นแหละคือส่วนเริ่มต้นที่แท้จริง

  ครึ่งเดือนต่อมา….

  บลูได้ค้นหาทั่วทั้งส่วนเหนือ เขาค้นหาแทบทุกมุม หลังจากที่ยืนยันได้ว่าไม่มีลูกปัดจิตเหลืออยู่แล้วเขาก็รีบกลับไปยังช่องทางสู่เขตข่งจู้ทันที เมื่อไม่มีภาระเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว เขาใช้พลังจิตออกมาไม่

ตอนที่ 1997 : บลูผู้เย่อหยิ่ง

  กลับเป็นว่าการจัดแจงของซิงฮัวนั้นมีเหตุผล นางคาดการเส้นทางการเดินทางของแม่ทัพเผ่าสวรรค์ได้อย่างแม่นยำ

  เขตข่งจู้และเขตหย่วนเหยี่ยนนั้นคือเส้นทางการถอยกลับของบลูและล็อค ทีมของบลูจะถอยกลับมาทางเขตข่งจู้ ส่วนทีมของล็อคจะถอยกลับไปยังเขตหย่วนเหยี่ยน ตราบใดที่คิดจะกลับเขตเผ่าสวรรค์ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ต้องถอยกลับมายังเส้นทางนี้

  เมื่อแม่ทัพเผ่าสวรรค์คิดว่าการแข่งขันแย่งลูกปัดจิตจบลง นั่นแหละคือส่วนเริ่มต้นที่แท้จริง

  ครึ่งเดือนต่อมา….

  บลูได้ค้นหาทั่วทั้งส่วนเหนือ เขาค้นหาแทบทุกมุม หลังจากที่ยืนยันได้ว่าไม่มีลูกปัดจิตเหลืออยู่แล้วเขาก็รีบกลับไปยังช่องทางสู่เขตข่งจู้ทันที เมื่อไม่มีภาระเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว เขาใช้พลังจิตออกมาไม่ยั้ง ทั่วทั้งเขตต้นกำเนิดเต็มไปด้วยพลังผันผวนที่น่าทึ่งคล้ายกับพลังจักรพรรดิ แต่มันก็ไม่อาจจะทำให้เขาช้าลงได้เลยแม้แต่น้อย

  แค่ 3 วัน บลูก็ได้เดินทางจากทางตะวันตกเฉียงเหนือมายังส่วนเหนือของเขตต้นกำเนิดได้ เขาได้ตรงไปยังช่องทางสู้เชตข่งจู้ ทันที

    มีคนอยู่  บลูกลับชะงักไป การรับรู้ของเขาล็อคเป้าไปที่ซิงฮัว, จางลู่และคนอื่นๆที่ปิดทางออกสู่เขตข่งจู้เอาไว้

  แม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าจะเป็นบลูรึล็อค แต่ซิงฮัวก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้เพราะมีแค่บลูกับล็อคเท่านั้นที่รับรู้ตัวตนของนางได้ทั้งๆที่อยู่ไกลแบบนี้

  ในเวลาเดียวกัน จางลู่ก็มองไปทางส่วนเหนือของเขตต้นกำเนิดก่อนจะพูดขึ้นมาช้าๆ   มีแค่คนเดียว หากข้าเข้าใจไม่ผิดแล้ว คนนี้น่าจะเป็นบลูที่เจ้าพูดถึง 

  เจ้าสำนัก, หยวนเทียนจี และคนอื่นๆเองก็รับรู้ตัวตนของบลูได้ พวกเขาพากันแสดงท่าทีกระตือรือร้นออกมา

  เมื่อได้ยินแบบนั้น ซิงฮัวก็ต้องอึ้ง   ท่านจางลู่ รับรู้เขาได้ด้วยรึ ? 

  นางมองไปที่จางลู่ด้วยความสงสัย นางยังไม่อาจจะรับรู้ตัวตนอีกฝ่ายได้แต่จางลู่ทำได้ยังไง ?

  จางลู่รับรู้ตัวตนอีกฝ่ายได้จริงรึแค่เดา ?

  จางลู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับ บลูที่อยู่ไกลออกไปก็ต้องหรี่ตาลง   มีคนมากแบบนี้…จักรพรรดิมนุษย์ส่งนายพลทั้งหมดมาที่นี่รึ ?  เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะเป็นแม่ทัพกันทุกคน   พวกนี้คิดว่าด้วยจำนวนที่มากว่าจะสู้กับเผ่าสวรรค์ได้งั้นรึ ? 

  บลูตรวจสอบโดยรอบและมั่นใจว่าเรนไนไม่ได้อยู่ด้วย เขาได้บินมาทางช่องทางสู่เขตข่งจู้ทันที

  เขามั่นใจว่าถึงจะโดนล้อมแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครหยุดเขาได้

  เขาไม่ได้สนใจจางลู่และคนอื่นๆ บลูได้เข้ามาในวงล้อมของทีมคังเฉียงและพูดกับซิงฮัว   ไม่แปลกเลยที่ข้าไม่พบแม่ทัพมนุษย์ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมาซ่อนกันอยู่ที่นี่…พวกเจ้าคิดว่าด้วยปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้จะสู้กับเผ่าสวรรค์ได้รึ ? 

  ปลาซิวปลาสร้อย ?

  จางลู่ยักคิ้ว ในสายตาของบลูคนของทีมคังเฉียงเป็นได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยงั้นรึ ?

    บลู เจ้ามั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว  ซิงฮัวเห็นว่าบลูเข้ามาในวงล้อมเองก็ไม่รู้ว่าจะชมความกล้าอีกฝ่ายรึจะสงสารในความโง่ของอีกฝ่ายดีแต่ความหยิ่งทะนงของ บลู นี่เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา   เรารอที่นี่กันมานานแล้ว เจ้าไม่มีทางหนีจากที่นี่ได้  

    หนีรึ ?  บลูฮึดฮัดออกมา   ข้าพูดตอนไหนว่าข้าจะหนี 

  เขาไม่ได้สนใจ ซิงฮัวและทีมคงเฉียงเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของเขายังหลงตัวเองเช่นเคย   เรนไนล่ะ ? เขาซ่อนอยู่ที่ไหน ?    ทั้งเผ่ามนุษย์นั้นมีแค่คนเดียวที่ทำให้เขาสนใจได้คือเรนไน แม้ว่าซิงฮัวและแรนดอฟจะค่อนข้างแข็งแกร่งแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าทั้งสองคนไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

    เจ้าไม่มีสิทธิ์เป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเรนไนหรอก  ซิงฮัวตอบกลับ  อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป 

  บลูคิ้วขมวด   จักรพรรดิเรนไนรึ? เจ้าหมายความว่ายังไง ? 

  ผู้นำเขตเย่าหยางข้างๆ ซิงฮัวฮึดฮัดออกมา   เจ้าไม่เข้าใจรึ ? จักรพรรดิเรนไน หมายความว่าท่านเรนไนนั้นได้ก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิไปแล้ว ! เจ้าคิดจะเป็นคู่มือของจักรพรรดิเรนไน แต่โชคร้ายที่เจ้าไม่มีสิทธิ์ ! เจ้าไม่มีเกียรติเพียงพอแม้แต่น้อย 

  แม้ว่าเรนไนจะเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลแต่เขาก็เป็นสมาชิกของเผ่ามนุษย์ในทะเลโกลาหล สำหรับแม่ทัพมนุษย์แล้ว เรนไนคือคนของพวกเขา

  เมื่อได้ยินแบบนั้น บลูก็ฮึดฮัดออกมา  เรนไน ? จักรพรรดิ ? พวกเจ้าไปคิดคำพูดตลกนี้มาจากไหนกัน ? ไม่เลว เจ้าเล่าเรื่องตลกให้ข้าฟังอีกหน่อยสิ 

  ซิงฮัวส่ายหน้า   มันไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อรึไม่แต่นี่คือความจริง 

    ข้าไม่อยากคิดอะไรมากแต่พวกเจ้าโง่กันจริงๆรึ ?  บลูเลียปาก   ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าในทะเลโกลาหลนั้นมีจักรพรรดิได้แค่ 9 คน ? แม้ว่าจักรพรรดิฉิวหวังจะหายตัวไปแต่แน่นอนว่าเขายังไม่ตาย…มันไม่มีที่ว่างสำหรับจักรพรรดิอีก เรนไนจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ยังไง? 

    นอกจากนี้  น้ำเสียงของบลูเปลี่ยนไป  แม้ว่าเรนไนจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้แล้วยังไง ? ในเขตต้นกำเนิดนี้เขาไม่อาจจะเข้ามาได้ แม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าแต่เขาก็ได้แต่มองหากคิดจะแก้แค้น เขาจะโดนไล่ล่าโดยจักรพรรดิกุยหลิง ! 

  ตอนนั้นจางลู่ก็พูดขึ้นมาช้าๆ   เจ้ามั่นใจรึว่าจะฆ่าเราได้ ?    บลูมองไปที่จางลู่และรู้สึกคุ้นตา อยู่ๆเขาก็หรี่ตาลง   เป็นเจ้านี่เอง ! เจ้าคงไม่ใช่คังเฉียงหรอกนะ…  อยู่ๆเขาก็พูดตะกุกตะกัก   ไม่ เจ้าไม่ได้มีพลังจักรพรรดิกับตัว !  เมื่อพูดถึงจุดนี้เขาก็รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ   แปลก แปลกจริงๆ ! 

    ไม่ต้องกลัวไป  จางลู่ยิ้มออกมา   ข้าแค่ร่างแยกของจักรพรรดิคังเฉียง 

  บลูโล่งอกขึ้นมา เอาจริงๆแล้วเขาค่อนข้างกลัวจักรพรรดิคังเฉียง ยังไงซะอีกฝ่ายก็สามารถเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงได้ จักรพรรดิคนอื่นๆไม่กล้าจะก้าวเท้าเข้ามาในเขตต้นกำเนิดแต่จักรพรรดิคังเฉียงนั้นอาจจะไม่กลัว

  โชคดีที่ชายคนนี้เป็นแค่ร่างแยกของจักรพรรดิคังเฉียง

    คนที่อยู่ข้างๆเจ้าเองก็เป็นร่างแยกของจักรพรรดิคังเฉียงสินะ ?  บลูแปลกใจนิดๆ   เอาจริๆแล้วข้าติดตาม จักรพรรดิข่งจู้มานาน ข้าไม่เคยเห็นร่างแยกของจักรพรรดิสองคนแบบนี้ ปกติมีแค่ร่างเดียว…แต่เมื่อเป็นร่างแยกของจักรพรรดิ งั้นพวกเจ้าก็คงพอมีฝีมือสินะ ? 

  หลังจากที่รู้ตัวตนจางลู่และเจ้าสำนัก บลูก็แสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาแต่ในใจก็ยังแอบระวังตัวอยู่

  เขาไม่รู้ว่าร่างแยกของจักรพรรดินั้นจะแกร่งแค่ไหน ร่างแยกของจักรพรรดิอาจจะจัดการเขาได้

  พูดตามตรงแล้วความแข็งแกร่งของร่างแยกจักรพรรดินั้นน่าจะอยู่ระหว่างแม่ทัพสูงสุดกับจักรพรรดิ ระดับการบ่มเพาะของร่างแยกนั้นอยู่ที่แม่ทัพสูงสุดแต่เพราะการควบคุมพลังจิตได้ ความสามารถในการต่อสู้จึงสูงกว่าแม่ทัพสูงสุด หากต้องสู้กับร่างแยกจักรพรรดิแล้ว แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพสูงสุดอย่างบลูก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้าด้วย เมื่อพบเขาก็เลือกที่จะหนีทันที

    ท่านจางลู่ เหตุใดต้องพูดไร้สาระกับเขาด้วย ?  ซิงฮัวกังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้น  รีบจัดการเขาก่อน 

  จางลู่ กลอกตาใส่   ตอนแรกเจ้าไม่ได้ดูกังวลเลย เหตุใดตอนนี้ถึงกังวลได้ ? 

  นางนี่สองมาตรฐานชัดๆ !

  เมื่อได้ยินที่ซิงฮัวพูดมา จางลู่ก็แทบพูดอะไรไม่ออก

    จัดการข้ารึ ?  บลูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา   บางทีความแข็งแกร่งของร่างแยกจักรพรรดินั้นอาจจะสูงก็จริง แต่…ข้าเป็นใคร ? ขยะอย่างพวกเจ้านี่รึ ? แค่พวกเจ้าสองคน…หากคิดจะจัดการข้า ข้ากลัวว่าคงจะไม่เพียงพอ 

  จางลู่พูดขึ้นมาช้าๆ   ใครกันบอกว่ามีแค่เราสองคน ? 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น บลูก็มองไปยังคนของทีมคังเฉียง   เจ้าพูดถึงพวกนี้รึ ? 

    ใช่ พวกเขานี่แหละ  จางลู่มองไปที่บลูแล้วพูดขึ้น  เอาจริงๆแล้วเราก็ไม่อยากรังแกเจ้าเช่นนี้ นี่คือภารกิจที่ร่างหลักให้เรามา เราต้องทำให้เสร็จสิ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเราทุกคนก็ได้แต่ต้องลงมือ หากเจ้าแค้นเคือง…ก็ทำใจยอมรับเถอะ 

  พูดไปแล้วจางลู่ก็ปลอบใจ   เจ้าสบายใจได้ เราจะรีบลงมือและรีบจบการต่อสู้ เราจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวด 

  บลูหรี่ตาลง   พวกนี้เป็นสมาชิกทีมคังเฉียงสินะ ? พวกนี้จะแกร่งแค่ไหนกัน ? แม่ทัพขั้นต้น ? ขั้นกลางรึ ? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าพวกนี้หมดรึ ? 

    ฆ่าพวกเรารึ ?  หยวนเทียนจีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย   ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะฆ่าเรายังไง 

  ทุกสายตาของคนจากทีมคังเฉียงจับจ้องไปที่บลู แม้ว่าพวกเขาจะไม่แผ่พลังออกมาแต่สายตาของพวกเขาก็ทำให้บลู นั้นรู้สึกสังหรณ์ใจแย่ๆขึ้นมา มันราวกับว่าเขาโดนตัวตนที่น่ากลัวจับจ้องอยู่ ตัวของเขาเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาพร้อมขนลุกไปทั้งตัว

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท