The king of War – บทที่ 1570 ในที่สุดก็มา

บทที่ 1570 ในที่สุดก็มา

หม่าชาวที่ยืนอยู่หน้าเวที เวลานี้เขามองไปยังหยางเฉินด้วยความตกใจ โดยคิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หยางเฉินจะยืนขึ้นแล้วช่วยเฝิงจื้อเอ้าให้การเท็จ

ตัวเขานั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าตนเองไม่มีพี่สาว มีเพียงน้องสาวเท่านั้น

ไม่เพียงแค่หม่าชาวเท่านั้น แต่สายตาของผู้ชมต่างก็จับจ้องไปยังหยางเฉิน ทำให้ทุกคนต่างเกิดความอยากรู้อยากเห็นในตัวชายหนุ่มคนนี้

แววตาอันคมกริบของฝ่าบาทเองก็ทรงมองไปยังชายคนนี้ ในเวลานั้นหยางเฉินก็รับรู้ได้ว่ารอบตัวเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยความตาย เพียงแค่คำพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้เขาตายได้

ราชวงศ์เฝิงคือหนึ่งในสองของราชวงศ์โบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยเสือซ่อนเล็บมากมาย แน่นอนว่าผู้ที่เป็นถึงแดนเหนือมนุษย์จะต้องมีไม่ต่ำกว่าสิบคน

อีกทั้งเขาเองก็ไม่อาจทราบถึงระดับพลังของฝ่าบาทได้ แต่เขาสามารถเดาได้ว่า อย่างน้อย ๆ ต้องไปถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดแน่

เท่าที่เขารู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดเป็นอุปสรรคที่ยากลำบากมาก มีเพียงคนเพีบงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ขนาดว่าผู้รักษาทั้งสี่ทิศแห่งราชวงศ์เฝิง ยังทำได้เพียงแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ด

แต่ในตอนนี้ ผู้นำแห่งราชวงศ์เฝิงก็ได้ผ่านไปยังแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้แล้ว

ภายใต้ความสนใจของทุกคน หยางเฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น สายตามองไปยังหม่าชาว ในขณะที่หม่าชาวเองก็มองมาที่เขาเช่นกัน ในแววตาเต็มไปด้วยคำถาม

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อยให้เขาสบายใจ จากนั้นก็มองไปยังฝ่าบาทแล้วพูดว่า “หม่าชาวเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับข้า ตอนที่เขายังเด็ก ก็ถูกพี่สาวของตนเองทำให้หายตัวไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อน ในที่สุดเขาก็หาพี่สาวของตนเองเจอ”

“ข้าได้หาคนไปทดสอบ DNA ของพวกเขาทั้งคู่แล้ว สามารถยืนยันได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจริง แต่ว่า หมี่เสวี่ยพี่สาวก็เขาก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจนบาดเจ็บหนักไปเมื่อหนึ่งปีก่อน จนกระทั่งตอนนี้ยังเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่”

เมื่อได้ฟังเรืองราวที่หยางเฉินพูด หม่าชาวก็เข้าใจในสิ่งที่เขาทำทันที แม้จะยังสับสนอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดีว่ไม่ใช่เพราะต้องการทำร้ายเขา

เมื่อหยางเฉินพูดออกมาแบบนี้ ก็สามารถแน่ใจได้ว่า เขาต้องสามารถปกป้องลูกชายของเขากับอ้ายหลินได้แน่ ไม่อยากนั้นคงไม่พูดแบบนี้ออกมา

คำพูดของหยางเฉินเปรียบได้ดังคลื่นสึนามิที่ซัดเข้าฝั่ง ตอนนี้ผู้คนทั้งหมดต่างตกอยู่ในความกระวนกระวาย

“ก่อนหน้านี้ หม่าชาวไม่ได้เป็นผู้สืบทอดรัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าของราชวงศ์เฝิงจริง ดูท่าแล้ว ในตอนนั้นอาจจะเป็นฉากละครที่เฝิงจื้อหย่วนสร้างขึ้นมาก็ได้”

“ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่า เฝิงจื้อหย่วนจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ เพื่ออำนาจแล้ว ขนาดลูกในไส้ของตนเองยังลงมือทิ้งได้ลงคอ”

……

เมื่อคนของราชวงศ์เฝิงได้พูดออกมา แววตาแฝงด้วยรอยยิ้มของทุกคนก็มองไปยังเฝิงจื้อหย่วน โดยเฉพาะของเหล่าบ้านทั้งสิบหก

ในราชวงศ์เฝิง ผู้ที่อาวุโสกว่าจะถูกให้การเคารพ เนื่องจากเฝิงจื้อหย่วนเป็นลูกคนรอง และเป็นเจ้าบ้านแห่งบ้านที่สอง จึงเป็นรองเพียงแค่ฝ่าบาทและเฝิงจื้อเอ้าเท่านั้น

หากเรื่องที่เฝิงจื้อหย่วนทิ้งหม่าชาวไปเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งของเขาในราชวงศ์เฝิงก็จะถูกลดทอนไป

จนอาจถึงขนาดถูกขับไล่ออกจากราชวงศ์เฝิง

ฝ่าบาทจ้องมองไปยังหยางเฉินอย่างเคร่งขรึม แรงกดดันลมปราณวิถีบู๊รายล้อมรอบตัวของหยางเฉิน

หยางเฉินมองไปยังฝ่าบาทโดยไร้ซึ่งความกลัว ลมปราณวิถีบู๊ก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ

ปราณวิถีบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าปะทุขึ้น !

ทำให้ผู้ชมต่างตกตะลึง !

ความจริงที่ว่าหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าทำให้ผู้คนต่างตกใจ ไม่น้อยไปกว่าที่หม่าชาวไม่ใช่รัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าแห่งราชวงศ์เฝิงเลย

ขนาดฝ่าบาทเองแววตายังเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง

ไม่ใช่ว่าในชีวิตของเขาจะไม่เคยเจอบูโดอัจฉริยะอย่างหยางเฉิน เพียงแต่ผู้ที่มีอายุเพียงสามสิบกว่า ๆ จะมาถึงขั้นนี้ได้ มีเพียงอัจฉริยะบูโดในตระกูลบู๊โบราณเท่านั้น

หรือว่า หยางเฉินจะเป็นอัจฉริยะบูโดจากตระกูลบู๊โบราณ ?

“เจ้าเป็นใคร ?”

ฝ่าบาทพูดขึ้น

หยางเฉินตอบ “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน !”

“หืม ?”

ฝ่าบาททรงขมวดคิ้ว มองไปยังหยางเฉินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เขารู้ดีว่า หยางเฉินไม่ได้พูดโกหก

หรือก็คือ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของตนเองงั้นหรือ ?

ไม่ใช่ว่า ทั้งหยางเฉินและหม่าชาวไม่เคยได้รับทรัพยากรวิถีบู๊ของตระกูลมาก่อน แต่ฝึกฝนด้วยตนเองจนมาถึงขั้นนี้ได้ ?

หากเป็นเรื่องจริงล่ะก็ อัจฉริยะบูโดของหยางเฉินก็อยู่ในระดับที่น่าตกใจมาก

“ฝ่าบาท สหายข้าหม่าชาวไม่ได้มีความตั้งใจจะแย่งชิงตำแหน่งของรัชทายาท ไม่ว่าเขาจะเป็นรัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าจริงหรือไม่ก็ตาม ข้าหวังว่าท่านจะยอมปล่อยเขาไป”

หยางเฉินพูด แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

แต่ฝ่าบาทกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าหากว่าเขาเป็นบุตรชายคนโตแห่งราชวงศ์เฝิงรุ่นที่สิบเก้าจริง เขาก็จำเป็นต้องสืบทอดตำแหน่งรัชทายาทต่อ !”

พูดจบ สายตาของเขาก็มองไปยังเฝิงจื้อหย่วน พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร ?”

เฝิงจื้อหย่วนยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่มีอะไรจะอธิบายพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นบุตรชายคนโตของข้าจริงๆ ! หากคนอื่นมีความสงสัยล่ะก็ ก็ควรหาหลักฐานมายืนยัน ไม่ใช่มาบอกว่าเขามีพี่สาว แล้วเขาจะมีจริง ๆ”

เฝิงจื้อเอ้ายิ้มอย่างเย็นชา “น้องรอง มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคิดจะหลอกลวงฝ่าบาทอยู่อีกหรือ ? เฝิงชาวจะมีพี่สาวหรือไม่ ข้าเชื่อว่าสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ถ้าเจ้ายังมัวแต่แก้ตัวอยู่อย่างนี้ ก็แต่จะเสียเวลา เจ้าว่ามันจำเป็นรึเปล่า ?”

เฝิงจื้อหย่วนยิ้มพลางพูดว่า “พี่ใหญ่ ข้ากล้าจะพูดออกมาแบบนี้ ไม่ได้กลัวว่าจะถูกท่านตรวจสอบ แต่ท่านเองต่างหาก กล้ามาโกหกฝ่าบาท หลอกว่าหม่าชาวมีพี่สาว ท่านไม่กลัวว่าหลังจากที่ท่านรู้ความจริงแล้วจะปลดท่านออกจากความเป็นพี่หรืออย่างไร ?”

เฝิงจื้อเอ้าอดใจสั่นไม่ได้ หากฝ่าบาทต้องการตรวจสอบดูจริง ๆ ล่ะก็ ยังไงก็ต้องตรวจสอบไปจนถึงความสัมพันธ์ของหม่าชาวและหมี่เสวี่ยได้แน่

เพียงแต่ว่าแม้เขาเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าแท้จริงแล้ว หม่าชาวและหมี่เสวี่ยใครจะเกิดมาก่อนกัน เมื่อไม่มีหลักฐาน ฝ่าบาทเองก็อาจจะตรวจสอบต่อไปไม่ได้

หลาย ๆ คนไม่คิดเลยว่า จากเดิมที่เป็นราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของหม่าชาว ในตอนนี้จะกลายเป็นการต่อสู้กันของสองพี่น้อง เฝิงจื้อหย่วนและเฝิงจื้อเอ้า

ฝ่าบาททรงไม่เปลี่ยนสีหน้า ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ ทั้งองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง จะต้องมีคนหนึ่งที่ถูกปลดจากอำนาจลงแน่

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่ทั้งสองพูดต่างกันโดยสิ้นเชิง แปลว่าต้องมีคนหนึ่งที่พูดความจริง

หยางเฉินเผลอขมวดคิ้ว เขาคิดว่าวันนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่จนกระทั่งตอนนี้ นอกจากปัญหาระหว่างเฝิงจื้อเอ้า และเฝิงจื้อหย่วนแล้ว ยังไม่ปรากฏเรื่องใหญ่อื่นอีก

แต่ทว่า ก่อนหน้านี้ที่เฝิงจื้อหย่วนได้คุยกับเขา เห็นได้ชัดเลยว่าอาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

ไม่อย่างนั้น เฝิงจื้อหย่วนจะทำข้อตกลงกับเขาให้เขาคอยปกป้องหม่าชาวทำไม ?

ในทันใดนั้นเอง พลังปราณวิถีบู๊อันน่าสะพรึงก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งราชวงศ์เฝิง ในดวงตาของเฝิงจื้อหย่วนเกิดประกายวูบวาบ พูดพึมพำกับตัวเองว่า “ในที่สุดก็มาแล้วหรือ ?”

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท