The king of War – บทที่ 1572 ไร้ความหวัง

บทที่ 1572 ไร้ความหวัง

แม้แต่ตอนนี้หยางเฉินเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากพลังอันทรงพลังจากชายชราผมขาว

หม่าชาวขับฟันแน่น เดินไปหยางเฉินและ กระซิบบอกว่า “พี่เฉิน ไม่ต้องสนใจข้า !”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าสงบ “ยังไงซะ พวกเราก็คือพี่น้องกัน จะแยกจากกันไม่ได้ ถ้าจะตาย ก็ต้องตายด้วยกัน !”

จะให้เขาทิ้งหม่าชาวไว้ แล้วหนีไปคนเดียว เขาคงทำไม่ได้

เช่นเดียวกัน ถ้าจะให้หม่าชาวทิ้งเขาไป หม่าชาวก็ทำไม่ได้

ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งไปซะเลย

“ในเมื่อพวกเจ้าอยากตายนัก งั้นฆ่าจะสนองให้เอง !”

ชายชราผมขาวจู่ ๆ ก็พูดขึ้น ทันใดนั้นจิตสังหารอันรุนแรงก็พุ่งเข้าไปล้อมรอบทั้งสองไว้

หยางเฉินไม่พูดอะไรไร้สาระอีก เทคนิคการหายใจขั้นหกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานถูกใช้ขึ้นทันที ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด ทันใดนั้นลมปราณวิถีบู๊อันรุนแรงก็แผ่พุ่งออกมา

สายเลือดคลั่งพลุ่งพล่านในร่างกายของเขา ราวกับทุก ๆ เซลล์กำลังถูกกระตุ้น

เมื่อเห็นว่าหยางเฉินยังเต็มไปด้วยลมปราณวิถีบู๊อันแข็งแกร่ง ชายชราผมขาวก็ขมวดคิ้ว รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ออกมาจากร่างของหยางเฉิน

แดนวิถีบู๊ของเขา สามารถรับรู้ได้ว่าปราณวิถีบู๊ของหยางเฉินเทียบได้กับแดนเหนือมนุษย์ชั้นสุดยอดขั้นเจ็ดแล้ว และเหมือนจะเกือบถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดแล้วด้วยซ้ำ

แน่นอนว่า เขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด รู้ดีกว่าใครว่ากว่าจะผ่านจากขั้นเจ็ดมาจีนถึงขั้นแปดนั้นยากเพียงใด ไม่มีทางที่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า จะสามารถระเบิดพลังจนเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้

สิ่งที่ทำให้ชายชราผมขาวเป็นกังวลที่สุดก็คือ หยางเฉินเป็นลูกหลานที่มีพรสวรรค์ของตระกูลโบราณชั้นสูง หากเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงต้องฆ่าคนที่นี่ทิ้งทั้งหมด เพื่อที่จะเก็บความลับนี้ไว้

ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาเหลือใครให้รอดชีวิตไว้ แล้วถูกคนของตระกูลโบราณรับรู้เรื่องนี้แล้วล่ะก็ ตระกูลของเขาก็จะต้องพบเจอเรื่องราวใหญ่โตแน่

ชายชราผมขาวพูดอีกครั้ง “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปจากที่นี่ซะ แล้วข้าจะไม่ลืมเรื่องของเจ้าไป”

หยางฉันกัดฟันพูด “ไม่มีทาง !”

“งั้นก็ตายซะ ! ”

ชายชราผมขาวพูดด้วยความโกรธ ร่างกายหายไปจากจุดเดิมทันที

ในเวลานี้ หยางเฉินไม่มีเวลาให้ลังเล เขารวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่หมัดขวา ต่อยสวนออกไปพร้อมกับตะโกน “ตาย !”

“ปั้ง !”

เสียงปะทะกันระหว่างการโจมตีของหยางเฉินและชายชราผมขาว จนเกิดเสียงดังสนั่น ร่างของหยางเฉินกระเด็นถอยออกไปหลายสิบเมตรก่อนจะหยุดลง

ส่วนชายชราผมขาวนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับออกเลยแม้ครึ่งก้าว การโจมตีของหยางเฉินเมื่อสักครู่เทียบได้กับการโจมตีของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดเลยทีเดียว

แม้ว่าเพิ่งจะเข้ามายังแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้ แต่ก็ทำให้ชายชราเกิดความตกใจอย่างรุนแรง

แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดเป็นเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ ไม่มีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดคนใดสามารถข้ามมาจนถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้เลย

และไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็ไม่มีทางที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นต่ำกว่าแปดระเบิดพลังออกมาเทียบเท่ากับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้

แต่หยางเฉินกลับทำได้

“พี่เฉิน !”

เมื่อเห็นหยางเฉินถอยออกไปสิบกว่าก้าว สีหน้าของหม่าชาวก็เปลี่ยนไป เดินเข้าไปดูหยางเฉินด้วยสีด้วยกังวล

หยางเฉินส่ายหัวเล็กน้อย แขนข้างที่ออกหมักยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย การโจมตีเมื่อสักครู่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาแล้ว

แต่ที่เขาผิดหวังก็คือ มันไม่แม้แต่จะทำให้ชายชราผมขาวถอยออกไปได้เลย

เขารู้ดีว่าพลังในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรชายชราผมขาวได้เลย

ชายชราจ้องมองไปยังหยางเฉิน แววตายังคงเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าฟัน และเขายังเข้าใจอีกว่า ในวันนี้เขาต้องสังหารหยางเฉินลงเสีย มิฉะนั้นมันอาจจะนำพาปัญญามากมายมายังตระกูลของเขาได้

หยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดอย่างน่าเหลือเชื่อ จะต้องมีภูมิหลังอยู่แน่

คนแบบนี้ ถ้าไม่ฆ่าให้ตาย ก็ห้ามมีปัญหาต่อกัน

แต่ในเมื่อวันนี้เกิดเรื่องขุ่นข้องหมองใจขึ้น ถ้าอย่างนั้นคงไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก คงจะต้องฆ่าให้ตายเท่านั้น

“ถ้าท่านจะฆ่าข้าก็ขอให้คิดให้ดีๆ แล้วกัน หากข้าตายไป ตระกูลของท่านก็อาจจะพบกับชะตากรรมเดียวกันก็ได้”

“อย่าคิดว่าเมื่อฆ่าทุกคนไปหมดแล้ว จะสามารถปกปิดในสิ่งที่ทำวันนี้ได้”

“ข้าได้ทิ้งหลักฐานไว้ที่นี่แล้ว แค่ข้าตายไป เรื่องของเจ้าก็จะถูกเปิดเผยขึ้น”

หยางเฉินจ้องมองชายชราอย่างอาฆาตแค้น

ในเมื่อเขาสงสัยในหัวนอนปลายเท้าของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องสร้างภูมิหลังของตัวเองให้อีกฝ่ายได้เห็น

ซึ่งจริงๆ แล้ว ชายชราผมขาวก็ต้องการจะสังหารคนทั้งหมดที่นี่อยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้เขาเกิดมีความลังเลเล็กน้อย

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป เกิดความเงียบงันขึ้นรอบ ๆ เวที ผู้คนต่างก็ไม่กล้าหายใจเสียงดัง

ฝ่าบาทที่นั่งอยู่บนลังลังก์ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้แต่มองดูด้วยความเฉยเมย

เฝิงจื้อเอ้าเกิดมีสีหน้าตกใจขึ้น เดิมเขาได้แต่คิดว่าหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าธรรมดา ๆ เท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้เข้าเพียงจะทราบว่า เขามีพลังถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก ยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของหยางเฉินมากนัก

เขายังคิดอยู่เลยว่า หากเป็นเขาที่ต้องไปต่อสู้กับชายชราผมขาว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ไม่ต้องคิดก็คงรู้ได้เลยว่า หากต้องเผชิญหน้ากับชายชราผมขาวจริงๆ ล่ะก็ คงมีแต่ตายเท่านั้น

แต่ทว่า แดนวิถีบู๊ของหยางเฉินที่อยู่ต่ำกว่า กลับยังมีชีวิตอยู่ได้

เฝิงเจียหยีที่ยังอยู่ข้างๆ เฝิงจื้อเอ้าสองมือประสานกันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ากังวล

แม้ว่านางจะไม่รู้จักหยางเฉินมากนัก แต่กับผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกัน นางก็มีความรู้สึกดีด้วยอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ตายอยู่ที่นี่

“เจ้ากำลังขู่ข้างั้นรึ ?”

ชายชราผมขาวมองไปยังหยางเฉินด้วยความอาฆาตแค้น

หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบว่า “ใช่ ข้าขู่ท่านอยู่ !”

“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า ถ้าหากข้าฆ่าพวกเจ้าทุกคนจนหมด ตระกูลของเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือคนฆ่า ?”

ทันใดนั้นชายชราผมขาวพูดขึ้น ไม่ลดละเจตนาฆ่าฟันแต่อย่างใด

จู่ ๆ ใจจิตของหยางเฉินก็สั่นไหว เขาคิดว่าด้วยสถานะของเขาก็อาจจะทำให้เขาหวาดกลัวได้บ้าง แต่มันกลับล้มเหลว

“ใต้เท้า หากท่านจะฆ่ารัชทายาทรุ่นที่สิบเก้าในราชวงศ์เฝิงของข้า ก็เกรงว่าจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเกินไปล่ะมั้ง ?”

ขณะที่ชายชราผมขาวกำลังจะลงมือจัดการกับหยางเฉิน ฝ่าบาทที่เงียบมาโดยตลอดก็ลุกยืนขึ้น

ทันใดนั้นลมปราณวิถีบู๊อันน่าสะพรึงก็แผ่ออกมาจากตัวเขา

นั่นทำให้ชายชราผมขาวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงพลังปราณของฝ่าบาทแล้ว ซึ่งชัดเจนว่าเข้าถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ดังนั้นความหวังที่จะฆ่าทุกคนที่นี่ให้หมด คงจะไม่มีแล้ว

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท