แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 595 โป๊ะแตกกับโกรธ
ศาสตราจารย์หลิวบอกกับอวี๋หมิงหลางว่า ขอแค่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้เพียงพอที่จะเอาชนะความหวาดกลัวที่ไร้ที่มานี้ เสี่ยวเชี่ยนก็จะยินยอมแต่งงานกับเขา
อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าช่วงเวลาขอแต่งงานมาถึงแล้ว
ใช้มือเปล่าจับงูประทับใจฟ้าดิน ถ้าอย่างนั้นเสียวเหม่ยก็ต้องประทับใจอย่างแน่นอน
“ในถุงของพวกคุณใช่งูหรือเปล่า?”
มีเสียงดังมาจากบนเนิน เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางเงยหน้าไปพร้อมกัน บนยอดเนินมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างผอมไม่สูง แต่งตัวคล้ายกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในภูเขา ผิวค่อนข้างคล้ำ
“นายเลี้ยงงูเหรอ?” อวี๋หมิงหลางหน้านิ่ว
“ใช่ครับ บ้านผมเปิดโรงแรมอยู่บนยอดเขา ชุ่ยเอ๋อเป็นสัตว์เลี้ยงของผม มันเป็นงูตัวสีเขียว ถึงจะดูน่ากลัวแต่มันไม่มีพิษนะครับ”
ในใจของอวี๋หมิงหลางมีคำว่า แม่ง ตัวโตๆ เขาทำหน้าตกใจทันทีต่อการถูกตบหน้าที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วรีบใช้ทักษะการแสดงที่มีทั้งหมดชี้ไปที่ถุง
“นายหมายความว่า นี่ไม่ใช่งูเขียวไผ่มีพิษเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอนครับ งูเขียวไผ่หัวเป็นสามเปลี่ยม แต่ชุ่ยเอ๋อของผมหัวมนๆ ไม่มีพิษ”
อวี๋หมิงหลางรีบทำสีหน้าเหมือนเพิ่งเข้าใจ แล้วหันไปทำสีหน้าเหมือนตัวเองเพิ่งรู้กับเสี่ยวเชี่ยนที่กำลังมองเขาด้วยท่าทางสงสัย
“เสียวเหม่ย ดูท่าความรู้ของพี่จะยังมีไม่มากพอ คนเรานี่นะ เรียนได้ยันแก่จริงๆ อย่าเป็นเหมือนผมเมื่อกี้นะ ที่ความรู้แค่หางอึ่งแต่ทำอวดรู้ มองงูไม่มีพิษเป็นมีพิษได้”
รีบพูดดักคอก่อนที่เธอจะแฉ อวี๋หมิงหลางแอบชื่นชมตัวเองเบาๆ
ความประทับใจทั้งหมดที่มีของเสี่ยวเชี่ยนหายไปจนหมดเกลี้ยง พูดเรื่องงูมีพิษไม่มีพิษจนเธอเชื่อสนิท แต่โอกาสที่อวี๋หมิงหลางที่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษที่ฝึกในป่าในภูเขามานานจะผิดพลาดเรื่องพวกนี้ก็คงต่ำพอๆกับการที่จิตแพทย์อย่างเธอจะสับสนเรื่องง่ายๆอย่างโรควิตกกังวลกับโรคซึมเศร้า
ในบรรดาวิชาที่พวกเขาต้องเรียนมีวิชาการจำแนกสัตว์มีพิษในป่า ความผิดระดับต่ำแบบนี้อวี๋หมิงหลางไม่มีทางพลาดแน่นอน
ดังนั้นคนบางคนที่เมื่อครู่กำลังรอเธอพยักหน้าเรื่องแต่งงาน ตอนนี้เริ่มที่จะใช้เทคนิคการแสดงหลอกให้เธอสงสาร
อวี๋หมิงหลางไม่กล้ามองเธอ เพราะต่อให้ไม่มองก็สัมผัสได้ถึงความโกรธที่แผ่ซ่านออกมา แย่แล้วๆ อุตส่าห์จะแสดงออกว่าเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ เพื่อได้รับความไว้วางใจจากเธอ ช่วยเธอกำจัดความหวาดกลัวเรื่องแต่งงานแล้วรับปากจะเป็นเจ้าสาวให้เขา ทุกอย่างพังหมดแล้ว
อวี๋หมิงหลางเอาความโกรธไปลงกับเด็กหนุ่มที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวนี้
“ทำไมนายถึงได้เลี้ยงงูเล่า อีกอย่างภูเขาออกจะใหญ่ ทำไมปล่อยงูแล้วถึงรู้ว่าจะต้องมาตามหาตรงนี้?”
เด็กหนุ่มร่างผอมเห็นอวี๋หมิงหลางตะคอกก็กลัวจนหัวหด ตอบกลับแบบกลัวๆ
“ผมนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ที่ลำธารข้างหน้า ผมวางชุ่ยเอ๋อไว้ในตะกร้า ปกติก็เป็นอย่างนั้น แต่วันนี้ไม่รู้มันเป็นอะไรเลื้อยออกจากตะกร้า ผมได้ยินเสียงจากทางนี้ก็เลยวิ่งมาดู ตรงนี้ก็ห่างจากลำธารไม่ไกลเท่าไรด้วยครับ…”
นั่นก็เพราะเมื่อกี้อวี๋หมิงหลางต้องการได้รับความไว้วางใจจากเสียวเหม่ย ก่อนจับงูได้ตะโกนประโยคที่แสนประทับใจออกมา นั่นก็คือถ้าชาติหน้ามีจริงจะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่า
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงก็เลยวิ่งหามาตามทาง พอเห็นอวี๋หมิงหลางถือถุงที่มีบางสิ่งขยับอยู่ข้างในเขาก็ต้องถามสิ
ประสบความสำเร็จในการแฉคนหน้าด้านบางคน
อวี๋หมิงหลางโยนถุงให้เด็กหนุ่มคนนั้นพร้อมสายตาจ้องแบบจะกินหัว เด็กหนุ่มห่อไหล่ด้วยความกลัวที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ในใจมีคำว่า เหอๆ ตัวโตๆ
อวี๋หมิงหลางไอ้คนหน้าด้าน ได้เห็นธาตุแท้ของคนอย่างนายอีกแล้ว
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ยังจะให้ฉันแต่งงานด้วยอีกไหม?” เสี่ยวเชี่ยนถามอย่างเย็นชา
อวี๋หมิงหลางยิ้มแหยๆพลางพยักหน้า “แน่นอน…”
“ได้ ชาติหน้าฉันจะแต่งกับนาย”
อวี๋หมิงหลางยังไม่ทันจะได้ดีใจก็ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดต่อ
“แต่ชาตินี้อย่าหวัง” ทุเรศที่สุด นี่เขากล้าหลอกเธอ
มองเวลา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะลงเขาแล้ว วันนี้ยังไงเธอก็ต้องค้างบนเขา แต่อย่าคิดว่าเธอจะให้อภัยอวี๋หมิงหลาง
ไม่มีทาง
ความรู้สึกที่ถูกว่าที่ภรรยาจับผิดแผนชั่วร้ายเล็กๆได้น่าอายยิ่งกว่าแอบชักว่าวแล้วแม่มาเห็น ปัญหาก็คือเขาไม่เคยถูกแม่จับได้ตอนชักว่าว แต่กลับถูกแฉต่อหน้าคู่หมั้น
สายตาเอาเรื่องของเสี่ยวเชี่ยนที่มองมาเพียงพอที่จะทำให้สภาพอากาศหนาวเย็นในทันที จากสายตาของเธอนั้นเขาเหมือนเห็นสมุดทะเบียนสมรสเล่มสีแดงที่เฝ้ารอมานานมีปีกงอกออกแล้วบินหนีไป
บินไปพร้อมกับส่งเสียงด่าเขา ไอ้โง่ ไอ้โง่
จากการนำทางของเด็กหนุ่มเจ้าของงู เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็ไปถึงจุดหมายปลายทาง
เด็กหนุ่มบอกว่าบ้านเขาเปิดโรงแรมอยู่บนยอดเขา เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าเขาจะเป็นลูกชายเจ้าของบ้านพักอันโด่งดังที่อวี๋หมิงหลางพูดถึง
พวกเธอยืนอยู่หน้าประตูรั้วเก่าๆมองป้ายที่ห้อยแบบจะตกแหล่มิตกแหล่ สภาพป้ายดูผ่านลมผ่านฝนมานับไม่ถ้วน อักษรเลือนลาง สีก็ซีดเซียว
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก หันหน้าไปถลึงตาใส่อวี๋หมิงหลาง
ตอนนี้อยู่ในช่วงสงครามเย็นไม่พูดกับเขา แต่สายตาเธอได้บรรยายความรู้สึกทั้งหมด นี่น่ะเหรอรีสอร์ทบ้านๆอันโด่งดัง?
เธอเหนื่อยมาหลายชั่วโมง เดินจนขาแทบหัก เพื่อมาที่แบบนี้?
ในบันทึกการหาเรื่องตายของเขาต้องเพิ่มไปอีกบรรทัดหนึ่งแล้ว
อวี๋หมิงหลางเองก็ไม่คิดว่ารีสอร์ทสไตล์บ้านๆอันโด่งดังจะมีสภาพใกล้เจ๊งแบบนี้ ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนบอกเขาเองว่าที่นี่ดังสุดในย่านนี้แล้ว
ป้ายถอดสี อักษรที่เขียนว่า รีสอร์ทจือหมิง[1] บนนั้นเลือนรางยากจะอ่านได้ มันก็ดังจริงๆนี่หว่า
อวี๋หมิงหลางตะโกน โว้ย ในใจนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกเหมือนสมุดแดงนั่นกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ‘ฉันจะบินให้สู้ง~’ มันออกห่างจากเขาไปมากกว่าเดิมแล้ว
ศาสตราจารย์หลิว ปกติเห็นเป็นอาจารย์จริงจังกับงานวิจัย นึกไม่ถึงว่าจะมีนิสัยแกล้งคนแบบนี้ นี่คิดจะให้เขาเป็นโสดไปตลอดชีวิตขอสาวแต่งงานไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
“ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนแนะนำที่นี่…” คำอธิบายของอวี๋หมิงหลางไม่ได้รับการยอมรับจากเสี่ยวเชี่ยน แต่กลับทำให้เธอโกรธยิ่งกว่าเดิม
“อย่าคิดจะป้ายความผิดให้อาจารย์นะ นายคิดจะแกล้งทำเป็นที่นี่กำแพงถล่ม บ้านพัง เพื่อเรียกความสงสารจากฉันอีกหรือเปล่า?”
เปล่านะ อวี๋หมิงหลางตะโกนในใจ แต่กลับไม่พูด
หลังจากโป๊ะแตกเรื่องจับงู ตอนนี้เขาก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนขึ้นบัญชีดำไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีทางเชื่อ
เสี่ยวเชี่ยนพอนึกถึงเมื่อกี้ที่ตัวเองหลั่งน้ำตาเป็นห่วงไอ้คนบ้านี่ อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกประทับใจ ไฟโกรธก็ลุกโชนขึ้นในใจ
นี่ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าลูกชายเจ้าของนะ เสี่ยวเชี่ยนอยากจะเอาปลายร่มส่วนแหลมๆ…ทำอย่างนั้นแล้ว
ความโกรธนี้ยากจะเลือนหาย มันต้องแทงน้องชายให้สิ้นซาก
ครั้งนี้อวี๋หมิงหลางถูกความฉลาดเล่นงานเข้าแล้ว เขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนโมโห เธอคิดว่าต้องจัดการไอ้คนบ้านี่ให้สาสม อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องในครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ
เด็กหนุ่มลูกเจ้าของที่พักผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวได้อธิบายเพิ่ม ซึ่งทำให้เสี่ยวเชี่ยนเกือบจะบ้าตาย
[1] จือหมิง ในภาษาจีนแปลว่า ดัง