The king of War – บทที่ 1682 ผูกสัมพันธ์ที่ดีกันไว้

บทที่ 1682 ผูกสัมพันธ์ที่ดีกันไว้

เห็นคนที่เดินเข้ามา สีหน้าหยางเฉินขรึมลงทันที ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง
พลังฝีมือบูโดของตัวเขาเองนั้นถึงจะมีการทะลวงทะลุขันไปแล้ว แต่ยังไงก็เพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอด จะเอาชนะแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางนั้น น่ากลัวจะยากเอามาก
หยางเฉินพูดอย่างเหยียดหยาม “ดูพลังฝีมือของท่านไม่ใช่ธรรมดา น่าจะไม่ใช่พวกไร้ชื่อเสียง แต่กับเพียงแค่เงินหนึ่งพันล้านกระจอกกระจอกนี่ ก็จะฆ่าข้างั้นเลยหรือ?”
ฝ่ายตรงข้ามพูดเสียงเย็นชาว่า “ข้าชื่อมู่ฮว๋า และเจ้าควรจะรู้ดี ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเป็นแน่ ข้าก็ขอเตือนเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี แล้วให้พวกเรานำคุณส่งไปที่จวนเมืองหวยเฉิง”
หยางเฉิงค่อย ๆ หยีตาทั้งสองข้างลง “พูดมาแบบนี้ คุณก็คือคิดไม่ปล่อยข้าเป็นแน่แล้ว?”
กระแสการฆ่าที่บ้าคลั่ง แผ่กระจายออกจากตัวของเขา
ในตอนที่เขายังอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นกลางนั้น ระเบิดทั้งหมดออกมา ก็จะมีพลังทำศึกกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นได้ เวลานี้ได้ทะลวงทะลุแดนบูโดขึ้นไปอีกสองชั้น ไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอดแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางนี้ได้หรือไม่
ตัวเขาในขณะนี้ ทั้งตัวฮึกเหิมพร้อมรบ
ทางอีกด้านหนึ่ง เหล่าจิ่วได้ลงมือปะทะกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายนั้นแล้ว เหล่าจิ่วอยู่ในสภาพร่างกายที่บาดเจ็บอยู่ ส่วนฝ่ายตรงข้ามแม้ระดับพลังบูโดจะเทียบไม่ถึงขั้นเหล่าจิ่ว แต่พลังฝีมือการต่อสู้เก่งกาจมาก เหล่าจิ่วจึงตกอยู่ในสภาพถูกกดดัน
ส่วนมาทางด้านหยางเฉิน นอกจากตัวหัวโจกผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางคนนี้แล้ว ยังมีผู้แข็งแกร่งอีกยี่สิบกว่าคน ถึงแม้พลังฝีมือจะไม่ได้ถึงขนาดมู่ฮว๋า แต่ก็จะไปมองข้ามไม่ได้เหมือนกัน
ถ้าเกิดพวกผู้แข็งแกร่งพวกนี้เล่นรุมกัน เขาก็ไม่เห็นจะมีทางชนะได้เลยแม้แต่น้อย
“ไอัหนู มาสู้กัน!”
มู่ฮว๋ากระทืบเท้าลงพื้นอย่างแรง พื้นรอบบริเวณเท้าของเขาแตกร้าวออกไป วินาทีต่อนั้น ตัวของเขาอาศัยแรงส่งจากการกระทืบอย่างแรงมากนั้นพุ่งเข้าใส่หยางเฉิน
หยางเฉินไม่กล้าประมาท ขยับขา พาร่างพุ่งตรงออกไป
“ปึง!”
ในพริบตาต่อมา ร่างทั้งสองปะทะใส่กัน พลังอานุภาพอันบ้าคลั่ง กวาดกระจายออกไปรอบด้าน
มู่ฮว๋าเซถอยไปเจ็ดแปดก้าว ส่วนหยางเฉินกลับถอยไปเพียงสามก้าว หนึ่งการปะทะ ใครเหนือใครเห็นได้
ผลของการปะทะในครั้งนี้ ทำให้หยางเฉินรู้สึกอัศจรรย์ใจ เขาสามารถใช้ร่างกายกระแทกจนมู่ฮว๋าเซถอยไปถึงเจ็ดแปดก้าว นั่นคงบ่งชี้ได้แต่ว่า ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขา ได้ก้าวเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางแล้ว
การกระแทกกันเมื่อครู่นี้ เขาเพียงใช้พลังเดิมที่มีอยู่ ตอนกระแทกกับมู่ฮว๋า ก็ไม่ได้กระตุ้นสายเลือดคลั่งออกมา และก็ไม่ได้เดินพลังปราณตำราเทพสงคราม
มู่ฮว๋าถูกหยางเฉินกระแทกเซถอยออกไปแล้ว สีหน้าเพิ่มความเครียดขึ้นมา ขณะมองไปที่หยางเฉิน แววตาก็ไม่ส่อถึงการดูหมิ่นแล้ว
ฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้ร่างกายกระแทกเขเซถอยได้ ก็ได้ตอบโจทก์ให้ชัดเจนแล้ว
“ไม่ยอมรับไม่ได้ พลังของคุณสูงมาก อายุเพียงเท่านี้ ก็มีสรีระที่แข็งแกร่งเทียบกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางได้ คุณนี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
มู่ฮว๋าพูด ในสายตาส่อให้เห็นแววในความเกรงกลัวอยู่หน่อย ๆ
ไม่ใช่จะเกรงกลัวในตัวหยางเฉิน แต่เกรงกลัวในอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังหยางเฉิน เขาจึงเอ่ยถามว่า “คุณเป็นใครกันแน่?”
หยางเฉินย่อมเข้าใจในความหมายของฝ่ายตรงข้ามดี เขาหรี่ตามองจ้องมู่ฮว๋า “ข้าจะเป็นใคร ท่านไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ ท่านเพียงรู้ไว้ว่า ในเมืองหวยเฉิงเจ้าเมืองหวยเฉิงคิดจะสังหารข้า แต่ก็ไม่มีปัญญาฆ่าข้าได้ ตัวข้ากลับหนีรอดออกจากจวนเมืองหวยเฉิงมาได้”
“พลังฝีมือของท่านไม่ธรรมดา ถ้าหากข้าทายไม่ผิด พวกท่านทั้งหมดนี้ คงจะมาจากสายตระกูลเดียวกันมัง?”
“ข้ากับท่านก็ไม่ได้มีความแค้นขนาดต้องเอาเป็นเอาตายกัน ข้าคิดว่า ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรจำเป็นต้องมาห้ำหั่นเอาชีวิตถึงตายกัน หากท่านยอมปล่อยข้าออกไปจากที่นี่ ถือว่าข้าติดหนี้น้ำใจท่านเรื่องหนึ่ง วันหลังหากมีอะไรที่ให้ข้ารับใช้ได้ ข้ากูจะสนองให้อย่างไม่ให้พวกท่านต้องผิดหวัง”
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามกริ่งเกรงในฐานะที่ไม่แจ้งชัดของตัวเรา หยางเฉินก็ย่อมต้องใช้ประโยชน์จากฐานะที่ไม่แจ้งชัดอันนี้ให้ดี
มู่ฮว๋าเกิดความรู้สึกในการลังเลแสดงออกมาให้เห็นในทันที ก็เป็นดั่งหยางเฉินว่า หยางเฉินกับพวกเขาไม่เคยได้มีความแค้นเคืองถึงขนาดเอาเป็นเอาตายต่อกัน ไม่เห็นมีความจำเป็นใดเลยที่ต้องมาประหัตประหารกัน
“ปึง!”
ในขณะนั้นเอง เหล่าจิ่วกับติงชางติงชางกระแทกใส่กัน ต่างคนต่างกระเด็นถอยออกจากกัน
มู่ฮว๋ามองไปที่หยางเฉินอย่างลึก ๆ ขยับขา ตัวก็ไปปรากฏอยู่ข้าง ๆ ติงชางติงชาง พูดเสียงทุ้มลึก “ไอ้หมอนี่มีที่มาไม่ธรรมดา ข้าคิดว่า พวกเราไม่ได้มีความจำเป็นต้องหวังเงินแค่ร้อยล้าน จนถึงกับต้องสู้กันอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับฝ่ายตรงข้าม”
ติงชางติงชางขมวดคิ้วย่น หรี่ตามองไปที่หยางเฉิน แววตาสาดทอประกายแหลมคมออกมาสายหนึ่ง พูดเสียงเยือก “เจ้าหนู ถ้าจ้ามีที่มาที่ไปยังไง บอกให้ข้ารู้ชัดหน่อย ข้าก็จะได้ใช้พิจารณาปล่อยเจ้าไปสักคราว”
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามกริ่งเกรงในฐานะที่ไม่แจ้งชัดของตัวเรา หยางเฉินก็ย่อมต้องใช้ประโยชน์จากฐานะที่ไม่แจ้งชัดอันนี้ให้ดี
หยางเฉินยิ้มเยือก “ยังไง?ถ้าข้าบอกถึงอิทธิพลที่หนุนหลังข้าให้เจ้ารู้ ถ้าเหนือกว่าพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะปล่อยพวกข้าไป ถ้าเทียบไม่ได้กับพวกเจ้า ก็จะฆ่าล้างกันให้หมด เอาชีวิตพวกข้าไปแลกกับเงินร้อยล้านจากเจ้าเมืองหวยเฉินงั้นหรือ?”
ติงชางติงชางจ้องหยางเฉินด้วยสายตากวน ๆ “แล้วทำไม เจ้าไม่ยอมหรือไง?”
หยางเฉินส่ายหน้า “ข้าจะเป็นใคร เจ้าไม่มีศักดิ์ศรีพอจะรับรู้ แต่ข้ารู้เพียงว่า ถ้าพวกแกยืนยันจะต่อสู้กัน ข้ายินดีเล่นด้วยเต็มที่ และที่ข้าจะต้องขอบอกเจ้าได้ก็คือ ให้ดีแล้วพวกเจ้าต้องฆ่าข้าให้ตายนะ ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ ข้ารับรองได้ว่าจะไม่มีทางปล่อยพวกเจ้า”
“โปรดอย่าได้มองข้ามข้าให้มาก ข้าในวัยเพียงไม่ถึงสามสิบ พลังฝีมือบูโดไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอด ก็เป็นที่ยืนยันได้ว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของข้านั้นไม่เลว มีเวลาให้ข้าอีก ข้าก็จะยิ่งเก่งกาจขึ้นไปอีก”
“เวลานี้ เจ้ามีทางเลือกอยู่สองทาง ไม่คือปล่อยพวกข้าไป ผูกสัมพันธ์พวกเรากันไว้ วันหลังโอกาสครั้งหน้า ข้าจะชดเชยให้สำหรับบุญคุณในวันนี้ หรือไม่ก็พวกเรามาสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ว่า พวกเจ้าแน่ใจหรือ ที่จะเอาข้าอยู่ที่นี่ได้?”
เสียงพูดจบลง พลังบูโดที่น่าสะพรึงกลัวกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากตัวของหยางเฉิน
สายเลือดคลั่งถูกเขากระตุ้นฟื้นตื่นขึ้นมา!
กระบวนการตามตำราเทพสงครามป่วนปั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน
ไม่เพียงเท่านั้น ในมือหยางเฉิน ยังปรากฏมีมีดสั้นส่องแสงวาบหวิว ตอนที่เขาหยิบมีดพกนี้ออกมา กระแสพลังระห่ำบ้ายิ่งโหมหนัก กระจายแผ่ออกมาจากตัวเขาออกคละคลุ้งไปทั่ว
ในนาทีนั้น ทุกคนที่อยู่ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปกันหมด
ถึงแม้ตัวติงชางติงชางเอง แววตาก็ส่อแสดงออกถึงความกริ่งเกรง ตาทั้งสองจ้องเขม็งที่หยางเฉิน
เขาได้สัมผัสถึงกระแสกดดันอย่างใหญ่หลวง จากตัวของหยางเฉิน ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
สีหน้าของมู่ฮว๋า ก็เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างหนัก เมื่อสักครู่เพียงแค่ตัวของหยางเฉิน ยังกระแทกเขาเซไปถึงเจ็ดแปดก้าว เดิมก็คิดว่า นั่นคงเป็นที่สุดของความแข็งแกร่งของหยางเฉินแล้ว มาถึงขณะนี้ เขาถึงได้เข้ารู้ถึงที่ชัดเจน เจ้าหนุ่มคนที่อยู่ข้างหน้านี้ มันน่ากลัวจริง ๆ
แค่เพียงอานุภาพพลังที่หยางเฉินปล่อยออกมา น่าจะระเบิดให้เห็นถึงพลังที่เทียบได้ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายแล้ว
ข้อสำคัญอยู่ที่ หยางเฉินยังอายุอ่อนมาก เพียงยังไม่ถึงสามสิบปี
บุคลากรประเภทเหมือนภูตผีแบบนี้ ถึงในบ้านตระกูลบู๊โบราณ ก็หาได้น้อยมาก
เหล่าจิ่วก็ได้ถอยมายืนข้าง ๆ หยางเฉิน พูดเสียงเยือก “ตามที่ข้าดูแล้ว ทุกท่านก็ไม่ใช่ผู้แกร่งกล้าของจวนเมืองหวยเฉิง ที่จะมาดักสังหารพวกข้าที่นี่ คงจะเพราะอยากได้เงิน”
เสียงพูดจบ ในมือเหล่าจิ่วปรากฎมีบัตรธนาคารขึ้นมาใบหนึ่ง เขาสะบัดมือออกไป ส่งตรงไปถึงข้างหน้าติงชางติงชาง
เหล่าจิ่วพูดขึ้นว่า “ในการ์ดนี้มีเงินอยู่หนึ่งหมื่นล้าน คิดเสียว่าให้พวกพี่น้องใช้เป็นค่าเสียเวลามาเข้าฉาก พวกเราต่างก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ก็ปล่อยพวกเราจากไป ตกลงไหม?”

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท