แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 617 สำเร็จกับหดหู่
จากสถานการณ์ในตอนนี้ก็มีแค่เสี่ยวเชี่ยนกับเลี่ยวฟู่กุ้ยที่ยังยิ้มได้
ผู้บริหารใหญ่หน้าบึ้งอย่างหนัก
คนอื่นๆพากันปาดเหงื่อแทนเสี่ยวเชี่ยนกับเลี่ยวฟู่กุ้ย ทั้งสองคนไม่ไว้หน้าผู้บริหารเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนแก้ปัญหาได้แล้ว อีกหน่อยถ้าผู้บริหารหาข้ออ้างมาเล่นงานเลี่ยวฟู่กุ้ยล่ะจะทำไง? ยิ่งถ้าแก้ปัญหาไม่ได้แบบนั้นยิ่งมีเหตุผลจัดการกับเลี่ยวฟู่กุ้ย
เลี่ยวฟู่กุ้ยเป็นผู้ชายซื่อๆที่ตรงไปตรงมา เพิ่งจบออกมาได้ไม่นาน ยังไม่รู้วิธีการอยู่รอดในสังคมทำงานเท่าไร เขาคิดว่าตัวเองมีเหตุผลอยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องกลัว เขาไม่ได้คิดเรื่องผู้บริหารจะแก้แค้นเลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวเชี่ยนไม่เหมือนกับเขา เธอคิดไว้แล้วเรื่องที่ผู้บริหารอาจจะแก้แค้นเพราะเรื่องนี้ ไม่ว่าเธอจะทำสำเร็จหรือไม่ยังไงพี่ชายเธอก็ต้องโดน แต่เธอไม่กลัวหรอก
อยากจะแก้แค้นเลี่ยวฟู่กุ้ยก็ช่วยดูภูมิหลังของเขาด้วย รวมถึงภูมิหลังของเธอ เธอมั่นใจมากว่าหลังจากที่เธอเข้าไปแล้วตาแก่คนนี้จะต้องรีบสั่งคนไปเช็คประวัติเธอกับเลี่ยวฟู่กุ้ยแน่นอน
ถึงตอนนั้นก็จะพบว่าคนหนึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าศาล ส่วนอีกคนเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลอวี๋อันเก่าแก่ ถ้าอยากจะเล่นด้วยก็ต้องกล้าพอตัว
ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงไม่กลัวเลยสักนิด แรงมาแรงกลับ หลังจากที่ยั่วโมโหแล้วเธอยังหันไปพูดด้วย
“ฉันเห็นคุณหน้าแดงๆ ลมหายใจก็ถี่เร็ว รอยยิ้มดูแข็งๆ ฉันขอแนะนำในฐานะจิตแพทย์นะคะ คนอื่นโกรธคุณอย่าโกรธ โกรธจนเป็นโรคจิตเวชขึ้นมาก็ต้องมาหาพวกเราอีก อย่าเห็นว่าครั้งนี้ฉันมาทำโดยไม่คิดเงิน นั่นก็เพราะฉันเห็นแก่หน้าเลี่ยวหยุนฉาง คุณไม่ได้มีเกียรติขนาดนั้น ถ้าคุณมาให้ฉันรักษา สลึงเดียวฉันก็ไม่ลดให้”
พูดจบก็เดินเข้าห้อง ผู้บริหารใหญ่หันไปกัดฟันพูดกับเลขา
“ไปสืบ!”
เลขาออกไปโทรศัพท์สักพักก็กลับมา
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้ได้เข้าไปในห้องเพื่อใช้วิธีพิเศษในแบบของเธอปลุกบุคลิกที่สองของผู้ป่วย ทุกคนต่างรุมล้อมดูสถานการณ์ภายในผ่านกล้องวงจรปิด เลขากระซิบข้างหูผู้บริหารระดับสูง
“สืบมาแล้วครับ เธอเป็นนักศึกษาจิตวิทยาคลินิกของมหาวิทยาลัยBD มีใบอนุญาตของนักจิตวิทยาระดับสามครับ—”
“คนที่ผ่านแค่ระดับสามยังกล้าข่มฉันเลยเรอะ?!” ผู้บริหารใหญ่คิดหาวิธีแก้แค้นได้เป็นร้อยวิธีแล้ว
“เธอยังมีสถานะเป็นลูกสะใภ้คนที่สี่ของตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลอวี๋ด้วยครับ”
“ตระกูลอวี๋ไหน คงไม่ใช่ที่ฉันคิดหรอกนะ?”
“น่าเสียดายที่ใช่ครับ…”
“…!!!” มิน่าล่ะถึงได้ดูกล้าเสียขนาดนั้น
ในใจของผู้บริหารใหญ่มีแต่คำว่า แย่แล้ว
ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้างเสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ เธอหิ้วงูตัวนั้นเข้าไปในห้องสอบสวน แสงไฟในห้องถูกปรับให้มืดตามต้องการของเธอ นั่นก็เพราะกลัวจือหมิงจะรู้ว่านี่เป็นงูปลอม
จือหมิงถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เอาหน้าซุกกับมือ ตรงหัวใส่อุปกรณ์ที่ทำจากโลหะครอบไว้ ซึ่งก็คืออุปกรณ์ตรวจเช็คคลื่นสมองที่เสี่ยวเชี่ยนบอก
“จือหมิงจำฉันได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนพูดขึ้น
จือหมิงได้เข้าสู่ความหวาดกลัวขั้นสุดแล้ว คนพวกนี้สอบสวนเขาไม่หยุด เขากลัวมาก…
ทันใดนั้นพอได้ยินเสียงคุ้นเคยเขาก็เงยหน้าขึ้นมา เขาจำได้ทันทีว่านี่เป็นผู้หญิงที่เคยมาพักบ้านเขา
“พี่! พาผมออกไปหน่อย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมพวกเขาต้องจับผมด้วย…” จือหมิงร้องไห้พลางอ้อนวอน
เสี่ยวเชี่ยนเห็นท่าทางน่าสงสารของเขาแล้วก็พยายามข่มใจ
สำหรับคนไข้อย่างจือหมิงแล้ว เพื่อตัวเขา เพื่อเหยื่อที่ถูกทำร้าย เธอจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ควรทำ
“ยังจำนี่ได้หรือเปล่า?” เสี่ยวเชี่ยนยกของที่อยู่ในมือขึ้นมา เธอเลียนแบบท่าทางของจือหมิงเวลาจับงู ใช้มือจับตรงหัว ขยับมือเล็กน้อยงูก็เคลื่อนไหวคล้ายของจริง
ภายในห้องค่อนข้างมืด อีกทั้งจือหมิงก็ร้องไห้มานานสายตาจึงพร่ามัว เขาหรี่ตามองก็เห็นว่าเป็นงู
“ชุ่ยเอ๋อ…?”
“ใช่จ้ะ”
“ชุ่ยเอ๋อตายแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ ตอนนั้นชุ่ยเอ๋อไม่ได้ตาย ตอนนี้สิชุ่ยเอ๋อกำลังจะตาย—ดูดีๆนะ!” ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็พูดเสียงดัง ท่าทางดูโหดร้าย การที่เธอขึ้นเสียงก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่อ่อนแอขี้ขลาดอย่างจือหมิง การขึ้นเสียงจะทำให้สมองของเขาเข้าสู่ภาวะสะกดจิตได้ภายในไม่กี่วินาที จากนั้นก็จะคล้อยตามการกระทำของเสี่ยวเชี่ยน
ตามคาด จือหมิงจ้องเสี่ยวเชี่ยน ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ยกมือซ้ายขึ้น ถือมีดเล็กไว้ในมือ จากนั้นก็ปาดคองูที่อยู่ในมือขวาอย่างรวดเร็ว!
หัวงูถูกเธอปาดได้สำเร็จ
“อ๊าก!!!” จือหมิงสติแตก! เขาเอามือกุมหัวแล้วร้องอย่างทรมาน
“เงยหน้าขึ้นมาจือหมิงคนต่ำต้อย ลืมตาดูให้ดีๆ ชุ่ยเอ๋อของนายทำไมถึงได้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะนายนั่นแหละที่เป็นคนทำมันตาย นายไม่มีความสามารถปกป้องมันได้ รีบเรียกพี่ชายนายออกมาสิ รีบให้เขามาจัดการฉันที่ทำชุ่ยเอ๋อตาย!”
เสี่ยวเชี่ยนพูดจากดดันทีละขั้น เธอฉวยโอกาสตอนที่จือหมิงเอามือกุมหัวรีบหยิบเลือดไก่ขวดเล็กออกมาทาบนตัวงูปลอม แล้วเอาไปแกว่งข้างหน้าจือหมิง “เร็วสิ เรียกพี่ชายออกมา!”
เลือดกระเด็นไปโดนใบหน้าจือหมิง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็แดงกล่ำ มือที่ถูกใส่กุญแจไว้สั่นเทา ท่าทางแบบนี้เหมือนกับตอนที่อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนเห็นบนเขา
ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญที่ดูผ่านกล้องรวมถึงผู้บริหารระดับสูงที่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นใครแล้วต่างแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย
“วิธีของเธอ…มันสุดโต่งเกินไปหรือเปล่า?” มีคนหนึ่งทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
ผู้บริหารใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคนๆนี้เป็นหมื่นครั้ง แต่กลับไม่กล้าพูด
ลูกสะใภ้ของพลตรีอวี๋…
เขาถึงขนาดเริ่มคิดว่า ถ้าเสี่ยวเชี่ยนทำไม่สำเร็จเขาควรจะหาทางลงให้เสี่ยวเชี่ยนยังไงดี เพราะการหาทางลงให้เสี่ยวเชี่ยนก็เท่ากับหาทางลงให้พลตรีอวี๋…
“ดูนี่เร็ว! คลื่นสมองเปลี่ยน! เปลี่ยนแล้วๆ!” คนที่จ้องหน้าจอคลื่นสมองอยู่ตลอดตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น
คลื่นสมองของจือหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลแตกต่างจากเมื่อครู่ ทุกคนมองไปในห้องแทบหยุดหายใจ
เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนพูดไม่ผิดจริงๆ คลื่นสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง!
เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนอยู่ห่างจากจือหมิงแค่ก้าวเดียว เธอเห็นจือหมิงตะโกนเสร็จก็ก้มหน้าไม่ขยับเขยื้อน ขณะที่กำลังสงสัยว่ายังกระตุ้นไม่พอ ต้องเพิ่มความรุนแรงอีกหรือไม่นั้น อยู่ๆจือหมิงก็ลืมตาขึ้น สายตาอันน่ากลัวของเขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
นี่ไม่ใช่สายตาของมนุษย์
เป็นความโกรธแค้นที่เจือไปด้วยรังสีอำมหิตที่ยากจะปิดบัง
“นังผู้หญิงชั้นต่ำ อยากเจอฉันนักเหรอ? หึๆๆๆ” น้ำเสียงไม่เหมือนจือหมิง คล้ายกับดัดเสียง เสียงเข้มน่ากลัว ให้ความรู้สึกโหดร้ายเหมือนยามปีศาจจะมาเยือน
“แกเป็นใคร?” เสี่ยวเชี่ยนยังควบคุมสติได้ เธอถามออกไปอย่างใจเย็น
“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ? หึหึ ฉันก็คือจือฮูที่พวกแกอยากเจอนักหนาไงล่ะ นังผู้หญิงชั้นต่ำ แกทำร้ายจิตใจน้องชายฉัน ฉันจะฆ่าแก!” ทันใดนั้นหวางจือหมิงก็พุ่งเข้าไป สีหน้าท่าทางของเขาในเวลานี้ไม่เหมือนกับคนขี้ขลาดอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย เขายกมือที่สวมกุญแจมืออยู่ขึ้น แล้วพุ่งจะเข้าไปทำร้ายเสี่ยวเชี่ยน!
คนที่อยู่ข้างนอกเห็นว่าไม่ชอบมาพากลจึงรีบเข้าไป คนที่เรียกตัวเองว่าจือฮูนี้ไม่มีอาวุธอีกทั้งยังถูกใส่กุญแจมือ แต่เขากลับอ้าปากเตรียมจะกัดเสี่ยวเชี่ยน!