The king of War – บทที่ 1830 จุดสูงสุดของกระบี่ไม้

บทที่ 1830 จุดสูงสุดของกระบี่ไม้

บทที่ 1830 จุดสูงสุดของกระบี่ไม้
หยางเฉินกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการบรรลุ แต่ในเวลาสำคัญแบบนี้กลับมีแขกผู้ไม่ได้รับเชิญมาเยือนคนหนึ่ง
ทันใดนั้น รังสีวิถีบู๊ในตัวเขาก็เสียสมดุลทันที
“แกไม่ต้องห่วง คนนี้ไม่ใช่คนที่ไร้ยางอาย ถึงฉันจะมาเพื่อฆ่าแก แต่ฉันจะยังไม่ฆ่าตอนนี้ รอแกบรรลุก่อนฉันค่อยฆ่าแก” 
เหมือนไป๋หลี่จิงหวินจะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงลมปราณที่อยู่ในตัวหยางเฉิน จึงได้พูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
พูดจบ เขาก็ไม่ได้ลงมือจริงๆ แต่กลับเดินไปข้างๆ นั่งขัดสมาธิ แล้วเริ่มฝึกตน
โลกนี้มันกว้างใหญ่ คนแบบไหนก็มีทั้งนั้น ในหลายๆ ครั้ง คนเราก็ไม่ได้แบ่งแยกดีชั่ว แค่จุดที่ยืนมันต่างกันเท่านั้น
คำพูดของไป๋หลี่จิงหวินทำให้หยางเฉินที่ตั้งใจจะล้มเลิกการบรรลุได้เบาใจลงมาก และทำการบรรลุต่อ
ท้องฟ้าเหนือยอดเมฆา ปรากฏการณ์ประหลาดยังคงเดิม ภาพนี้ก็ทำให้ทั่วทั้งเยี่ยนตูตกอยู่ในความตะลึง
เยี่ยนตู ในวิลล่าที่เลิศหรูแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่เหน็บดาบทาจิไว้ที่เอว สีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุดตาคู่นั้นของเขา จ้องมองไปทางยอดเมฆา
“คนจิ่วโจว ไม่คู่ควรที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ประหลาดขนาดนี้ มีเพียงบุคคลแห่งวิถีบู๊ชาวซันเท่านั้นที่คู่ควร! ไม่ว่าเป็นใคร ฉันก็ต้องฆ่าแก!” 
พูดจบ ชายวัยกลางคนก็มุ่งตรงไปยังยอดเมฆา
ชายวัยกลางคนคนนี้มีชื่อว่าโยชิดะ โช เป็นรองหัวหน้าสมาคมบูโดแห่งประเทศซัน และเป็นนักสู้จากตระกูลบูโดที่อยู่เบื้องหลังโยชิดะแชโบลส่งมาเพื่อประลองกับนักสู้ของจิ่วโจวในครั้งนี้โดยเฉพาะ
นี่สิบนาทีหลังจากนั้น บนยอดเมฆา ภายในห้อง ไป๋หลี่จิงหวินที่กำลังฝึกตนอยู่ก็ได้หยุดฝึกอย่างกะทันหันลืมตาทั้งสองข้าง แสดงแววตาที่เฉียบคมออกมา
เขาหันมองหยางเฉินที่กำลังฝึกตน ขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ดูท่า การฝึกตนของแกที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น จนทำให้บางคนอยู่ไม่สุขแล้ว เลยอยากที่จะฆ่าแก” 
พูดจบ ไป๋หลี่จิงหวินก็เดินออกไปด้านนอก
นั่นจึงทำให้หยงเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ก็แค่แวบเดียว และกลับเข้าสู่การฝึกตนอีกครั้ง เขาในตอนนี้กำลังจะบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด จำเป็นต้องทุ่มสุดกำลัง ถ้าเกิดล้มเหลว ผลที่ตามมาน่าจะร้ายแรงมาก
แต่พรุ่งนี้ก็ถึงวันประลองแล้ว การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ เป็นการแย่งชิงความเป็นหนึ่งระหว่างนักสู้ของจิ่วโจวกับประเทศซันเขาจำเป็นต้องชนะ
ในตอนนี้ ไป๋หลี่จิงหวินได้เดินมาถึงลานหน้าบ้านแล้ว พอเขาเดินออกมา ก็เห็นชายวัยกลางคนที่เหน็บดาบทาจิไว้ที่เอวกำลังมองมาที่เขา
“ชาวซัน?” 
พอเห็นการแต่ตัวของอีกฝ่าย ไป๋หลี่จิงหวินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างแรง
ถึงเขาจะเป็นคนจากตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจว แต่กับเรื่องความแค้นคนในจิ่วโจว กับประเทศซัน เขาก็รู้เรื่องดี รู้สึกเกลียดชาวซันเข้าไปถึงกระดูกเลย
อีกฝ่ายใช้ภาษาจิ่วโจวด้วยสำเนียงเพี้ยนๆ “ไม่ใช่หยางเฉินจริงๆ ด้วย คนที่บรรลุเมื่อกี้จนก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อกี้คือแกอย่างนั้นเหรอ?” 
“เป็นชาวซันจริงๆ ด้วย!” 
ไป๋หลี่จิงหวินแสดงแววตาอาฆาตที่รุนแรงออกมา ไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เป็นถึงคนของตระกูลบู๊จากประเทศซัน แต่กลับมาหาเรื่องโลกภายนอกของจิ่วโจว ถ้าแน่จริงก็ไปท้าทายตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจวสิ” 
การที่เขาดึงดันจะรอให้หยางเฉินบรรลุแล้วค่อยลงมือ นอกจากเรื่องคุณธรรมในยุทธภพแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือหยางเฉินจะเป็นตัวแทนของนักสู้ของจิ่วโจว รอรับการท้ายประลองจากผู้แข็งแกร่งของตระกูลบู๊แห่งประเทศซัน
ไป๋หลี่จิงหวินที่เดิมก็ไม่ได้รู้สึกดีกับชาวซันอยู่แล้ว ตอนนี้จึงไม่มีทางไว้หน้าชาวซันแน่นอน
“ปากะ!” 
อีกฝ่ายโมโห แล้วพูดอย่างเดือดดาลว่า “นี่แกกำลังรนหาที่ตายใช่มั้ย!” 
พูดจบ รังสีของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางก็ได้เอ่อล้นออกมาจากตัวเขา
ไป๋หลี่จิงหวินทำหน้าดูแคลน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ที่บังเอิญคือ ฉันเองก็มีฝีมือระดัลแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเหมือนกัน อยากรู้เหมือนกันว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางจากตระกูลบู๊ของประเทศซันจะแน่สักแค่ไหน” 
ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น โยชิดะ โช
“ปากะ!” 
โยชิดะ โชรู้สึกว่าถูกไป๋หลี่จิงหวินดูถูก จึงเดือดดาลขึ้นมาทันที แล้วกระโจนเข้าใส่ ไป๋หลี่จิงหวินทันที
ไป๋หลี่จิงหวินยืนเอามือไขว้หลัง สีหน้าไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด จ้องมองโยชิดะ โนะที่พุ่งเข้าหาตนด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
หลายปีมานี้ เขาเอาแต่ฝึกตนอยู่ในโลกบู๊โบราณที่อยู่หลังเทือกเขาเทียนซาน ถึงจะผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่ก็ไม่เคยได้เจอนักสู้ชาวซันมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกเลย
พอเห็นการโจมตีของโยชิดะ โชกำลังจะมาถึง ในช่วงเวลาน่าสิ่วน่าขวานนี่เอง ไป๋หลี่จิงหวินก็ได้เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
เขากระทืบพื้นอย่างแรง แล้วพุ่งไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า
“ตุบ!” 
เกิดเสียงปะทะอันน่าตกใจขึ้น แล้วโยชิดะ โชที่เปี่ยมด้วยรังสีได้ถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว
หันมองไปทางไป๋หลี่จิงหวินที่ถูกโยชิดะ โชเข้าโจมตี กลับถอยไปเพียงสามก้าวเท่านั้น
ถึงทั้งคู่จะแค่ลองเชิงกัน การลงมือครั้งแรก ต่างก็ไม่ได้ใช้สุดฝีมือ เป็นแค่การเข้าปะทะด้วยร่างกายเท่านั้น
ปะทะกันครั้งเดียว ความแข็งแกร่งก็ถูกตัดสินออกมาทันที!
ยังไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้หลังจากนี้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ แต่ถ้าพูดถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งในด้านร่างเนื้อ ไป๋หลี่จิงหวินชนะ
“หึ!” 
ไป๋หลี่จิงหวินขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ จ้องมองโยชิดะ โชที่ทำหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด “เห็นที การฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายของประเทศซันก็ไม่เท่าไหร่นี่ ความแข็งแกร่งทางร่างเนื้อของแกกับฉันมันต่างกันเกินไป” 
มันไม่ใช่เป็นการพูดให้อีกฝ่ายตื่นตระหนก แต่มันคือความจริง
ทั้งคู่ต่างมีฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่เดิมทีโยชิดะ โชก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊ที่อยู่เบื้องหลังโยชิดะแชโบลแห่งประเทศซัน แถมตัวเขายังเป็นรองหัวหน้าสมาคมบูโดแห่งประเทศซันด้วยในบรรดาผู้ที่อยู่แดนเดียวกัน ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
แต่ว่าเมื่อกี้ ตอนที่ปะทะร่างกายกับไป๋หลี่จิงหวิน เขาก็แพ้อย่างหมดรูป จนถึงขั้นราบคาบเลย
เพราะเขาเป็นฝ่ายที่พุ่งเข้าหาไป๋หลี่จิงหวิน เดิมก็มีพลังงานศักย์อยู่มหาศาล แต่ไป๋หลี่จิงหวินแลกด้วยการถอยหลังไปสองก้าวโจมตีจนเขาถอยไปถึงเจ็ดแปดก้าว
“ตัง!” 
เสียงที่เกิดจากโลหะปะทะกันดังขึ้น โยชิดะ โชชักดาบทาจิที่เอวออกมามา พร้อมกับสีหน้าที่ดุร้าย พูดพร้อมกัดฟันว่า “ต่อให้ร่างเนื้อของแกจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แล้วจะทนรับคมดาบในมือฉันได้ยังไง?” 
ไป๋หลี่จิงหวินเห็นอีกฝ่ายชักอาวุธออกมา จึงได้แสดงแววตาที่อาฆาตออกมา แล้วพูด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ในเมื่อแกอยากรีบไปตายขนาดนี้ งั้นชีวิตของแก ฉันขอนะ!” 
สิ้นเสียง รังสีวิถีบู๊ในตัวเขาก็ปะทุขึ้นมาทันที พุ่งไปอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด เพียงแค่ก้าวเดียวก็คือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว
โยชิดะ โชคำรามออกมา สองมือจับไปที่ดาบทาจิ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่จิงหวิน
“หึ!” 
ไป๋หลี่จิงหวินทำเสียงฮึดฮัด โบกมือเบาๆ หักกิ่งไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างลงมากิ่งหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ดาบทาจิในมือของโยชิดะ โช

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท