เห็น ๆ อยู่ว่ามีดโลหิตในมือหยางเฉิน กำลังจะแทงเข้าไปถึงหน้าอกตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว เหล่าบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิสำนักบู๊ แต่ละคนหน้าตื่น ต่างพากันคำรามกันขึ้นมาลั่น
พวกเขาลองพุ่งเข้าไปขวาง แต่ความเร็วของหยางเฉินสูงกว่ามาก ได้พุ่งเข้าไปถึงข้างหน้าตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว มีดโลหิตที่เห็นในมือกำลังจะแทงเข้าไป ไม่มีทางจะขวางห้ามได้ทัน
ตู้หมิงเหวี่ยนก็หน้าเสียอย่างหนัก คิดจะหลบ แต่ทุกอย่างก็ช้าไปแล้ว
เห็นแล้วว่าปลายมีดโลหิตห่างหน้าอกตู้หมิงเหวี่ยนตรงจุดสุดท้ายแล้ว มือของหยางเฉิน หยุดกึกลงในฉับพลันนั้น ขณะนั้น ปลายมีดโลหิตได้แทงทะลุเสื้อของตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว เพียงแรงอีกนิดเดียว ก็ทะลุเข้าไปในตัวของตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว
คนทั้งหมดล้วนตื่นกลัวกันหมด เหมือนคิดกันไม่ถึงได้เลย หยางเฉินจะสามารถควบคุมกำลังของแรงได้เฉียบขาดขนาดนี้
ตู้หมิงเหวี่ยนอ้าปากหอบหายใจ ความเลวร้ายจากการบาดเจ็บจากของอาถรรพ์ เขารู้ชัดแจ้งอยู่แล้ว หยางเฉินคิดจะฆ่าเขา แค่ใช้แรงแทงไปอีกนิดเดียว ก็เอาชีวิตเขาไปแล้ว
“สิบนาทีถึงแล้ว!”
หยางเฉินเก็บมีดโลหิต พูดด้วยสีหน้าเรียบไร้อารมณ์
ทุกคนจึงได้เหมือนกับตื่นจากฝัน ตู้หมิงเหวี่ยนมองหยางเฉินด้วยสีหน้าบ่งถึงความสับสนในใจ จ้องหน้าหยางเฉิน พูดด้วยความจริงใจว่า “ข้าแพ้แล้ว!”
เขาไม่ได้แพ้หยางเฉินแล้วจะยังมีอะไรติดในใจให้ไม่ยอมรับ เดิมที่มองหยางเฉินอย่างเศษเดนไม่คู่ควรเขา เวลานี้ยกระดับหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับอาวุโสเดียวกับเขา
ตู้หมิงเหวี่ยนพูดเสริมอีกในทันทีว่า “ขอบคุณพี่น้องหยางที่กรุณาออมมือ ข้าติดหนี้เจ้าหนึ่งชีวิต!”
หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย มองหน้าตู้หมิงเหวี่ยนพูดว่า “หากต่อสู้อย่างเอากันถึงตายจริง ๆ ผมตายด้วยมือของคุณไปตั้งแต่แรกแล้ว คุณไม่ได้ติดหนี้อะไรผม เพียงเพราะผมอาศัยอานุภาพจากของอาถรรพ์ จึงโชคดียืนหยัดรอดมาจนวินาทีสุดท้ายได้”
“ความจริงคนที่จะพูดคำขอบคุณ ก็สมควรจะเป็นผมที่ต้องบอกคุณในความกรุณาที่ออมมือให้ คุณตู้ไม่ต้องรู้สึกว่าติดหนี้อะไรผมเลย”
หยางเฉินไม่ได้พูดป้อยอ เรื่องที่พูดนั้นเป็นความจริง
ใช่ที่ว่าเขาเกือบฆ่าตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว แต่เมื่อครู่นี้ที่เขาต่อสู้กับตู้หมิงเหวี่ยนนั้น ตู้หมิงเหวี่ยนมีความห่วงกังวลให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่มีใจคิดหวังจะทำร้ายเขาเลย
ทั้งยังมีหลายครั้ง กระบวนไม้ตายของตู้หมิงเหวี่ยนกำลังจะบรรลุผล เขาก็กลับพลิกเปลี่ยนเส้นทางจู่โจมออกไป
มิฉะนั้นแล้ว ด้วยพลังฝีมือของตู้หมิงเหวี่ยน คงได้ฆ่าหยางเฉินตายไปนานแล้ว
ได้ฟังที่หยางเฉินพูด สายตาของตู้หมิงเหวี่ยน มีแววความพึงพอใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก และแล้วจึงพูดด้วยความจริงอย่างบริสุทธิ์ใจว่า “ในเมื่อพี่หยางพูดมาแบบนี้ งั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจกับพี่หยางอีกแล้ว ต่อไป เจ้ากับข้าคบกันแบบรุ่นเดียวกัน ถ้าพี่หยางไม่รังเกียจ เรียกข้าว่าพี่ตู้แล้วกัน ส่วนครั้งนี้ ถึงยังไงข้าก็ติดค้างน้ำใจของเจ้าครั้งหนึ่ง”
หยางเฉินก็ค่อนข้างจะชื่นชมในตัวตู้หมิงเหวี่ยนอยู่มาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่า ตู้หมิงเหวี่ยนซึ่งมีอายุห้าสิบกว่าในวัยกลางคนนี้ กลับยอมจะลงมาคบกับตนในฐานะรุ่นเดียวกัน
หยางเฉินไม่ใช่คนที่ชอบทำจริต ผงกหัวเล็กน้อย เรียกพร้อมกับรอยยิ้มว่า “พี่ตู้!”
ตู้หมิงเหวี่ยนให้รู้สึกดีใจขึ้นมาในพลัน “ฮ่า ๆ เยี่ยม!”
หยางเฉินไม่มีอะไรต้องตะขิดตะขวงใจในการคบกับตู้หมิงเหวี่ยนในระดับเดียวกัน สำหรับตัวเขาแล้ว ได้ประโยชน์ทั้งร้อยเต็ม ๆ ไม่มีเสียแม้แต่น้อย
ตอนนี้ตู้จ้งยังติดอยู่ในสำนักบู๊ และตู้หมิงเหวี่ยนยังเป็นทายาทสืบทอดสำนักบู๊ ด้วยความสัมพันธ์นี้ การนำตู้จ้งกลับไป ย่อมทำให้ไม่มีอะไรต้องพะวง
ขณะนั้นเอง ตู้ป๋อก็หัวเราะขึ้นมาพูดว่า “ในเมื่อเจ้าทั้งสองคบกันในฐานะรุ่นเดียวกัน งั้นเจ้าก็เรียกข้าเป็นคุณลุงก็แล้วกัน”
คำนี้พูดออกไป ทุกคนที่อยู่ในบริเวณตะลึงค้าง
ตู้หมิงเหวี่ยนจะคบกับหยางเฉินในฐานะรุ่นเดียวกันก็ว่ากันไป แต่ตู้ป๋อ เป็นถึงเจ้าสำนักของหนึ่งสำนักตระกูล ทั้งถ้าจะเป็นปู่ของหยางเฉินก็ยังเกินพอ ไหงยังให้หยางเฉินเรียกเขาว่าคุณลุง?
หยางเฉินก็ยังถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไม่ว่าจะพูดยังไง ให้เขาเรียกตู้ป๋อเป็นคุณลุง ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมอยู่
ตู้หมิงเหวี่ยนรีบพูดเสริมว่า “พี่น้องหยาง ท่านเจ้าสำนักเป็นพ่อของข้า ข้ากับเจ้าคบกันในฐานะรุ่นเดียวกัน เจ้าเรียกท่านว่าคุณลุง ก็ไม่ได้มีอะไรผิดมารยาทนะ”
หยางเฉินได้แต่แค่นหัวเราะแห้ง ๆ ตามด้วยการเอ่ยปากเรียก “ท่านลุง!”
ตู้ป๋อหัวเราะร่าขึ้นมาทันที “ฮ่า ๆ เยี่ยม!”
ติดตามด้วย เขายกมือขึ้นโบก สั่งการออกไป “จัดโต๊ะ เลี้ยงรับรองหลานชายข้าคนนี้”
“ขอรับ!”
ทันทีก็มีคนไปจัดเตรียม
หยางเฉินร้อนใจขึ้นมา เขามาสำนักบู๊เที่ยวนี้ ไม่ใช่จะมาสานไมตรีสัมพันธ์ แต่มาเพื่อจะช่วยตู้จ้ง ถึง ณ ขณะนี้ เขาก็ยังไม่รู้ความเป็นตายร้ายดีของตู้จ้งเลย
หยางเฉินอดกลั้นไม่ได้ถามไปว่า “ท่านลุง ผู้เฒ่าตู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?ช่วยกรุณาจัดให้ผมได้พบเขาได้ไหม?”
ก็เรียกอย่างนับถือเป็นคุณลุงแล้ว ตู้ป๋อคงไม่ให้เขาลำบากใจอีกแล้วมัง?
ตู้ป๋อพูดด้วยเสียงหัวเราะ “ไม่ต้องรีบร้อน ไปเดินเที่ยวเป็นเพื่อนข้าก่อน!”
ในใจหยางเฉินก็หงุดหงิดหน่อย แต่ก็ไม่กล้าไม่ตามใจ ตัวเขาเองเขาก็ไม่กล้าคิดอย่างทะนงตนว่า ตัวเองมีคุณสมบัติจริงพอที่จะเรียกตู้ป๋อว่าคุณลุง
ถึงยังไงที่นี่ก็คือสำนักบู๊ ทั้งสภาพของตู้จ้งก็ยังไม่รู้ชัด ในสำนักบู๊ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ก็มีอยู่หลายนาย
ถ้าเขาขืนไปฉีกหน้ากันตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยตู้จ้งไม่ได้ ซ้ำตัวเองก็ยังต้องโดนฝังอยู่ที่นี่
เขาเดินตามตู้ป๋อ เดินเล่นอยู่ภายในบริเวณสำนัก ตู้หมิงเหวี่ยนก็เดินตามอยู่ข้าง ๆ
สำนักบู๊ไม่เสียทีที่เป็นกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดในภูเขามาร ผู้แข็งแกร่งมีให้เห็นทั่วไปหมด เดินตามตู้ป๋อไปเรื่อยเปื่อย หยางเฉินก็ได้สัมผัสถึงผู้แข็งแกร่งระดับยอดฝีมือมากมาย มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ มากมายจนนับไม่ถ้วน
ให้ถึงแม้ดูกองกำลังใหญ่โตขนาดนี้ ก็ยังไม่จัดเป็นกลุ่มอิทธิพลนักบู๊โบราณ คิดดูเอาเถอะ แล้วกลุ่มอิทธิพลนักบู๊โบราณ จะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
ตู้ป๋อจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “หยางเฉิน เจ้าเห็นว่าสมาคมบู๊เป็นยังไง?”
หยางเฉินอึ้งไปนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าตู้ป๋อจู่ ๆ ถามขึ้นมาแบบนี้เพื่ออะไร
เขาก็ตอบไปตามความเป็นจริง “ยิ่งใหญ่มาก!”
ตู้ป๋อถามไปด้วยเสียงหัวเราะว่า “ตามสภาพกองกำลังของสำนักบู๊ ในภูเขามารนี้ นอกจากสำนักบู๊แล้ว ยังมีอีกสี่ที่”
หยางเฉินไม่รู้สึกว่าจะเหนือจากความคิด เขาเคยรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ในภูเขามารมีกลุ่มอิทธิพลระดับยอดอยู่สี่กลุ่ม สำนักบู๊ก็คือหนึ่งในนั้น
ตู้ป๋อไม่พูดอะไรต่อ คงนำพาหยางเฉินเดินต่อไป
แต่ละที่ ๆ ไป ที่ไหนก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าอยู่
สำนักบู๊ใหญ่โตมาก ไม่ใช่จะเดินได้ทั่วในเวลาอันสั้น
ทั้งสามได้เดินกันไปประมาณสิบนาที ชมดูส่วนสำคัญ ๆ ในสำนักบู๊ไปโดยรอบ พอไปถึงแต่ละจุด ตู้หมิงเหวี่ยนก็จะคอยแนะนำให้กับหยางเฉิน
ที่ทำให้หยางเฉินประหลาดใจมากก็คือ แต่ละจุดที่ตู้ป๋อพาไป ล้วนแต่เป็นตำแหน่งสำคัญของสำนักบู๊
พูดได้ว่า ถ้าหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งที่คู่อริของสำนักบู๊ส่งมา ด้วยจุดตำแหน่งสำคัญที่เป็นความลับของสำนักบู๊ที่อยู่ในมือของหยางเฉินนี้ ก็สามารถนำไปใช้วางแผนถล่มสำนักบู๊ได้อย่างแม่นยำมีประสิทธิภาพ
หยางเฉินไม่เข้าใจจริง ๆ ตู้ป๋อจะพาเขามาดูจุดตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำไม
ทั้งสามมาถึงคูกำแพงเมืองด้านหนึ่ง จู่ ๆ ตู้ป๋อก็จ้องไปที่หยางเฉิน เอ่ยปากขึ้นว่า “ข้าอยากจะให้สมาพันธ์บู๊ ผนึกรวมเข้ากับสำนักบู๊ เจ้ามีความคิดยังไง?”
คำนี้พูดออกมา หยางเฉินหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สำนักบู๊จ้องฮุบสมาพันธ์บูโดคือเหตุแท้จริง