แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 631 อิจฉากับช่วยเหลือ
ในมหาวิทยาลัยของเสี่ยวเชี่ยน หอพักนักศึกษาปริญญาโท-เอกยังสู้หอพักของนักศึกษาปริญญาตรีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อบ้านแบบเสี่ยวเชี่ยน แต่คนส่วนหนึ่งก็เลือกที่จะเช่าหออยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัยแทน
หลุ่ยเสี่ยวฉายังอาศัยอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย กินข้าวเสร็จก็พาเสี่ยวเชี่ยนไปใช้อินเตอร์เน็ต
“ประธานเชี่ยน หอที่เธออยู่ห่างจากมหาลัยแค่ไหนเหรอ?” หลุ่ยเสี่ยวฉารู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนย้ายออกไปนานแล้ว
“ถ้าขับรถก็ประมาณสิบกว่านาที บ้านนั้นว่าที่แม่สามีเป็นคนซื้อให้ เป็นชื่อของแฟนฉัน พูดถึงเรื่องนี้ ฉันต้องขอบใจเธอมากนะเสี่ยวฉาที่จะทำให้ฉันได้มีบ้านเพิ่มอีกหลัง”
ระดับความสามารถในการหลอกคนของเสี่ยวเชี่ยนแนบเนียนชนิดที่หาทางจับผิดยาก เธอพูดโกหกได้นิ่งมาก
หลุ่ยเสี่ยวฉารู้แค่ว่าเสี่ยวเชี่ยนพักอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่ามีบ้าน
ในใจเหมือนมีปีศาจกำลังคำราม ทำไมทุกคนก็อายุพอๆกัน แต่เฉินเสี่ยวเชี่ยนกลับมีทุกอย่างที่คนอื่นอยากมี
เสี่ยวเชี่ยนเดินอยู่ข้างหน้า ไม่ต้องหันกลับไปดูเธอก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของหลุ่ยเสี่ยวฉาที่แผ่ออกมา
ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นโรคจิตเวช แต่ความรู้สึกในแง่ลบกลับมีกันทุกคนไม่ได้วัดกันที่การศึกษา
อย่างเช่นจิตใจที่อิจฉาริษยานั้นมีอยู่ในตัวของทุกคน คนเราเกิดความอิจฉากันได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย
ทุกคนต่างเกิดความอิจฉาขึ้นไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ การอิจฉาแต่พองามจะทำให้เกิดผลในด้านบวก อย่างเช่น เห็นเพื่อนรอบตัวได้ดีกว่าจนรู้สึกอิจฉาก็จะเป็นแรงผลักดันในการทำงาน เห็นเพื่อนเรียนเก่งกว่าเราก็จะยิ่งพยายามเรียนให้ได้เหนือกว่า นี่ก็คือข้อดีของการอิจฉาคนอื่น
แต่ถ้ามีความอิจฉามากเกินไปก็จะกลายเป็นปีศาจร้ายในจิตใจ ไม่เพียงแต่จะทำร้ายคนอื่นยังทำร้ายตัวเองด้วย
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนอยากเห็นปีศาจร้ายที่อยู่ในใจหลุ่ยเสี่ยวฉาว่าจะออกมาอาละวาดหรือเปล่า
ถ้าหลุ่ยเสี่ยวฉาอดทนได้ ประธานเชี่ยนก็จะไม่ลงมือต่อ ทั้งสองคนต่างไม่ติดค้าง
แต่ถ้าหลุ่ยเสี่ยวฉาอดทนไม่ได้…งั้นก็ห้ามโทษเธอ
พอเข้าหอพักไปแล้วหลุ่ยเสี่ยวฉาก็เปิดคอมพิวเตอร์ เสี่ยวเชี่ยนเปิดแฟ้มเอกสารแล้วเริ่มทำงาน หลุ่ยเสี่ยวฉายืนดูอยู่สักพักก็อดไม่ได้ที่จะนับถือเสี่ยวเชี่ยน
ฉายาจอมเทพเชี่ยนไม่ได้เรียกกันเล่นๆ รายงานที่ซับซ้อนขนาดนี้เธอยังทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แทบไม่ต้องไปค้นคว้าข้อมูลเลยด้วยซ้ำ
“ประธานเชี่ยน เธอไม่ต้องใช้เอกสารเลยเหรอ?” หลุ่ยเสี่ยวฉาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เสี่ยวเชี่ยนส่งเสียงอืม “มันอยู่ในสมองของฉันหมดแล้ว”
หน้าตาดี อีกทั้งยังมีแฟนเป็นลูกตระกูลดี ได้รับทุนการศึกษาระดับประเทศ มี ‘บ้าน’ที่แม่สามีซื้อให้ มีรถขับ เป็นคนโปรดของเถ้าแก่ใหญ่ ต่อให้ต้องสอบเข้าเรียนปริญญาเอกก็มีเถ้าแก่ใหญ่เป็นคนสนับสนุน หลุ่ยเสี่ยวฉานั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง แต่สมองกลับคิดเรื่องเสี่ยวเชี่ยน
ผู้หญิงที่เหมือนเทพคนนี้ประหนึ่งใช้สูตรโกง ไม่มีเรื่องไหนที่เธอทำไม่ได้
หลุ่ยเสี่ยวฉานึกถึงสีหน้าของพวกผู้ชายในมหาวิทยาลัยเวลาพูดถึงเสี่ยวเชี่ยน นึกถึงตัวเองที่ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนถึงปริญญาโทก็ยังไม่มีใครมาสนใจ นึกถึงตัวเองที่ต้องหางานทำไปทั่วเพื่อสอบเรียนต่อปริญญาเอก เมื่อเทียบกับชีวิตของเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ความอิจฉาในใจก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้หยุดมือเลย แต่ในใจกลับรู้ทุกอย่างเหมือนมีกระจกสะท้อน
ความอิจฉาคือสัตว์ป่าที่ทนการทดสอบไม่ได้ อย่าว่าแต่คนที่เธอไม่สนิทอย่างหลุ่ยเสี่ยวฉาเลย ต่อให้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆก็อาจทำเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะความอิจฉาได้ เวลาที่สัตว์ป่าตัวนั้นตัวโตได้ที่ก็จะกัดกินจิตใจส่วนดีของคนจนยากที่จะควบคุมได้
เสี่ยวเชี่ยนเคยเจอคนไข้ที่มาเข้ารับการปรึกษามากมาย พวกเขาล้วนถูกคนใกล้ตัวหรือเพื่อนสนิทหักหลัง บางคนถูกเพื่อนสนิทแย่งแฟน บางคนถูกเพื่อนใส่ร้ายลับหลัง คนพวกนี้พอเริ่มถามก็ถามเสี่ยวเชี่ยนว่า ฉันไปติดค้างอะไรพวกเขาไว้?
กลับไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ทำให้ความอิจฉาก่อตัวจนได้ที่นั้นไม่ใช่เพราะติดค้างอะไรอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะตัวเราดีกว่าอีกฝ่ายมากเกินไป
ความอิจฉาจะเกิดขึ้นในหมู่คนที่มีอะไรคล้ายๆกัน อย่างเช่นหลุ่ยเสี่ยวฉาเรียนอยู่กลุ่มเดียวกับเสี่ยวเชี่ยน ในสายตาของหลุ่ยเสี่ยวฉาทุกคนอายุพอๆกัน ไม่ควรเกิดการทิ้งห่างกันขนาดนี้ ก็เหมือนกับขอทานที่ไม่มีทางอิจฉาคนรวยระดับโลก แต่กลับอิจฉาขอทานที่รายได้ดีกว่าตัวเอง
เสี่ยวเชี่ยนหลับตานึกถึงแม่ของอวี๋หมิงหลาง ว่าที่แม่สามีชอบถามเสี่ยวเชี่ยนบ่อยๆว่า ทำไมไม่ค่อยดูละครน้ำเน่า เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเชี่ยนตั้งใจกับเรื่องเรียนเรื่องงานมากเกินไป ไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนเหนื่อยเกินไป อยากให้พักผ่อนบ้าง แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่าการมองโลกด้วยมุมมองของจิตวิทยาเป็นเรื่องสนุก
ใช้สายตาที่มองอย่างทะลุปรุโปร่งมองคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด ไม่คิดว่าสนุกกว่าเรื่องที่แต่งขึ้นในละครอีกเหรอ?
รายงานที่คนอื่นต้องใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์กว่าจะทำเสร็จ เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ เธอหยิบกระดาษโน้ตที่ศาสตราจารย์หลิวให้ออกมาจากระเป๋า ในนั้นเขียนอีเมลของศาสตราจารย์ชีไว้
“อู๊ย สงสัยเมื่อตอนกลางวันกินเผ็ดมากไปเลยเริ่มปวดท้องละ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เสี่ยวฉาช่วยฉันส่งอีเมลหน่อยได้ไหม?”
เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้น
“ได้สิ”
พอเสี่ยวเชี่ยนไปแล้วหลุ่ยเสี่ยวฉาก็ไปนั่งบนเก้าอี้ ตอนที่เปิดอีเมลเตรียมจะส่งเอกสารนั้น อยู่ๆในสมองของเธอก็มีเสียงปรากฏขึ้น
ถ้าเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ส่งเอกสารนี่จะเป็นไง?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาแวบเดียว หลุ่ยเสี่ยวฉารีบสลัดมันออกไปแล้วกรอกอีเมล ตอนที่เหลือกรอกอักษรตัวสุดท้ายของอีเมลศาสตราจารย์ชี ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงประโยคสุดท้ายที่เสี่ยวเชี่ยนพูดตอนกินข้าว
เสี่ยวเชี่ยนบอกว่า โชคชะตาของชีวิตฉันจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำก็อยู่ในมือเธอแล้วนะ
อยู่ในมือเธองั้นเหรอ? หลุ่ยเสี่ยวฉามองเงาสะท้อนของตัวเองจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เธอเดินหาอยู่ตั้งหลายที่ ต่อราคาอยู่นานกว่าจะซื้อได้ ทำไมเธอต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ ทำไมเธอต้องด้อยกว่าเสี่ยวเชี่ยนทุกอย่าง?
สัตว์ร้ายที่อยู่ในใจกำลังคำราม ทำลายมัน ทำลายมัน!
มือของหลุ่ยเสี่ยวฉาเริ่มสั่น จิตใจส่วนดีของเธอที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายขี้อิจฉาอย่างดุเดือด เธอรู้สึกแค่ว่าโลกเงียบมาก ได้ยินแต่เสียงหัวใจเธอเต้น
หลังจากที่เธอกรอกอีเมลของศาสตราจารย์ชีเสร็จแล้ว เธอกลับไม่ได้แนบเอกสาร กดส่งอีเมลเปล่าไป เธอจะดูว่าศาสตราจารย์ชีตั้งการตอบกลับอัตโนมัติไว้หรือไม่
ตามคาด พอส่งไปแล้วก็มีอีเมลตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
ผมเหล่าชีเองนะ รู้ไหมว่าผมกำลังรอคุณอยู่~
คำพูดที่ไม่เป็นทางการแบบนี้ไม่เหมือนคนที่โด่งดังระดับโลกใช้ หลุ่ยเสี่ยวฉาได้ยินเสียงกดชักโครกในห้องน้ำ เธอรีบลบบันทึกการส่งเมื่อครู่ทิ้ง ทำทุกอย่างได้อย่างแนบเนียน
ในกล่องจดหมายมีแค่อีเมลตอบกลับจากศาสตราจารย์ชี
“เสี่ยวฉาส่งไปหรือยัง?” เสี่ยวเชี่ยนเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ส่งแล้ว เขาตอบกลับมาด้วยนะ”
“ขอบคุณนะ เธอช่วยฉันได้มากเลย” เสี่ยวเชี่ยนพูดจากใจ แต่สายตากลับมีประกายเจ้าเล่ห์คล้ายกับนางจิ้งจอก