The king of War – บทที่ 1927 กราบคารวะเป็นอาจารย์

บทที่ 1927 กราบคารวะเป็นอาจารย์

คำพูดของลี่เฉิน ทำให้หม่าชาวมีความรู้สึกเหมือนรับน้ำทิพย์ชโลมเศียร

เขาในเวลานี้ที่ต้องการมากคือปกป้องดูแลลูกเมียของตัวเอง ให้พวกเขาอยู่ข้างกายเขาตลอดไป แต่ตามที่ลี่เฉินบอกเมื่อครู่นี้ ถ้าเมื่อเขาก้าวเดินไปบนเส้นทางฝึกปฏิบัตินี้แล้ว ก็คือเดินไปบนทางที่ไม่มีวันกลับอีก

หยางเฉินเพื่อกันไม่ให้ญาติสนิทข้างตัวของเขาต้องพลอยเดือดร้อน จึงได้ใช้อุบาย ส่งให้พวกเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เดิมคิดไว้ว่าเมื่อแก้ปัญหายุ่งยากรอบตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ก็จะรับตัวกลับมาบ้าน

แต่ทว่า เขาไม่ได้คิดถึงเลยว่า ความคิดนั้นตามไม่เคยทันความเปลี่ยนแปลง ตามติดกับพลังฝีมือที่เก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ ของเขา ศัตรูที่ต้องเผชิญก็ยิ่งทียิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

ในตอนนี้ หม่าชาวก็มีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ มาภูเขามารครั้งนี้ ความจริงก็ตั้งใจอยู่ที่ครึ่งปี ให้ตัวเองเก่งกาจยิ่งขึ้น แล้วก็กลับไปอยู่กับลูกเมียตัวเอง

ทว่า เขาก็เหมือนหยางเฉิน คงยังมีเรื่องต้องกังวล และยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ

เช่นว่า แม่ของเขา เวลานี้ยังถูกกักอยู่ในตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ นอกจากเขายอมละทิ้งการช่วยเหลือแม่ของเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะต้องดำเนินไปตามเส้นทางการฝึกต่อไป

แต่ในเวลานี้ เขาจะต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่า

ขรึมเงียบอยู่นาน หม่าชาวจึงได้หันมองไปที่ลี่เฉิน พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านผู้อาวุโสลี่ ข้าเข้าใจแล้ว!”

ลี่เฉินยิ้มน้อย ๆ “เจ้ายังหนุ่มแน่น พรสวรรค์บูโดก็เหนือกว่าคนทั่วไป มาคิดได้ตอนนี้ ก็ยังไม่ทันได้สายเกิน”

พูดจบ เขาก็มองหยางเฉินที่กำลังสลบไสลอยู่ เอ่ยปากพูดว่า “ตามสภาพของหยางเฉินในตอนนี้ คิดว่าการจะฟื้นขึ้นมา น่ากลัวอย่างน้อยต้องมีสักอาทิตย์หนึ่ง สมัยก่อนกับตัวข้าที่ปลดปล่อยตัวเองแบบนี้ครั้งแรกนั้น สลบไสลไปถึงสิบวันเต็ม ๆ”

“พอข้าฟิ้นขึ้นมาพลังฝีมือข้าก็ได้ก้าวกระโดดรุดหน้าขึ้นไป รอให้หยางเฉินฟื้นตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ พลังฝีมือน่ากลัวยังต้องเก่งกาจเพิ่มขึ้นไปอีกมาก”

หม่าชาวจึงได้วางใจลง ให้รู้สึกดีใจกับหยางเฉินขึ้นมา

“ยอดเยี่ยมไปเลย!”

เขาพูดด้วยความตื่นใจว่า “พี่เฉินก็มีพลังฝีมือเทียบถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว ถ้าหากพลังฝีมือมีการเพิ่มขึ้นไปอีกช่วง น่ากลัวก็ต้องใกล้ถึงกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นของแท้แล้วสิ”

ลี่เฉิน ก็มีความคิดหวังส่อให้เห็นในแววตา พูดสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ข้าถึงแม้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ภายใต้แดนนภา จะมีพลังฝีมือประเภทว่าเทียบเท่าแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น แต่ว่าในสภาพกรณีพิเศษอย่างหยางเฉิน สมรรถนะการต่อสู้เฉพาะตัวของเขาเองเก่งกาจมากอยู่แล้ว คงอาจจะเป็นไปได้แบบนี้จริง ๆ พวกเราคงต้องรอดูกัน”

และในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งสำนักมารนายหนึ่งได้เดินเข้ามา มองมาที่ลี่เฉิน พูดด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “ท่านเจ้าสำนัก คนของคามิ โคโซมาแล้ว บอกจะมาพาตัวเนี่ยชิวไป”

“ฮึ!”

ลี่เฉิน สะบัดเสียงออกจมูก แววฆ่าขึ้นหน้า สั่งไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “ดูพวกมันมาจากไหน ให้พวกมันกลับไปที่นั่น หากข้ายังไม่เห็นชอบ ถ้าผู้แข็งแกร่งจากสำนักคามิโคโสะกล้าย่างเข้ามาในสำนักมารแม้แต่ก้าวเดียว ก็อย่ามาว่าข้าไม่เกรงใจละ”

“ขอรับ!”

ผู้ใต้บังคับบัญชารีบตอบรับ แล้วหันกลับออกไปทันที

จนผู้ใต้บังคับบัญชาพ้นออกไปแล้ว ลี่เฉิน ก็มีสีหน้าห่วงกังวลขึ้นมาบางส่วน มองไปที่หม่าชาวพูดว่า “หากถึงวันหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องจากสำนักมารไป เจ้าจะต้องผลักดันเชิดชูสำนักมารขึ้นไปต่อ”

เห็นสีหน้าท่าทีลี่เฉิน จริงจัง หม่าชาวสะท้านขึ้นมาทั้งตัว จู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกมีลางไม่ดีขึ้นมา

เขาจึงรีบถามไปว่า “ท่านผู้อาวุโสลี่ มีเรื่องใหญ่อะไรจะเกิดขึ้นหรือครับท่าน?”

ลี่เฉิน ส่ายหน้า แค่นหัวเราะอย่างไม่แยแส “สำนักคามิโคโสะกระจอกกระจอก จะมาทำอะไรเป็นเรื่องใหญ่กับสำนักมารได้?ต่อให้เจ้าอิงเทียนสิงอิงเทียนสิงมาด้วยตัวมันเอง ก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

อิงเทียนสิงอิงเทียนสิงเป็นเจ้าสำนักคามิ โคโซ สุดยอดฝีมือบูโดแห่งภูเขามารที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว

ในภูเขามาร มีอยู่ห้าผู้สุดยอด แบ่งเป็นเขตตะวันออกคือลี่เฉิน เจ้าสำนักสำนักมาร, เขตุตะวันตกคือเหรินจิงหลุนเจ้าสำนักสำนักพิษ, เขตุใต้คืออิงเทียนสิงอิงเทียนสิงเจ้าสำนักคามิ โคโซ, เขตุเหนือคือตู้ป๋อเจ้าสำนักบู๊, เขตุกลางคือเผยเชียนอินเจ้าสำนักสำนักเซิ่งกง

ห้าท่านนี้ นอกจากลี่เฉิน ที่ก้าวขึ้นถึงแดนนภาแล้ว นอกนั้น ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น แน่นอนว่า เป็นเพียงความเข้าใจของคนวงนอกเท่านั้น

ส่วนในตัวของพวกเขาเอง มีใครที่ได้ก้าวขึ้นถึงแดนนภาแล้วนั้น คงมีแต่พวกเขาเองที่รู้ตัวเอง

ก็เหมือนอย่างลี่เฉิน มีแต่ผู้ทรงคุณวุฒิที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาก้าวขึ้นไปถึงแดนนภาแล้ว นอกนั้นไม่มีใครรู้

นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ถึงแม้ยังมีนักบูโดอื่นที่ได้ก้าวขึ้นถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว แต่เทียบกันด้วยพลังฝีมือ ต้องยกให้ห้าท่านนี้เก่งกาจเป็นที่สุด

“กว่าหยางเฉินจะฟื้นตื่นยังต้องอีกหลายวัน เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าอยู่ข้างตัวเขาตลอดเวลาหรอกนะ หลายวันต่อไปนี้ เจ้าก็มาอยู่กับข้า ข้าจะถ่ายทอดวิชาฝึกปฏิบัติให้กับเจ้าด้วยตัวเอง”

ลี่เฉิน รู้ดี ขั้นแดนบูโดของตนนั้นได้ก้าวเข้าในแดนนภาแล้ว ถึงแม้ตัวเขาจะปิดข่าวอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถฝึกฝนได้ เพราะถ้าเขาลงมือฝึกฝน โดยทั่วไปของผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภาจะต้องใช้พลังชี่ทิพย์เป็นอันมาก เป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะดึงดูดความสนใจจากกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์ได้ เวลานั้น เขาก็จะถูกพาตัวไปสู่โลกบู๊โบราณ

ขณะนี้ เขาอยู่ในโลกสามัญ ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางอยู่อีก รอให้เขาได้จัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงวางใจจากไปได้

“ได้ครับ!”

หม่าชาวรีบตอบรับ

ลี่เฉิน เป็นถึงเจ้าสำนักสำนักมาร ยอมที่จะลงมาสอนการฝึกปฏิบัติให้เขา มันเป็นบุญวาสนาของเขาแล้ว เขาต้องรีบรับมาทะนุถนอมอย่างดีไว้เลยทีเดียว

ในขณะเดียวกันนี้ ที่ภูเขามาร สำนักบู๊

บรรดาผู้ทรงคุณวุฒิสำนักบู๊ นั่งล้อมวงกันอยู่ แต่ละคนสีหน้ามีแต่ความหนักใจ

มีผู้แข็งแกร่งบ่นอย่างปรับทุกข์ว่า “คิดไม่ถึงว่า เนี่ยชิวกับหม่าชาวต่างก็ถูกพาไปสำนักมาร ทำเอาพวกเราเหงาไปเลย!”

ผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งก็พูดว่า “ข้าไม่สนใจเนี่ยชิวกับหม่าชาวหรอก พรุ่งนี้ก็เป็นวันแข่งขันชิงโควต้าการก้าวเข้าศาลบรรพชนของสำนักบู๊แล้ว แล้วหยางเฉินไปที่ไหนของเขา?เขาจะกลับมาถึงสำนัก ก่อนเริ่มการแข่งขันของพรุ่งนี้หรือไม่?”

ผู้แข็งแกร่งอีกนายหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ถ้าหากเขากลับมาไม่ทันเวลาตามกำหนดการ ข้าเสนอให้ตัดสิทธิ์การเข้าร่วมชิงชัยของเขาไปเลย สำนักบู๊ของพวกเรา ใช่ว่าจะไม่มีบูโดรุ่นหนุ่มที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นอีก”

ตู้ป๋อก็ปล่อยให้ทุกคนต่างพูดกันไป จนแต่ละคนพูดกันหมดแล้ว เขาจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ข้าจะบอกชัด ๆ กับพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าที่อยู่ในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าไปสู้กับหยางเฉิน ล้วนแล้วแต่มีผลออกมาว่าแพ้ลูกเดียว”

“สำนักบู๊ได้เวลาเปิดประตูมาก็หลายครั้ง ยังไม่มีปรากฏผู้มีพรสวรรค์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทพบู๊ การปรากฏมาของหยางเฉิน ทำให้ข้าได้เห็นความหวัง หากเขาได้รับการถ่ายทอดจากเทพบู๊ สำนักเทพบู๊ก็จะได้บูโดอัจฉริยะอีกหนึ่งคน”

ได้ยินที่ตู้ป๋อพูด ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิสำนักบู๊พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ข้าคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ เขาแค่นักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง มีหรือว่าจะมีพลังฝีมือถล่มผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาชั้นต้นให้แพ้ไปได้?”

ผู้ทรงคุณวุฒิที่พูดขึ้นมานั้น เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือสำนักบู๊ เขามีอายุอยู่มาก ๆ แล้วระยะเวลาการฝึกของเขาก็ยาวนานมามาก พลังฝีมือก็ยังแขวนไว้อยู่ที่กึ่งแดนนภาชั้นต้นมาเก้าปีเต็ม ๆ แล้ว

ทำไงได้ เขายังไม่สามารถย่างก้าวเข้าไปในแดนนภาได้ ผู้แข็งแกร่งในรุ่นเดียวกันในหลายปีที่ผ่านมานี้ มีคนก้าวขึ้นไปแดนนภากันแล้ว

ในสำนักบู๊เวลานี้ ศักดิ์ศรีของตัวเขาก็อยู่ในระดับสูงมาก

ไล่ตามลำดับอาวุโสแล้ว เขายังมีศักดิ์เป็นอาของตู้ป๋อด้วยซ้ำ

ตู้ป๋อถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปที่ผู้พูดพูดว่า “อาเจ็ด ท่านคงยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ ถ้าไว้มีโอกาส ท่านก็จะได้ต้องรู้ บูโดอัจฉริยะของหยางเฉินนั้นพิสดารไปขนาดไหน”

ตู้ชีสะบัดเสียงฮึออกจมูก “ขอแค่เพียงเขากลับมาทันเวลาศึกชิงโควตาได้ ข้าก็จะให้โอกาสเขาท้าประลองกับข้าได้ ถ้าเขาสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะขอขมาเขา และจะกราบคารวะยกเขาเป็นอาจารย์”

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท