ลั่วปิงไม่ใช่นักบุญ เพราะเขาได้รับการเลี้ยงดูจากน้าเล็กจนเติบใหญ่ และเขาเป็นหนี้บุญน้าเล็กที่เลี้ยงดู และการที่เขาให้หลูเฉียงเข้ามาทำงานในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉินแล้ว ลั่วปิงรู้สึกซาบซึ้งทันที และน้ำตาคลอเบ้า
ลั่วปิงกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ประธาน ขอบคุณที่คุณเข้าใจ!”
หยางเฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย และไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ผมจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีปัญหาอะไรที่ยากจะแก้ไข คุณบอกมาเถอะ แล้วผมจะเป็นคนจัดการเอง”
การที่เขามาเยี่ยนเฉินกรุ๊ปครั้งนี้ เพื่อดูว่ามีปัญหาใดที่ลั่วปิงไม่สามารถแก้ไขได้
เมื่อได้ยินว่าวันพรุ่งนี้หยางเฉินจะออกเดินทาง ลั่วปิงรู้สึกตกใจ “คุณไปเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หยางเฉินพยักหน้า “มีเรื่องบางอย่าง ที่ผมต้องไปจัดการด้วยตนเอง”
ถึงแม้ลั่วปิงจะไม่รู้ว่าหยางเฉินกำลังยุ่งอยู่กับอะไร แต่เขาก็รู้ว่าหยางเฉินเป็นนักบูโด หยางเฉินต้องยุ่งอยู่กับเรื่องของบูโด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าถามมาก
ลั่วปิงรีบกล่าวว่า “ประธาน ตอนนี้ธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพัฒนาได้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร คุณสามารถไปทำงานของคุณได้อย่างเต็มที่ ผมจะบริหารดูแลเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างดี”
หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วปิงแล้ว หยางเฉินรู้สึกพอใจมาก แม่ได้ทิ้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ตนเอง และมันยังเป็นความอุตสาหะของแม่อีกด้วย การที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ความปรารถนาของแม่กลายเป็นจริงแล้ว
ต่อไป เขาเพียงแค่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของบูโดเท่านั้น และเขารู้สึกวางใจ ที่จะมอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ลั่วปิงดูแลบริหาร
หยางเฉินไม่ได้อยู่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนาน หลังจากฟังลั่วปิงรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างละเอียดแล้ว เขาก็พาหม่าชาวจากไปทันที
ในระหว่างทางกลับไปยอดเมฆา หยางเฉินได้รับโทรศัพท์จากผู้อาวุโสใหญ่
หลังจากหยางเฉินรับสายแล้ว เขาก็ถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ตรวจสอบตัวตนของคนเหล่านั้นได้แล้วเหรอ?”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “พวกเขาเป็นคนของซางหยุนเฟิง มาจากโลกบู๊โบราณล่าง”
“ซางหยุนเฟิง”
หยางเฉินขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องกองกำลังของโลกบู๊โบราณล่าง แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของซางหยุนเฟิงมาก่อน
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวต่อไปว่า “ซางหยุนเฟิง เป็นนักบูโดที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกบู๊โบราณล่าง เขาอยู่ในแดนนภาขั้นสามชั้นยอด ว่ากันว่าเขาจำศีลมาหลายปี และพยายามทะลวงมาตลอด ถ้าเขาทะลวงสำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาจะบรรลุถึงแดนนภาขั้นสี่”
หยางเฉินตกใจทันที แดนนภาขั้นสี่เหรอ?
ในโลกบู๊โบราณล่าง ดูเหมือนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด คือผู้แข็งแกร่งในแดนนภาขั้นสามชั้นต้น
หยางเฉินถามว่า “ถ้าความแข็งแกร่งของซางหยุนเฟิงบรรลุถึงแดนนภาขั้นสี่ เขาจะถูกบังคับให้ไปโลกบู๊โบราณกลางใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “ไม่ใช่ถูกบังคับ แต่เขาจะไปโลกบู๊โบราณกลางเอง”
“เมื่อก่อนตอนที่ม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างยังไม่ถูกทำลาย เพื่อที่จะรักษาม่านพลังนี้เอาไว้ ดังนั้นพันธมิตรพิทักษ์จึงคอยจับตามองผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกมนุษย์มาโดยตลอด เมื่อผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกมนุษย์ทะลวงผ่านแดนแล้ว ก็จะถูกบังคับนำตัวไปที่โลกบู๊โบราณล่าง”
“แต่โลกบู๊โบราณล่างนั้นแตกต่างกัน เมื่อผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างทะลวงไปถึงแดนนภาขั้นสี่แล้ว พวกเขาจะไปที่โลกบู๊โบราณกลางเอง และใบผ่านทางระหว่างโลกบู๊โบราณกลางและโลกบู๊โบราณล่าง ความจริงแล้ว ก็คือความแข็งแกร่งในการก้าวเข้าสู่แดนนภาขั้นสี่”
“ว่ากันว่าชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณกลางหนาแน่นมาก หนาแน่นกว่าชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างมาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียร ซึ่งผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณล่างทุกคนปรารถนาที่จะไป”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างถูกทำลายแล้ว และอีกไม่นาน ชี่ทิพย์ระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างจะเกิดความสมดุลกัน และชี่ทิพย์ สำหรับนักบูโดในโลกบู๊โบราณล่างแล้ว การที่ชี่ทิพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาต้องการไปโลกบู๊โบราณกลางมากยิ่งขึ้น”
หยางเฉินขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แล้วไม่มีใครควบแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่เหรอ? ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดทะลวงไปถึงแดนนภาขั้นสี่ แล้วผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ยังไม่ไปที่โลกบู๊โบราณกลาง พวกเขาสามารถทำอะไรกับผู้แข็งแกร่งของโลกมนุษย์ได้ตามต้องการใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มอย่างลึกลับ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล เพราะผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง ไม่กล้าลงมือทำอะไรนักบูโดของโลกมนุษย์ง่าย ๆ”
ทันใดนั้น หยางเฉินก็นึกถึงโลกใบเล็กที่ตู้จ้งเคยบอกเขา ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง ก็ยังเกรงกลัวผู้แข็งแกร่งของโลกใบเล็ก?
หยางเฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อยและถามว่า “แล้วทำไมซางหยุนเฟิง ถึงได้ส่งคนมาฆ่าผม?”
ผู้อาวุโสใหญ่อธิบายว่า “ซางหยุนเฟิงยังมีสถานะอื่น เขาเป็นราชานักฆ่าในโลกบู๊โบราณล่าง เขามีองค์กรนักฆ่าที่ชื่อปีศาจดำ แม้แต่หัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ ก็ยังต้องให้เกียรติซางหยุนเฟิง”
“คราวนี้ ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ถูกทำลาย ผู้แข็งแกร่งมากมายในโลกบู๊โบราณล่างต้องการฆ่าคุณ ผมเดาว่ามีคนไปหาซางหยุนเฟิง และขอให้ซางหยุนเฟิงส่งคนมาลอบสังหารคุณ”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด บุคคลนั้น น่าจะเป็นหัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ ที่ชื่อตู้อวี้ซาน!”
สีหน้าของหยางเฉินเคร่งขรึมทันที ก่อนหน้านั้นไป๋หลี่จิงหวินมาหาเขา และบอกว่าตนเองกลายเป็นลูกศิษย์ของตู้อวี้ซาน หัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์แล้ว และได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ให้มาชวนหยางเฉินเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรพิทักษ์ กลายเป็นจอมพลคนที่สิบ
เพียงแต่ ถูกหยางเฉินปฏิเสธ
นึกไม่ถึงว่าไม่นาน ตู้อวี้ซานก็ส่งคนมาลอบสังหารตนเองแล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอีกว่า “ก่อนหน้านั้น ผมได้ปรึกษาหารือกับตู้อวี้ซานเกี่ยวกับการออกกฎระเบียบใหม่แล้ว แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ยังคงปล่อยให้กองกำลังของโลกบู๊โบราณล่างรุกรานโลกมนุษย์อย่างต่อเนื่อง”
“ตอนนี้ เขาจะมาจัดการคุณอีก เห็นได้ชัดว่าเขารู้แล้วว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของคุณนั้นไม่ธรรมดา และก่อนหน้านั้น คุณปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรพิทักษ์ ด้วยนิสัยของเขาแล้ว เขาจะต้องหาทางฆ่าคุณอย่างแน่นอน”
“แต่อย่างไรเสีย เขาก็เป็นหัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่สะดวกที่จะลงมือเอง และไม่เหมาะที่จะสั่งให้ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ลงมือ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอให้ปีศาจดำมาลอบสังหารคุณ เมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้ว่าคุณจะถูกฆ่าตาย เขาก็สามารถทำได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา”
สีหน้าของหยางเฉินเคร่างขรึมยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เขานึกไม่ถึงว่าหัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ จะเป็นคนถ่อยที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้
“หยางเฉิน คุณต้องระวังตู้อวี้ซานให้ดี ๆ บุคคลนี้เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่เบื้องหลังเป็นคนโหดเหี้ยมมาก”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเตือน “เขาจะไม่โจมตีคุณอย่างเปิดเผย แต่เขาจะโจมตีคุณอย่างลับ ๆ แน่นอน คุณต้องระวังตัวให้ดี!”
หยางเฉินพยักหน้า “ผู้อาวุโสใหญ่ วางใจเถอะ ผมจะระวังบุคคลนี้!”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวต่อไปว่า “คุณต้องระวังคนของปีศาจดำด้วย ซางหยุนเฟิงเป็นคนที่มีพลังอำนาจมาก และไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะไม่โจมตีคุณ คนอย่างเขา ทำอะไรไม่มีขอบเขต โชคดีที่ตอนนี้การบำเพ็ญของเขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ และเขาจะไม่ลงมือเคลื่อนไหวง่าย ๆ”
“อย่างไรก็ตาม ปีศาจดำมีนักฆ่าชั้นนำมากมายเช่นกัน คราวนี้เขาสูญเสียนักฆ่าแดนนภาขั้นสองชั้นต้นไปสี่คน คราวต่อไป เขาจะส่งนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาเท่านั้น”
หยางเฉินรู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย ตนเองแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ตอนนี้ศัตรูที่เขาต้องเผชิญ กลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยแดนบูโดในแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นของเขาในตอนนี้ และอาศัยสายเลือดคลั่งที่ปรับเปลี่ยนโดยผู้ทรงพลังสามคนในสมัยโบราณ แล้วยังมีวิชาลับเชียนเสวียนที่สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบแดนนภาขั้นสองชั้นกลางได้
ถ้าเขาสู้ตาย บางทีเขาอาจจะสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายได้ แต่ถ้าเผชิญกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ทุกวิถีทาง เกรงว่าจะไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
ตอนนี้ในโลกบู๊โบราณล่าง มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสาม และสถานการณ์ของเขานั้นอันตรายมากจริง ๆ
หยางเฉินกำหมัดทั้งสองไว้แน่น และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมต้องหาทางพัฒนาความแข็งแกร่ง มิฉะนั้น ผมจะไม่สามารถรับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเผชิญได้”