The king of War – บทที่ 2101 ตัวตนอะไร

บทที่ 2101 ตัวตนอะไร

The king of War บทที่ 2101 ตัวตนอะไร

ผู้แข็งแกร่งอีกห้าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ตกตะลึงตาค้างไปทันทีเมื่อเห็นเจ้านายของพวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอน

แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและขอร้องด้วยเช่นกัน

ต้องรู้ด้วยว่า ครั้งนี้ที่พวกเขาผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดและผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายทั้งห้าคนมาที่นี่ แค่ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายสามคนและผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดสองคนได้ตายไปแล้ว

ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้กลับสูญเสียผู้แข็งแกร่งไปครึ่งหนึ่ง แต่หยางเฉินยังคงอยู่ในสภาพที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ต่อให้พวกเขาจะทำงานร่วมกันต่อไปก็มีแต่ตายเท่านั้น

ดวงตาของหยางเฉินฉายแววจิตสังหาร และไม่ได้คิดอยากฆ่าคนเหล่านี้น้อยลง

“ในเมื่อมาแล้ว อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ!”

เมื่อคำพูดของหยางเฉินจบลง ความกดดันพลังบู๊ที่ทรงพลังกว่าเดิมก็ปกคลุมโรงแรมจงโจวทั้งหมด

กลุ่มนักบูโดโลกบู๊โบราณล่างพวกนั้น ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

“เขาต้องการจะฆ่าพวกเรา พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ อย่าได้ยั้งมือไว้ทั้งสิ้น!”

ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดคำรามและพุ่งตรงไปที่หยางเฉิน

เขารู้สึกถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากหยางเฉินแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะขอร้อง หยางเฉินก็จะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป

ก่อนหน้าวันนี้ ผู้คนในโลกบู๊โบราณล่างต่างไม่รู้ว่าหยางเฉินก็มีพลังการต่อสู้เทียบได้กับแดนนภาขั้นสามชั้นต้น อีกทั้งทุกคนในโลกบู๊โบราณล่างต่างเชื่อว่าหยางเฉินเป็นเพียงมดตุ่นในโลกมนุษย์ที่ถูกจิตวิญญาณเทพมารครอบครองร่างกายไว้ก็เท่านั้นเอง

จนกระทั่งวันนี้ พวกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินไม่ได้มีแค่นั้น

ร่างที่แม้แต่จิตวิญญาณเทพมารยังสนใจ แล้วจะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?

หยางเฉินซึ่งถือกระบี่โอรสสวรรค์ดูดุดันกว่าปกติ เขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มของผู้แข็งแกร่งตระกูลบู๊โบราณ ราวกับหมาป่าเข้าไปในฝูงแกะ

ในขณะเดียวกันที่ชั้นล่างของโรงแรมจงโจว

“จิตสังหารอันรุนแรงอย่างมาก หรือว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มแล้ว?”

“ฉันรู้สึกได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งถูกฆ่าตายทีละคน”

“บนดาดฟ้าของโรงแรมจงโจว มีเพียงผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสและผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊โบราณ ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งตายไปทีละคน แบบนั้นก็แปลว่า เป็นผู้อาวุโสสี่ที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊โบราณ?”

หลายคนในจงโจวกำลังพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อบางคนรู้สึกว่ามีผู้แข็งแกร่งบนดาดฟ้าถูกฆ่าตายทีละคน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและกระตือรือร้น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จะต้องเป็นผู้อาวุโสสี่ที่กำลังฆ่าผู้แข็งแกร่งจากโลกบู๊โบราณล่างแน่ เมื่อกี้นี้ ลมปราณบูโดอันทรงพลังอย่างมากปะทุออกมาจากดาดฟ้าของอาคาร เดิมฉันยังคงกังวลเกี่ยวกับผู้อาวุโสสี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลทั้งหมดจะไม่จำเป็น”

“ถ้าฉันเดาม่ผิด ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดจากตระกูลบู๊โบราณอยู่บนดาดฟ้าด้วยใช่ไหม? แต่ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งากตระกูลบู๊โบราณกำลังถูกฆ่าตายไปทีละคน นั่นหมายความว่าพลังการต่อสู้ของผู้อาวุโสสี่นั้นเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดงั้นหรือ?”

เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ความกระตือรือร้นในสายตาของผู้คนในจงโจวก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

“ว่ากันว่าผู้อาวุโสสี่ยังเด็กมากและยังอายุไม่ถึง 30 ปี ต่อให้เป็นโลกบู๊โบราณล่าง ยังไม่มีบูโดอัจฉริยะคนไหนที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้เทียบเท่ากับาผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดใช่ไหม?”

“ใครบอกว่าโลกมนุษย์ล้วนเป็นมดตุ่นทั้งหมด แม้ว่าเราจะเป็นนักบูโดในโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโลกบู๊โบราณล่าง ผู้อาวุโสสี่ของเราคือความภาคภูมิใจของนักบูโด!”

ในขณะนี้ นักบูโดทุกคนในโลกมนุษย์กำลังโห่ร้อง

ท่ามกลางฝูงชน เหอหยวนหงเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในจงโจวจูงมือหลานสาวของเขาอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “เสี่ยวอี้ ไม่ว่าจะยังไง หลานต้องพยายามผูกมิตรกับผู้อาวุโสสี่ให้ได้! ขอแค่หลานสามารถเป็นผู้หญิงของผู้อาวุโสสี่ได้ ตระกูลเหอจะยืนยาวร้อยปี!”

เสี่ยวอี้ที่ใส่แว่นดำมีสีหน้าขมขื่น ในสมองปรากฏภาพเงาร่างคนหนุ่มขึ้นมา

ในใจของเธอมีคนที่ยากจะลืมเลือนแล้ว แล้วจะให้ไปรองรับผู้ชายคนอื่นอีกได้ยังไง? แม้ว่าผู้อาวุโสสี่จะเก่งกาจมาก แต่ตนก็แค่นับถือเขาเท่านั้นไม่มีความรักใคร่แฝงอยู่

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ม่านพลังทลายไป กองกำลังหลักของโลกบู๊โบราณล่างก็ได้เข้ามาตั้งรกรากในจงโจวอย่างต่อเนื่อง และตระกูลเหอ ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในจงโจวคือกลุ่มแรกที่แบกรับความรุนแรง

หากไม่สามารถหาผู้สนับสนุนได้ สถานะของตระกูลเหอในจงโจวก็ตกอยู่ในอันตราย

ในอีกด้านหนึ่ง บนใบหน้าที่เหี่ยวย่นของกู้ไท่ชู ของตระกูลกู้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ซือซือ!เสี่ยวหลิน! ฉันขอออกคำสั่งให้พวกเธอไปเชิญชายหนุ่มที่พบบนเครื่องบินมายังตระกูลกู้ของเรา!”

กู้ไท่ชู พูดกับ กู้ซือซือ และ เซี่ยหลินอย่างตื่นเต้นว่า “ตราบเท่าพวกเธอสามารถเชิญชายหนุ่มคนนั้นมาที่ตระกูลกู้ได้ ฉันจะให้รางวัลแต่ละคนด้วยวิลล่าส่วนตัวในเขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่ง!”

ในจงโจว เขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่งเป็นย่านวิลล่าระดับบนสุดที่ตระกูลที่มีอำนาจและร่ำรวยเท่านั้นถึงจะซื้อได้

ไม่ใช่เพราะว่าวิลล่าในเขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่งนั้นแพงเกินกว่าที่จะซื้อ แต่เป็นเพราะวิลล่าที่นี่หายากเกินไป แต่ละตระกูลจะสามารถจัดสรรได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับฐานะของตระกูลในจงโจว

อาจกล่าวได้ว่าวิลล่าใน เขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่ง นั้นล้ำค่าอย่างแท้จริง

ตระกูลกู้ในจงโจวถือได้ว่าเป็นกลุ่มของตระกูลชั้นนำที่ต่ำกว่าตระกูลชั้นนำกลุ่มนั้นเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติที่จะซื้อวิลล่าในเขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่งแต่ตระกูลกู้ก็มีคุณสมบัติพอที่จะซื้อได้แค่หกหลังเท่านั้น

ตอนนี้ กู้ไท่ชู กลับพูดโดยไม่คาดคิดว่าขอแค่ เซี่ยหลิน และ กู้ซือซือ สามารถเชิญหยางเฉินไปที่บ้านตระกูลกู้ได้ เขาก็จะมอบวิลล่าในเขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่งให้พวกเธอคนละหลัง

กู้ซือซือ และ เซี่ยหลิน ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซี่ยหลิน ที่สีหน้าแข็งค้างไป ความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ย นั้นต่ำกว่าตระกูลกู้อยู่เล็กน้อย และพื้นที่วิลล่าจงโจวก็มีแค่เพียงสี่หลังเท่านั้น แม้แต่พ่อของเธอที่ต้องไปหาผู้นำตระกูลเซี่ยเพื่อขอมาสักหลังก็ยังต้องถูกปฏิเสธ

ตอนนี้ ตราบใดที่เธอสามารถเชิญหยางเฉินไปที่บ้านตระกูลกู้ได้ เธอก็จะได้วิลล่าชั้นยอดทั้งหลัง

“คุณปู่ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่มาจงโจวเพื่อท่องเที่ยว คุณเชิญเขามาตระกูลกู้ก็ถือเป็นเกียรติไปถึงบรรพบุรุษของเขาแล้ว…..”

ใบหน้าของ กู้ซือซือ งงงวย ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็เห็นคิ้วของ กู้ไท่ชู ขมวดขึ้นก่อนจะตะโกนทันทีว่า “หุบปาก!”

หลังจากดุ กู้ซือซือ แล้ว กู้ไท่ชู ก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องเชิญชายหนุ่มคนนั้น ให้เซี่ยหลิน รับผิดชอบแล้วกัน ส่วนเธอ อย่าได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”

กู้ซือซือ ตกใจไปอย่างสมบูรณ์ เธอไม่เคยคิดว่าแค่พูดถึงหยางเฉินไปลอยๆ ไม่กี่คำ กลับทำให้คุณปู่ที่รักเอ็นดูเธอดุตนแบบนี้ แถมยังไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเชิญหยางเฉินแล้วด้วย

หรือกล่าวคือวิลล่า เขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่ง ที่ กู้ไท่ชู เพิ่งรับปากไปนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออีก

เพียงเพราะสิ่งที่เธอพูดถึงหยางเฉิน

“คุณปู่ หนู…”

ดวงตาของ กู้ซือซือ เป็นสีแดง ก่อนที่จะพูดจบ กู้ไท่ชู ก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ซือซือ ไม่ใช่ว่าปู่เข้มงวดกับเธอมากเกินไป แต่เรื่องนี้สำคัญมาก มันอาจเป็นโอกาสมากพวกเราตระกูลกู้จะได้ก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่งในจงโจว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เซี่ยหลินอีกครั้งและพูดด้วยสายตาอ่อนโยนว่า: “เสี่ยวหลินปู่ฝากเรื่องนี้ไว้กับหลานแล้ว ขอแค่หลานสามารถเชิญเขามาที่ตระกูลกู้ของเราได้สำเร็จ นอกเหนือจากเขตวิลล่ามิดเดิลที่หนึ่งแล้ว หลานจะขออะไรก็ได้ ขอแค่บอกปู่มา ถ้าปู่ทำได้ จะต้องรับปากแน่!”

“นอกจากนี้ หากหลานสามารถเป็นแฟนของชายหนุ่มคนนั้นได้ แม้ว่าหลานจะอยากได้รับมรดกทั้งหมดของตระกูลกู้ปู่ก็รับปากให้ได้!”

หลังจากได้ยินคำพูดของ กู้ไท่ชู เซี่ยหลินและ กู้ซือซือ ก็ตะลึงอึ้งไปกับที่ ชายหนุ่มผู้นั้นมีค่าควรแก่การผูกมิตรกับตระกูลกู้ขนาดนี้เลยหรือ?

กู้ซือซือ ไม่พอใจ แต่ก็ยังถาม “คุณปู่ หนูอยากรู้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน เป็นใครกันแน่? ควรค่าหรือกับการที่คุณปู่ต้องลงทุนขนาดนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมเขา?”

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท