บทที่ 56 เราพอกันที
“ยังแกล้งไม่รู้อีก เธอจัดฉากขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ?”
โม่หว่านหว่านกวาดสายตาไปที่หานฉ่ายหลิง แล้วจ้องมองใบหน้าบอบบางของหญิงสาวที่ดู
ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ นัยน์ตาของเธอดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสา
สำหรับผู้หญิงประเภทนี้จะสามารถหลอกลวงผู้ชายได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถซ่อนมันจากสายตาของโม่หว่านหว่านได้
มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถมองเพศเดียวกันออกได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังจริงใจอยู่หรือไม่
ครั้งแรกที่โม่หว่านหว่านเจอหานฉ่ายหลิง เธอก็บอกกับเธอแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หานฉ่ายหลิงสีหน้ามึนงงแล้วพูดด้วยความสับสน “คุณโม่ สรุปคุณพูดเรื่องอะไรอยู่? ฉันไม่รู้เรื่องเลย? ฉันจัดฉากอะไรอยู่?”
“เธอแสร้งทำเป็นจะช่วยซูย้าวปกป้องบ้านใหญ่ตระกูลซู แล้วให้นางไปขอเงินกับลี่เฉินซี และเธอก็รู้ดี ตราบใดที่เธออยู่ที่นี่ ความสัมพันธ์สามีภรรยาของซูย้าวกับลี่เฉินซีก็จะค่อยๆจืดจางลง จะใช้นางไปขอเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับซูย้าวหรอก!”
แม้โม่หว่านหว่านไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้ แต่สมองของเธอสามารถคิดและรู้ทันได้อยู่แล้ว
“ฉะนั้น เธอใช้การประมูลในวันนี้จัดฉากให้ตัวเองดูดีและยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อซูย้าว แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นแผนที่ชั่วที่สุด!”
เมื่อโม่หว่านหว่านพูดจบ เธอก็หันไปมองลี่เฉินซีแล้วยิ้มพูดด้วยความเยาะเย้ยและประชดประชัน “สำหรับประธานลี่คนนี้แล้ว จะยอมให้เธอที่เป็นแฟนเก่าสูญเสียเงินนั้นไปฟรีๆเหรอ? ไม่มีทางหรอก ถ้าเธอเสียไปพันล้าน เขาจะชดใช้ให้เธอเป็นสองพันล้าน! ทุกอย่างนี้เธอคิดไว้แล้ว มันเป็นแผนของเธอ ถูกมั้ย!”
“.…..”
เมื่อเผชิญหน้ากับโม่หว่านหว่าน หานฉ่ายหลิงถึงกับต้องนิ่งเงียบไป เธอเหมือนสูญเสียความสามารถทั้งหมดไปชั่วขณะจนลืมว่าตัวเองจะพูดอะไร
ในทางกลับกัน โม่หว่านหว่านกลับกลายเป็นคนคุมเกมทุกอย่าง แต่เธอเพียงต้องการที่จะขอความยุติธรรมให้กับซูย้าวเท่านั้น
เธอมองหานฉ่ายหลิงซ้ำๆ แม้ดูแล้วเธออาจจะมีความโดดเด่นจากผู้หญิงทั่วไป แต่ถึงแม้จะดูยังไงรูปลักษณ์ของเธอก็สู้ซูย้าวไม่ได้ สำหรับความแตกต่างระหว่างสองคนนี้ก็คือ คนหนึ่งพูดได้ แต่อีกคนเป็นใบ้!
โม่หว่านหว่านเก็บซ่อนความรู้สึกไว้แล้วพูดต่อ “เป็นแผนที่ดีจริงๆ คุณหาน ฉันชื่นชมคุณ!”
ทันใดนั้น ลี่เฉินซีที่ยืนอยู่เงียบๆก็ได้พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “คุณพูดจบแล้วยัง?”
โม่หว่านหว่านมองเขา “ออกตัวแรงจังเลยนะ! เฮ่อ!”
เดิมทีเธอยังมีเรื่องที่จะพูดต่ออีกมากมายแต่ก็ต้องหยุดลง ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาของลี่เฉินซีแล้วเธอก็อดคิดถึงซูย้าวไม่ได้ เพราะเธอรักผู้ชายคนนี้เป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว เธอยอมทุ่มเทให้กับผู้ชายคนนี้ทุกอย่างโดยไม่หวังอะไรเลย
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ โม่หว่านหว่านก็รู้สึกว่าซูย้าวนั้นเป็นคนตาบอดจริงๆ ผู้ชายคนนี้นอกจากหน้าตาดีแล้ว เขามีอะไรที่ดีพอสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งจะมอบความจริงใจให้ล่ะ?
โม่หว่านหว่านรู้สึกเสียดายกับความรู้สึกของซูย้าวที่ทุ่มเทไปและคิดว่ามันไม่คุ้มค่ามาก!
“ช่างมันเถอะ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ลี่เฉินซี สักวันคุณจะเสียใจ!”
โม่หว่านหว่านเหลือบมองไปที่หานฉ่ายหลิงอีกครั้งก่อนที่เธอจะเดินจากไป
ลี่เฉินซีก็ไม่ได้ห้ามโม่หว่านหว่านไว้ ได้แต่มองดูเธอค่อยๆเดินจากไป จากนั้นก็โอบกอดหานฉ่ายหลิงไว้แล้วปลอบใจเธอ “อย่าถือสาเลยนะ นางคงเข้าใจผิด”
หานฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มพูด “ไม่เป็นไรหรอก นางก็แค่เป็นห่วงซูย้าว ฉันจะไปโทษนางได้ไงล่ะ?”
คำพูดธรรมดาเพียงไม่กี่คำ ทำให้ลี่เฉินซีรู้สึกหวั่นไหวอีกครั้ง
หานฉ่ายหลิงเป็นคนจิตใจงดงามและคำนึงถึงคนอื่นเสมอ เธอไม่เคยกลัวใครจะเข้าใจผิดเลย ผู้หญิงดีๆแบบนี้จะทำให้เธอผิดหวังได้อย่างไร!
ระหว่างที่โม่หว่านหว่านขับรถกลับไป เธอได้แวะซื้อผักผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อกลับไปถึงอพาร์ทเม้นท์เธอกลัวซูย้าวจะคิดมากจึงพยายามอธิบายให้เธอฟัง
แต่ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ซูย้าวก็รู้ดีว่าเธอกลับไปหาเรื่องที่ตระกูลลี่แน่นอน
เพราะเธอเป็นพี่น้องกันมานานหลายปีแล้วจะไม่รู้สึกนิสัยของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
โม่หว่านหว่านโอบไหล่เธอแล้วพูดเบาๆ “อย่าคิดมากนะ เธออยู่ที่นี่ไปก่อน ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่เก็บค่าเช่าเธออยู่แล้ว!”
ซูย้าวยิ้มและจบมือเธอไว้เพื่อแสดงความขอบคุณ
“ยัยบื้อ จะขอบคุณฉันทำไม? ฉันเป็นห่วงเธอนะ! ผู้ชายแบบนั้นรีบทิ้งไปซะจะดีกว่า!”
ซูย้าวสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดด้วยภาษามือ “ไม่ได้หรอก เรายังมีลูก! เจิ้งเอ๋อยังอยู่ในตระกูลลี่……”
เมื่อพูดถึงลูก ขนตาเรียวยาวของซูย้าวก็ดิ่งลง นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
โม่หว่านหว่านนั่งลงข้างๆเธอ “อย่างน้อยหลายปีแน่นอน เธอกับลี่เฉินซีจะหย่ากันไม่ได้หรอก เธอจะได้อยู่กับลูกแน่นอน! อย่ากังวลเลยนะ!”
ถ้าเขาต้องการหย่ากับเธอก่อนที่เจิ้งเอ๋อจะถึงอายุสามขวบ ตามกฎหมายแล้วลูกต้องเป็นของเธอ
นอกเสียจากตระกูลลี่จะใช้เส้นสายอำนาจ
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆตระกูลลี่ก็จะกลายเป็นคนชั่วช้า! และไอ้เลวลี่เฉินซีก็จะไม่ใช้ลูกผู้ชาย!
โม่หว่านหว่านด่าในใจ และทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ได้ดังขึ้น
เธอคิดว่ามีคนมาส่งอาหาร จึงรีบไปเปิดประตู แต่เมื่อเปิดประตูแล้วเธอต้องตกใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นลี่เฉินซียืนอยู่ข้างหน้า
“ผมมาหาซูย้าว สะดวกให้ผมคุยกับเธอโดยส่วนตัวไหม?” ผู้ชายคนนั้นรีบเอ่ยปากพูดก่อนด้วยน้ำเสียงอันชัดเจนตามธรรมชาติของเขา
โม่หว่านหว่านค่อยๆดึงสติกลับมาได้หลังจากตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็เรียกซูย้าวมา
ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ ลี่เฉินซีจุดบุหรี่แล้วยืนอยู่ข้างรถโรลส์รอยซ์ของเขา ด้วยนิ้วมือเรียวยาวที่คีบบุหรี่ไว้และดวงตาอันลึกล้ำมองเธอผ่านหมอกควันบุหรี่นั้น
ซูย้าวไม่รู้ว่าเขาอยากคุยอะไรด้วย เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของเขาก่อนหน้านี้และความโกรธที่เหนือจินตนาการนั้น ทำให้ก้นบึ้งของหัวใจเธอเย็นชาและเธอได้แต่ก้มหน้าอยู่เงียบๆไม่ได้พูดอะไร
จนกว่าบุหรี่ม้วนนั้นใกล้จะหมด เขาถึงแสดงทีท่าว่าจะเริ่มพูด เขาหลบสายตาของซูย้าวและมองไปที่สนามหญ้าด้านนอก
“เราหย่ากันเถอะ!”
คำพูดสั้นๆคำเดียว ทำให้ซูย้าวต้องสั่นสะเทือนไปยังก้นบึ้งจิตใจอีกครั้ง
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แล้วมองสายตาที่ไร้ก้นบึ้งของเขาเพื่อพยายามหาคำตอบ แต่ไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะลี่เฉินซีกำลังจะพูดกับเธออย่างตรงไปตรงมา
“มันไม่ใช่แค่เพราะปัญหาเรื่องเงินเท่านั้น ซูย้าว เดิมทีที่เราแต่งงานกันก็เพราะเราทำตามความตั้งใจของคนแก่ การแต่งงานแบบนี้มันไม่ได้ยุติธรรมสำหรับคุณเลย ดังนั้นเราให้มันจบๆกันไปเถอะ!”
ยุติธรรม?!
ซูย้าวรู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นช่างไร้สาระเหลือเกิน
เขาพูดถึงความยุติธรรมกับตัวเองด้วย ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ไม่ยุติธรรม แล้วตอนแต่งงานเพื่อทำตามความตั้งใจของคนอื่นมันยุติธรรมแล้วหรือ? เธอต้องตั้งครรภ์เป็นเวลาสิบเดือน ต้องเสี่ยงตายเพื่อให้กำเนิดลูกของเขามันยุติธรรมแล้วใช่ไหม?
ในความสัมพันธ์ไม่มีใครถูกหรือผิดและไม่มีความยุติธรรมหรือไม่หรอก!
ซูย้าวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่ไร้สาระและคิดว่าเขากำลังพูดจาติดตลกข้ามชาติอยู่ จากนั้นจึงพูดกับเขาด้วยภาษามือต่อ “ตอนแต่งงานคุณอยากแต่งก็แต่งเลย แล้วเรื่องหย่ากันคุณคิดว่าอยากจะหย่าก็หย่าได้งั้นเหรอ?”
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอเสมอไป ตลอดที่ผ่านมานั้นก็เพราะเธอรักเขามากจึงยอมทุกอย่างเพื่อเขา
แต่เมื่อไหร่ที่เธอถูกบีบบังคับจนมุมแล้ว เธอจะระเบิดออกมาและผลที่ตามมานั้นก็จะร้ายแรงมากเหมือนกัน!
ลี่เฉินซีโยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งแล้วใช้เท้าเหยียบจนดับ จากนั้นรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับแขนของซูย้าวไว้แล้วเหวี่ยงเธอไปติดกับรถและเข้ามาล็อคตัวเธอไว้อีกครั้ง
นิ้วที่เรียวยาวของชายคนนั้นปัดเส้นผมบนหน้าผากของเธอเบาๆ จากนั้นมองใบหน้าที่งดงามของเธอและพูดอย่างช้าๆ “แล้วคุณคิดว่าเราฝืนต่อไปแบบนี้มันมีความหมายเหรอ?”