เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 83

ตอนที่ 83

บทที่ 83 ให้ฉันช่วยคุณนะ

“การที่ได้ตัวแต่ไม่ได้ใจมันก็ดีอีกแบบสำหรับชีวิตหลังแต่งงานนะ ความรักก็ไม่ต้องไปพูดถึงหรอก อีกอย่างเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับยุคสมัยนี้ไปนานแล้วล่ะ”

คริสตินหยิบวอดก้าจากโต๊ะแล้วยกขึ้นกระดกกรึ๊บเดียวจนหมดแก้ว สีหน้าที่สดชื่นของเธอทำให้คนมองแล้วรู้สึกดีอย่างอธิบายไม่ถูก

ซูย้าวรู้สึกตะลึงเล็กน้อย อีกฝ่ายพูดภาษาอังกฤษกับเธอ ซึ่งเธอเข้าใจภาษาดี แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือทุกถ้อยคำที่ได้ยินมันกลับทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจมากขึ้น

ไม่คิดเลยว่าการแสดงออกของเธอกับลี่เฉินซีเมื่อครู่นี้มันกลับทำให้คนอื่นมองออกภายในพริบตาเดียว

ทักษะการแสดงไม่ดีพอหรือว่ามันไม่เกี่ยวเลยแม้แต่นิด

ใครรู้ช่วยบอกที

“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นหรอก เพียงแต่รู้สึกสงสัยบางอย่าง……” คริสตินหันไปอีกด้าน ในดวงตาสีฟ้าสดใสนุ่มนวลของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย

เธอไม่ได้ตั้งใจจะมีเจตนาร้ายใด ๆ เพียงแต่มันรู้สึกไปเอง อาจพูดได้ว่ามันเป็นความห่วยใยจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งก็ได้

เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกที่โม่หว่านหว่านมีต่อซูย้าว

“แต่มองจากสายตาของคุณนายลี่แล้ว คุณรักท่านประธานลี่มากเลยนะ มากจน……สามารถสละชีวิตเพื่อเขาได้ ถูกต้องใช่ไหม?”

ซูย้าวรู้สึกตกใจมาก ในชั่วพริบตาเธอถึงขั้นต้องหยุดกลั้นหายใจ

เธอหันมองไปที่เขาอีกครั้ง ชายคนที่กำลังคุยกับเพื่อนร่วมธุรกิจอยู่ และทันใดนั้นคริสตินก็ยิ้มพูดต่อ “แต่ดูจากสายตาของท่านประธานหลี่แล้ว ฉันไม่เห็นความรักที่มีต่อคุณเลย แม้กระทั่ง……เศษเสี้ยว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”

“……”

ซูย้าวเงียบไป

ต้องพูดด้วยหรือ?

เรื่องที่เขาไม่ได้รักเธอนั้นเขารู้กันจนทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

ตลกสิ้นดี!

มันน่าขายหน้าจนไปถึงต่างประเทศเลย!

“ฉันเป็นคนชอบสังเกตพฤติกรรมของคนอื่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เมื่อมองผ่านการแสดงออกที่ละเอียดอ่อนของผู้คนจะสามารถรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบุคคลนั้นได้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง เกิดอะไรขึ้นกับเขา และสภาพจิตใจเขาเป็นอย่างไร มีความลับอะไรซ้อนอยู่……” คริสตินอธิบายต่อไป

ซูย้าวก็สามารถมองออกได้ ถ้าพูดตามประสาทั่วไปมันก็คือจิตวิทยา ความสามารถนี้ถ้าใช้มันได้อย่างเหมาะสมก็จะเป็นประโยชน์ได้อย่างมาก

ถ้าพูดตามตรรกศาสตร์มันก็คือการมีทักษะสังเกตการณ์ที่ดี หรือพูดได้อีกนัยหนึ่งมันก็คือนักไสยศาสตร์ที่มีความสามารถในการกระตุ้นจิตใจและสะกดจิตคนอื่น สามารถใช้จุดอ่อนของอีกฝ่ายเป็นประโยชน์ต่อตนได้

คริสตินหยิบวอดก้าขึ้นมาอีกแก้วแล้วยื่นให้กับซูย้าว “ดังนั้น ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณหรอก แต่กลับกัน ฉันชอบคุณนะคุณซู ชอบแบบอธิบายไม่ถูก”

ซูย้าวรับวอดก้ามาอย่างสุภาพ เธอรู้สึกปวดกระเพาะและไม่ควรดื่มแอลกอฮอลอีก แต่ ความรู้สึก ณ ตอนนี้เธอได้แต่มองดูเหล้าในแก้วและอยากดื่มมันเขาไปมาก

“ถ้าไม่รังเกียจให้ฉันช่วยคุณก็ได้นะ คุณยินดีไหม?” คริสตินหยิบวอดก้าให้ตัวเองอีกแก้วแล้วยิ้มเบา ๆ ด้วยลักยิ้มสองข้างที่ดูมีเสน่ห์มาก

ซูย้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอแค่คิดว่าอีกฝ่ายล้อเล่นกับเธอ หลังจากชนแก้วแล้วเธอก็ดื่มเหล้าในมือเข้าไป

แต่ทันทีที่เหล้าเข้าปากเธอก็ยิ่งประหลาดใจ

จากนั้นเธอก็มองไปที่คริสตินด้วยท่าทางแปลก ๆ เธอ……เปลี่ยนวอดก้าให้เป็นน้ำเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่? พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้ประมาทไม่ได้จริง ๆ!

คริสตินเพียงแค่ยิ้มอย่างสดใสมากขึ้น จากนั้นโน้มตัวไปข้างหูเธอและพูดด้วยเสียงต่ำ “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันสามารถช่วยคุณได้ เชื่อใจฉันสิ!”

ซูย้าวยังคงคิดว่าเธอแค่ล้อเล่นและไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเธอสักเท่าไหร่ หลังจากผ่านไปหลายวันค่อยนึกถึงบทสนทนาในคืนนี้ เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน

หลังงานเลี้ยงในคืนนี้เลิกเวลาก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว

ไซม่อนและลี่เฉินซีพูดคุยกันในงานแต่ก็ดื่มไปไม่น้อย ทั้งสองจึงเริ่มติดลมและชวนกันไปต่อที่บาร์ใกล้ ๆ แห่งหนึ่ง จนถึงกลางดึกค่อยเลิกรากันไป

คริสตินพยุงไซม่อนที่ดื่มจนเมาแล้ว คอนโดทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากร้านจึงกลับได้อย่างสะดวก แต่โรงแรมของลี่เฉินซีและซูย้าวนั้นอยู่ค่อนข้างไกล จึงจำเป็นต้องเรียกรถไปส่ง

ปารีสเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง ท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืน ซูย้าวรู้สึกอ่อนเพลียกับเวลาที่แตกต่างจากประเทศของตัวเอง เธอเริ่มรู้สึกง่วงและค่อย ๆ นอนหลับไปในรถ

เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าคนขับรถเป็นคนปลุกเธอ

เธอพยุงลี่เฉินซีลงจากรถและยืนส่งคนขับรถขับออกไป จากนั้นเธอหันกลับไปถึงพบวว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรมที่ทั้งสองพักก่อนหน้านี้ แต่มันเป็น……

วิลล่าแปลก ๆ ที่หนึ่ง

ยังอยู่นอกเมืองด้วย

พูดตามความเป็นจริงมันน่าจะเป็นกระท่อมเล็ก ๆ เหมือนฟาร์มปศุสัตว์หลังหนึ่ง เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเพียงทุ่งหญ้าเขียวขจีและนอกจากบ้านหลังนี้แล้วไม่มีใครอยู่อีกเลย

นี่มัน……

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาก็พบว่าไม่มีสัญญาณ!

มันเข้าข่ายหนังสยองขวัญของชาวต่างชาติใช่ไหม เพราะฉากแรกต้องไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก่อน?!

แวบแรกในสมองซูย้าวคิดถึงสิ่งนี้ ความคิดที่น่าประหลาดใจนั้นสับสนวุ่นวายและไม่มีที่ที่จะให้ระบายได้ เพราะผู้ชายร่างสูงใหญ่ข้างเธอที่หนักเท่าภูเขากำลังอยู่ในสภาพมึนเมาและกดทับเธอไว้

เธอพยายามพยุงเขาไปถึงวิลล่านั้น เธอเคาะประตูแต่พบว่าประตูไม่ได้ล็อคไว้ เธอจึงเปิดประตูเข้าไป

ในบ้านนั้นมืดสนิทและดูเหมือนไม่มีใครพักอาศัยอยู่

บ้านว่างเปล่าหลังหนึ่งอยู่ในชนบทห่างไกลและไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย

มันจะเป็นเหมือนหนังสยองขวัญไหม?

เธอกลืนน้ำลายแล้วพยายามคลำหาสวิตช์ไฟบนผนัง และเมื่อไฟเปิดสว่างแล้วเธอถึงพบว่าในบ้านร้างนี้ดูสะอาดมาก

ลี่เฉินซีเมามาก เขาโอบเอวอันเรียวบางของเธอด้วยแขนใหญ่ยาวข้างเดียวของเขา ด้วยความแข็งแรงและไม่รอให้ซูย้าวดิ้นรน เขายกเธอขึ้นแบกเธอไว้บนบ่าแล้วเข้าไปในวิลล่าทันที

อาจเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาไม่เคยชินสักเท่าไหร่ แต่เขากลับไม่เลือกสถานที่เลย เขาโยนเธอลงบนโซฟาแล้วกดทับเธอไว้แน่น ๆ จากนั้นเริ่มเปิดศึกกับเธอตามประสาคนเมา

ซูย้าวตกใจกับพฤติกรรมของผู้ชายคนนี้มาก เขาเป็นสัตว์โลกที่ใช้ขบวนการความคิดจากช่วงล่างเท่านั้น ทำ……ได้ทุกที่เลยจริง ๆ

ไร้คำบรรยาย!

เธอพยายามต่อต้านแต่ก็จนปัญญา เพราะเธอถูกต้อนเข้ามุมและขยับตัวไม่ได้อีก

เธอทำได้เพียงเผชิญกับความบ้าคลั่งของเขาโดยดี

ชายคนนี้กำลังเสพสุขแต่ยังไม่ถึงที่สุด ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น มีคน ๆ หนึ่งพังประตูบ้านเข้ามา

ซูย้าวตกใจมาก เธอรีบดึงเสื้อผ้ามาคลุมร่างด้วยความตื่นตระหนก ส่วนลี่เฉินซีก็ถูกรบกวนด้วยเช่นกัน เขาลุกขึ้นด้วยสีหน้ามึนเมาและยังไม่ทันใส่เสื้อก็ถูกชายคนที่พังประตูเข้ามาซัดหน้าเขาอย่างจัง

เนื่องจากลี่เฉินซีไม่ทันได้ตั้งตัวบวกด้วยอาการมึนเมา เขาถูกชายคนนั้นอัดจนร่วงลงกับพื้นด้วยหมัดเดียว

ซูย้าวกำลังจะลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่รูปร่างคู่ต่อสู้นั้นสูงใหญ่เกินไป เขากระโจนเข้าหาลี่เฉินซีแล้วออกหมัดอย่างไม่ยั้ง เขาคิดว่าคนเมาคงไม่มีทางสู้ แต่ลี่เฉินซีพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถแล้วลุกขึ้นสู้กับเขาจนได้

แต่ถึงอย่างไรสำหรับคนเมาแล้วสมองก็จะสั่งการช้ากว่าอยู่ดี การเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าศัตรูมาก โดยที่ไม่ทันตั้งตัว คนร้ายก็ชักมีดออกมาแล้วพยายามแทงไปที่หน้าท้องของเขา เขาพยายามหลบมีดแต่ก็ถูกบาดที่แขน

เลือดไหลลงมาเต็มพื้นทันที

คนร้ายรู้สึกตกใจและรีบหนีไปพร้อมกับมีดในมือ

หลังเกิดเหตุซูย้าวยังคงช็อกกับภาพที่เห็น เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขาแล้วฉีกชุดที่สวมอยู่มากดทับบาดแผลที่แขนของเขาเพื่อพยายามห้ามเลือด

จากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

โทรเรียกรถพยาบาล

สายโทรติดแล้ว แต่เธอก็พูดไม่ได้อยู่ดี เธอมองไปที่ลี่เฉินซีที่เพิ่งต่อสู้กับคนร้ายอีกครั้ง ด้วยอาการมึนเมาและอาการบาดเจ็บจึงทำให้เขาในตอนนี้หมดสติไปแล้ว แล้วเธอต้องทำอย่างไร?!

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

Status: Ongoing

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท