บทที่ 136 เธอไม่มีทางทำร้ายเขา
“เป็นถึงภรรยา สามีนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ควรที่จะไปเฝ้าปรนนิบัติอยู่ข้างเตียงไม่ใช่เหรอ ดูเธอซิ เอาแต่อยู่บ้านทั้งวัน เหมือนอะไรก็ไม่รู้!”
เจี่ยงเวินอี๋เดิมทีก็ไม่ชอบซูย้าวอยู่แล้ว เมื่อมีจุดให้จับผิดได้จึงหัวร้อนขึ้นทันใด และตำหนิต่างๆนานา
เธอโอ๋หลานน้อยไปด้วย ตำหนิไปด้วย “ฉันไม่เคยคาดหวังให้เธอรู้การรู้งานมาหรือมาเอาใจใส่ แต่ว่าเรื่องง่ายๆแบบนี้ก็คงน่าจะทำเป็นนะ พูดไม่ได้ยังไม่พอ คิดไม่ถึงว่ายังซื่อบื้ออีก!”
“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบนำซุปโสมที่ฉันเอามาไปส่งให้เฉินซีที่โรงพยาบาลสิ แล้วต้องกำชับว่าทานให้หมดนะ เขาได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและกระดูก ร่างกายต้องการบำรุง!”
เจี่ยงเวินอี๋พูดฉอดๆ จนรู้สึกเหนื่อย จึงได้อุ้มหลานแล้วนั่งลง
ซูย้าวฟังคำพูดของแม่สามี ที่ต้องการให้เธอไปเยี่ยมเฉินซีที่โรงพยาบาล?!”
รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ต้องการเจอตัวเอง แต่แม่สามีพูดขนาดนี้ เธอจะทำอย่างไรได้เล่า ทำได้เพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นถือซุปโสมของเจี่ยงเวินอี๋แล้วออกจากบ้านไป
ทันทีที่เธอออกที่นี่ เจี่ยงเวินอี๋ก็ส่ายหัวขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ แล้วหันมาพูดกับแม่บ้าน “ดูสิ ผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้ ทำฉันโมโหแทบจะบ้าตาย! ไม่แปลกใจเลยที่เฉินซีไม่ถนอมเธอ ผู้หญิงแบบนี้ ใครจะชอบได้ลง”
ช่วงนี้ข่าวของลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงมีการลือไปทั่ว ทางฝั่งสื่อก็ยิ่งตื่นเต้น ต้องการให้เป็นเรื่องจริง จะได้ทำข่าว แล้วป่าวประกาศไปทั่ว
เวลานี้ ซูย้าวที่เป็นภรรยาที่ถูกต้อง กลับไม่เคยปรากฏตัวให้โลกได้เห็นว่ามีลักษณะอย่างไร
ถึงแม้ว่าเจี่ยงเวินอี๋จะต้องการให้ลูกชายตัวเองทำการอย่ากับเธอ แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้หย่า แม้ว่าจะไม่ยอมรับตัวเธอ แต่ซูย้าวก็ยังคงเป็นลูกสะใภ้ของเธอ เป็นคุณผู้หญิงของบริษัทลี่ซื่อ เกียรตินี้ยังคงต้องรักษาไว้
ไม่ใช่ว่าซูย้าวจะไม่เข้าใจในความกังวลของเจี่ยงเวินอี๋ เธอก็อยากทำหน้าที่ภรรยาที่ดี อยากจะอยู่ข้างๆเขา แต่ทางฝั่งโรงพยาบาล ไม่ต้องการเธอจริงๆ…..
ในหัวสมองผุดภาพที่บังเอิญไปเจอตอนที่ไปโรงพยาบาลครั้งก่อน ในใจของซูย้าวเหมือนมีก้อนหินมาทับไว้ ภาพกับคำสนทนานั้น เธอไม่ต้องการที่จะได้ยินเป็นครั้งที่สองอีก ทำการสูดหายใจเข้าลึกๆ และให้คนขับรถแท็กซี่ขับวนไปวนมาอยู่ในเมือง
เพื่อต้องการดึงเวลา และสุดท้ายค่อยไปวนอีกหนึ่งรอบที่โรงพยาบาล จากนั้นค่อยกลับบ้าน เจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่วสามารถจับผิดได้ และก็ไม่สร้างความรำคาญให้กับลี่เฉินซี
การแต่งงานครั้งนี้ ตอนนี้ทำให้พวกเขาเหมือนกับกำลังเดินไต่เชือกอยู่ ถ้าไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะเกิดผลต่างๆตามมา
เธอไม่สามารถที่จะรับความเสี่ยงนั้นได้ ต้องการให้เขารักเธอ นั่นเป็นสิ่งที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่สิ่งที่เธอต้องทำเป็นลำดับแรก ก็คือการพยุงการแต่งงานครั้งนี้ไปให้ได้
วนอ้อมอยู่ในเมืองตั้งหลายรอบ ซูย้าวถึงได้ดูนาฬิกา บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ตอนนี้รีบไปที่โรงพยาบาล วางซุปเสร็จแล้วกลับ เจี่ยงเวินอี๋จะต้องจับผิดอะไรไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงได้ให้คนขับรถขับไปที่โรงพยาบาลเซ็นเดอร์
แต่ผิดคาดตรงที่ซูย้าวไม่บังเอิญไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเหมือนครั้งก่อน ตรงกันข้าม กลับเจอกับซัวฉ่ายลี่
เมื่อเธอลงมาจากลิฟต์ ก็เห็นซัวฉ่ายลี่ เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผู้ป่วยวีไอพี ด้วยท่าทางที่คร่ำเครียด
เมื่อซัวฉ่ายลี่เงยหน้าขึ้น เห็นซูย้าวราวกับเห็นแสงสว่าง รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยรองเท้าส้นสูง แล้วจับมือของซูย้าวไว้ “ย้าวย้าว ไม่ว่าจะอย่างไรครั้งนี้เธอก็ต้องช่วยน้านะ ช่วยหยวนหยวน!”
ที่แท้ก็เป็นเรื่องของซูหยวนนี่เอง
ซูย้าวค่อยๆดึงมือตัวเองกลับ แล้วสื่อให้เธอว่ามีอะไรค่อยๆพูด
“ฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ หยวนหยวนเด็กคนนี้ถูกฉันตามใจจนเหลิงจนไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดื้อรั้นเอาแต่ใจและคอยสร้างปัญหา แต่เรื่องจ้างคนมาทำร้ายคน เธอไม่มีทางทำได้! ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!” ซัวฉ่ายลี่ลนจนพูดติดๆขัด และไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรถึงจะดี
ลูกสาวก็เปรียบเสมือนหัวใจของตัวเอง เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้ ซูหยวนได้ถูกจับกุมไปแล้ว ต้องรอขึ้นศาลอย่างเดียว ถ้าพิจารณาแล้วว่ามีความผิดจริง อย่างต่ำๆก็ถูกตัดสินจำคุกหลายปี ซัวฉ่ายลี่จึงสับสนไปหมด
เธอจึงดึงมือซูย้าวขึ้นอีกครั้งแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็เป็นพี่สาวของเธอ ในตัวของพวกเธอมีสายเลือดเดียวกัน และหยวนหยวนยังเป็นเด็ก! ถ้าถูกตัดสินจริงๆ แล้วเธอจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร”
ซัวฉ่ายลี่หมดหนทางแล้วจริงๆ เซียวควนก็เข้าไปอยู่ในเรือนจำ บริษัทซูซื่อก็เพิ่งประกาศว่าล้มละลาย แล้วยังหนี้สินที่ก่ายกองมากมายอีก ตระกูลซูที่สวยงามในอดีต ตอนนี้กำแพงถล่มคนก็แยกย้าย ผู้คนที่เคยไปมาหาสู่ก็เงียบหาย เมื่อเกิดเรื่อง อยากหาใครสักคนเพื่อช่วยเหลือก็ไร้วี่แวว
“ถือว่าน้าขอร้องเธอแล้วกันนะ ย้าวย้าว ตระกูลซูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันอยากหาคนมาช่วยก็หาไม่ได้สักคน มีเพียงเธอเท่านั้นแล้ว!”
ทีแบบนี้นึกถึงซูย้าว นึกถึงความดีขึ้นทันที หรือว่าลืมไปแล้วตอนนั้นตอนที่วางยาท่านพ่ออย่างโหดเหี้ยม และวางยาเธอจนเป็นใบ้
จ้องมองหญิงที่อยู่ตรงหน้า หลายปีมานี้ ความเมตตาที่เหลืออยู่ในก้นบึ้งหัวใจของซูย้าวก็ถูกซัวฉ่ายลี่ใช้ไปจนหมด เหลือไว้เพียงความเย็นยาและการเหยียดหยาม
เธอดึงมือกลับอย่างไม่แยแส ใบ้ด้วยภาษามือขึ้น “เรื่องที่ซูหยวนร่วมมือกับจางฝูฉาย เป็นการสืบสวนของทางตำรวจ หลักฐานพยานพร้อม ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าหากคุณอยากช่วยเธอจริงๆ ก็ให้หาทนายเก่งๆสักสองสามคนมาช่วยทำคดี!”
เมื่อเห็นเธอปัดปฏิเสธ ไม่อยากจะให้การช่วยเหลือ หว่างคิ้วของซัวฉ่ายลี่ก็ยับขึ้น สีหน้าหม่นลงทันที “ก็บอกแล้วว่าตำรวจต้องสืบสวนผิดพลาดแน่ๆ หยวนหยวนไม่มีทางที่จะทำร้ายเฉินซีอย่างแน่นอน เธอชอบเฉินซีขนาดนั้น แล้วจะทำร้ายเขาได้อย่างไร!”
ทันใดนั้นด้วยความลนลานเกินไปของซัวฉ่ายลี่
ลนลานในการอยากปกป้องแก้ต่างให้ลูกสาว โดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อน จนกระทั่งคำพูดนั้นเปล่งออกมาจากปาก ถึงสัมผัสได้ถึงความยะเยือกในดวงตาของซูย้าว จากนั้นก็รู้สึกเสียใจขึ้น
แต่สิ่งที่พูดไปแล้ว ยากที่จะเอากลับคืนมาได้ แล้วก็สายเกินไปที่เธอจะคิดแก้ตัว
“หยวนหยวนเธอ…..แม้ว่าเธอจะชอบเฉินซี แต่ก็ไม่เคยที่จะคิดทำลายความเป็นสามีภรรยาของพวกเธอ! ซูย้าว เธออย่าเข้าใจผิดนะ…..”
นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจผิด
ในหัวของซูย้าวหวนคิดถึงก่อนที่เธอจะคลอดเจิ้งเอ๋อ มีครั้งหนึ่งที่กลับไปตระกูลซู แล้วได้ยินคำสนทนาของสองแม่ลูก ว่าจะว่าจ้างหมอทำคลอด ทำให้เธอตายในระหว่างคลอด และแย่งลูกของเธอมา!
เธอไม่ใช่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เพียงแต่เรื่องที่เคยเกิดขึ้น และประสบด้วยตัวเอง สามารถลืมได้เพียงชั่วคราว แต่ไม่สามารถที่ลบออกไปจากความจำได้
ซูย้าวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้ม แล้วใช้ภาษามือพูด “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด แต่สำหรับเรื่องของซูหยวน ฉันก็จนปัญญาจริงๆ”
“ซูย้าว เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้!” ซัวฉ่ายลี่เครียดจนโกรธขึ้นมาทันที แล้วก็จับมือของเธอไว้ไม่ปล่อย “อย่างน้อยๆเขาก็เป็นพี่สาวของเธอ ทำไมเธอถึงใจร้ายอย่างนี้ อีกอย่าง ฉันก็เป็นคนที่ชุบเลี้ยงเธอมาจนเติบใหญ่! เธอยังไม่ทันได้ตอบแทนการเลี้ยงดู ก็คิดอยากที่จะทำลายพวกเราแทนแล้วเหรอ”
คุยกับเธอด้วยเหตุผลนั้นช่างยากจริงๆ ซูย้าวหมดความอดทนจึงอยากจะยกมือขึ้นเพื่อดึงมือกลับ แต่จนปัญญาเพราะซัวฉ่ายลี่นั้นจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ขอเพียงเธอไปขอร้องกับเฉินซี ให้เขาถอนฟ้องคดีทุกอย่างก็จบแล้ว! หยวนหยวนต้องถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอน ซูย้าว เธอช่วยหน่อยจะได้ไหม”
ซูย้าวหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ส่ายหัวอย่างแน่วแน่
ไม่ต้องพูดถึงว่าลี่เฉินซีจะถอนฟ้องคดีหรือไม่ แค่คิดถึงสิ่งที่ซูหยวนกับซัวฉ่ายลี่เคยกระทำไว้ในอดีต อารมณ์โกรธที่อยู่ในใจก็เดือดขึ้น และก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย
มนุษย์นะไม่ใช่พระเจ้า ซูย้าวก็เช่นกัน
เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเป็นคนใบ้ที่ซื่อบื้อถูกรังแกตลอดไป เป็นคนโง่ที่โดนดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ครั้งแล้วครั้งล่าที่ต้องทำเพื่อคนอื่น!
ซัวฉ่ายลี่ถูกเธอเพิกเฉยใส่ จึงได้คว้าแขนของเธอแล้วเขย่าอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็ง้างมือขึ้นตบเธอหนึ่งที! เสียงตบดังเพี้ยะดังอยู่ในระเบียงทางเดินที่กว้างใหญ่ จนดึงดูดสายตาคนไม่น้อยให้หันมามอง
“เธอมันคนอกตัญญู! ฉันอุตส่าห์เลี้ยงเธอมา! ไม่ว่าจะอย่างไร เธอจะต้องช่วยซูหยวนให้ได้!”
เมื่อเธอพูดจบลง ก็มีเสียงไพเราะของชายหนุ่มลอยเข้ามา กระทบเข้าที่ใบหูของพวกเขาสองคน เสียงทุ้มต่ำชวนหลงใหล
“คุณให้เธอช่วย ช่วยด้วยวิธีใดเหรอครับ”