เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 139

ตอนที่ 139

บทที่ 139 คุณอาบน้ำให้ผมหน่อย

“ให้เธอดูแลลูกเหรอ”

เจี่ยงเวินอี๋พูดซ้ำด้วยความประหลาดใจ แล้วยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา จากนั้นก้มลงมองหลานตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน “แม้แต่ลูกน้อยเธอยังดูแลไม่เป็น แล้วจะดูแลลูกได้อย่างไร”

ลี่เฉินซีไม่ถือสาของแม่ตัวเอง เขารู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงได้ถอดชุดสูทออก แล้วส่งให้ซูย้าว จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา

นานแล้วที่ไม่ได้เจอกับลูกชาย เขาจึงหันไปมองทางลูกชายแล้วปรบมือใส่ ทำท่าทางเพื่อต้องการจะอุ้มเขา แต่ว่าเจิ้งเอ๋อตาโตมองเขาปริบๆจากนั้นก็ผลักมือของเขาออก บ่งบอกการปฏิเสธ!

ท่าทางที่ไร้เดียงสานี้ ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้น

แต่เจี่ยงเวินอี๋ที่อุ้มเด็กน้อยอยู่กลับพูดขึ้น “เป็นเพราะลูกเอง วันๆเอาแต่ยุ่งอยู่งาน ไม่มีเวลามาเล่นกับลูก จนเจิ้งเอ๋อจะลืมลูกไปแล้ว!”

ลี่เฉินซียักไหล่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอุบัติเหตุทั้งรถยนต์ครั้งนั้น แต่ละวันของเขานั้นช่างยุ่งจริงๆ จนบางครั้งแม้แต่นั่งลงดื่มกาแฟดีๆสักครั้งก็แทบจะไม่มีเวลา

“เมื่อวันหนึ่งเจิ้งเอ๋อเติบโตขึ้น แล้วไม่รู้จักพ่อคนนี้ ดูซิว่าจะทำอย่างไร!” เจี่ยงเวินอี๋พูดขู่เขา

จากนั้นก็อุ้มลูกน้อยขึ้น

“เจิ้งเอ๋อเด็กดี นี่พ่อเอง เรียกพ่อซิ!”

เจิ้งเอ๋อยังคงกะพริบตาปริบๆ แล้วเอียงหัวมองลี่เฉินซี มือน้อยๆก็เกามือขึ้น คล้ายกับว่ายังไม่คุ้นเคย

ลี่เฉินซียื่นมือไปจับแก้มน้อยๆของลูกน้อย “ไม่เป็นไร ลูกของผม ไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่มีทางที่จะจำผมไม่ได้!”

“อย่างนั้นลูกก็หาเวลามาเล่นกับลูกบ้างสิ!” แม่พึมพำ แต่ก็ดูออกว่าลี่เฉินซีเพิ่งทำการผ่าตัด ร่างกายยังไม่แข็งแรง สีหน้าดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่

ซูย้าวนำชุดสูทของเขาไปแขวนเสร็จ ไม่อยากจะรบกวนสองแม่ลูกคุยสนทนากันในห้องรับแขก จึงได้เข้าห้องครัวไปช่วยพี่เลี้ยงทำกับข้าว

อาการของลี่เฉินซีที่ไม่ค่อยดี อ่อนเพลีย คุยสนทนากับแม่อยู่นานสองนาน และก็ยกนาฬิกาที่มือขึ้นมาดู จากนั้นก็บอกให้เจี่ยงเวินอี๋กลับไปได้แล้ว

แต่เจี่ยงเวินอี๋กลับยังไม่วางใจ โดยเฉพาะอาการของลูกชายแบบนี้ ลุกขึ้นหยิบกระเป๋า จากนั้นก็เดินช้าๆแล้วกำชับขึ้น “ลูกเพิ่งผ่าตัดไปไม่กี่วัน แผลผ่าตัดยังไม่หายดี ออกจากโรงพยาบาลได้อย่างไร ลูกนี้ช่างจริงๆเล้ย โตจนป่านนี้แล้ว ยังจะเอาแต่ใจอีก!”

เผชิญหน้ากับความขี้บ่นของแม่ เขาก็เข้าใจดีจึงยิ้มขึ้น และก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ

เจี่ยงเวินอี๋ขี้บ่นมากไป เขาจึงพูดขึ้น “ร่างกายของผม ผมรู้ดี ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“ลูกก็มักจะพูดว่าไม่เป็นไรเสมอ แล้วถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ยังไงก็ให้คุณหมอมาตรวจดูที่บ้านหน่อยไหม!”

น้ำเสียงนั้นแทบจะเรียกบรรพบุรุษ!

“ไม่เป็นไรจริงๆ มีซูย้าวคอยดูแลผมอยู่นะ!” เขากล่าว

เมื่อเอ่ยถึงซูย้าว เจี่ยงเวินอี๋ก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างจนปัญญา วางใจไม่ลงจริงๆ “เธอเป็นเพียงคนใบ้คนหนึ่ง พูดก็ไม่ได้ แม้แต่เจิ้งเอ๋อยังดูแลได้ไม่ดี แล้วจะดูแลลูกได้อย่างไร ไม่ได้! แม่ไม่กลับแล้ว!”

“…..”

แล้วเจี่ยงเวินอี๋ก็พยุงลูกชายตัวเองขึ้นไปชั้นบน พลางเดินพลางพูด “ลูกเป็นแบบนี้ ต่อให้แม่กลับไป ก็คงพักผ่อนไม่ลง!”

จากนั้นก็สั่งให้แม่บ้านเรียกคุณหมอหลินมา

ซูย้าวจึงเดินตามต้อยๆๆอยู่ด้านหลัง แต่ในใจรู้สึกหงุดหงิด ก่อนหน้านี้ที่ไปโรงพยาบาล ลี่เฉินซียังบอกว่าครั้งต่อไปให้พาลูกชายไปด้วย ทำไมจู่ๆถึงกลับมาที่บ้าน โตจนป่านนี้แล้ว ก็ยังจะเอาแต่ใจอีก!

“แม่รู้ว่าตั้งแต่เล็กจนโตลูกไม่ค่อยชอบคุณหมอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ลูกไม่สบาย ก็ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล! กลับมาทรมานแบบนี้ ถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำอย่างไร”

เจี่ยงเวินอี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว แล้วก็ยิ่งไม่กล้าชะล่าใจ รีบให้แม่บ้านรีบไปเชิญคุณหมอหลินมา

เมื่อพยุงลี่เฉินซีขึ้นไปที่ห้องแล้ว หลังจากที่เห็นเขาเอนตัวลง เจี่ยงเวินอี๋ยังคงไม่วางใจ กำชับซูย้าวขึ้นอีกครั้ง “กลางคืนนอนหลับอย่านอนให้มันลึกมาก ถ้าหากเฉินซีเจ็บตรงไหน ก็ให้รีบมาบอกฉัน!”

เธอพยักหน้า

“ยังมีอีก เดี๋ยวถ้าคุณหมอมาล้างแผลให้กับเขา เธอก็ต้องยืนดูอยู่ข้างๆ ในเมื่อเฉินซีเขาต้องการให้เธอดูแล อย่างนั้นเธอก็ต้องดูแลให้ดี ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น เธอก็…..”

ยังไม่ทันพูดจบ ลี่เฉินซีขัดจังหวะขึ้น “พอแล้วครับแม่ แม่ออกไปเถอะ!”

เจี่ยงเวินอี๋ส่ายหัวขึ้นแล้วถอนหายใจ ขณะที่เดินออกไป ก็ได้กำชับขึ้นอีกหลายครั้ง เนื่องจากอาการป่วยของลี่เฉินซี ส่งผลให้ทานอาหารเย็นไม่ค่อยลง

ซูย้าวช่วยพี่เลี้ยงล้างจานชาม เมื่อเธอทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยถึงได้ขึ้นไปบนตึก แล้วเห็นว่าคุณหมอได้มาแล้ว กำลังยืนอยู่ข้างเตียงหยอดน้ำเกลือให้กับบี่เฉินซี และลี่เฉินซีนอนหลับตาอยู่บนเตียง ดูคล้ายจะอ่อนเพลีย

ซูย้าวจึงเข้าไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนที่ห้องน้ำ รอให้คุณหมอหยอดน้ำเกลือเสร็จ เธอถึงเดินเข้าไป แล้วก้มลงไปช่วยเขาเช็ดหน้าเบาๆ

เมื่อผ้าขนหนูสัมผัสถึงผิวหนังของเขา เขาก็ลืมตาขึ้น ระยะห่างที่ใกล้กันมาก ดวงตาของเขาประกายวับ จ้องมองดวงตาที่กลมโตของซูย้าว อีกทั้งนิ้วมือที่เรียวสวย รวมไปถึงเอวที่บอบบางของเธอ กระดุมเสื้อเชิ้ตที่อยู่ต่ำ ทำให้เห็นถึงทัศนียภาพทั้งหมดของฤดูใบไม้ผลิ ตราตรึงอยู่ในดวงตา

ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา ยิ้มลุ่มลึกมากขึ้น

ลี่้เฉินซีจ้องมองเธอตาลุกโชน สายตากวาดมองใบหน้าที่งดงาม จนทำให้ซูย้าวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และช่วยเขาเช็ดหน้าอย่างลนลาน จากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อหลบไป

ขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น ก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มลอยมาจากด้านหลัง “ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงผมไหม”

เสียงทุ้มต่ำของเขาที่ต่ำมาก พร้อมกับเสียงแหบแห้ง ซูย้าวชะงัก ความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามอดกลั้นอย่างมีสติ ไม่แสดงท่าทีผลีผลาม

วินาทีถัดมา ลี่เฉินซีคว้ามือของเธอขึ้นอย่างฉับพลัน ถึงแม้จะยังป่วยอยู่ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงมีพลัง จับมือของเธอไว้อย่างแน่นหนาและไม่ยอมปล่อย

ซูย้าวรู้สึกตกใจ เขากลับหลับตาขึ้น จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้ามาทางตัวเอง บังคับให้ซูย้าวนั่งลงบนเตียง แล้วฟังเขาพูด “คืนนี้คุณนอนเป็นเพื่อนผมนะ”

เป็นเพื่อน……

ซูย้าวถึงกับเช็ดเหงื่อ เป็นเพื่อนแบบไหน

แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่านิสัยเอาแต่ใจและกลับมาบ้านกะทันหันของลี่เฉินซี ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมดจริงๆ

หวางอี้เห็นว่าที่โรงพยาบาลไม่มีคน ก็กระวนกระวายขึ้น โทรศัพท์ไปทุกที่ จนกระทั่งรู้ว่าเถ้าแก่กลับมาถึงบ้านแล้ว จิตใจถึงได้ผ่อนคลายลง

คุณหมอหลินที่ดึกๆดื่นๆก็ต้องมาที่บ้านตระกูลลี่ เจี่ยงเวินอี๋ที่ไม่ต้องการให้คุณหมอกลับ กังวลว่าบาดแผลของลี่เฉินซีจะติดเชื้อ กลัวว่าเป็นไข้ ฯลฯ

ยิ่งซูย้าวแล้วไม่ต้องเอ่ยถึง

เจี่ยงเวินอี๋ที่ยืนอยู่นอกประตู ได้พูดขึ้น “คืนนี้ฉันพักอยู่ห้องข้างๆ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้รีบมาบอกฉัน อย่ารีรอ จำไว้!”

เธอขมวดคิ้วอย่างอึดอัดใจ

แม่สามีนอนอยู่ห้องข้างๆคุณหมอหลินจัดให้อยู่ในห้องถัดไปอีกด้านหนึ่ง ถูกขนาบข้างเช่นนี้ จะเฝ้าดีเกินไปไหม!

คุณหมอและเจี่ยงเวินอี๋ได้ออกจากห้องไปแล้ว ประตูห้องนอนได้ถูกปิดลง ลี่เฉินซีได้พยายามลุกขึ้นนั่งด้วยร่างกายที่อ่อนแอ แล้วปลดกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่ประณีต เซ็กซี่สุดๆ

“มานี่ … ” เขากวักมือเรียกเธอราวกับออกคำสั่ง “ช่วยฉันเปลี่ยนชุดนอนหน่อย!”

เธอสูดลมหายใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว

พอออกมาอีกที ในมือก็มีชุดนอนผ้าฝ้ายของผู้ชาย แล้วยืนอยู่ข้างเตียง ลงมือช่วยเขาถอดเสื้อ

“ ไม่อาบก่อนเหรอ” จู่ๆเขาก็เลิกคิ้วถาม

ซูย้าวขมวดคิ้ว อาบน้ำเหรอ ด้วยร่างแบบนี้เนี่ยะนะ หน้าอกยังคงมีรอยบาดแผลที่ยังไม่หายดี แม้แต่ไหมก็ยังไม่ตัด แล้วจะอาบน้ำอย่างไร

เขากลับใช้มือใหญ่ๆจับมือน้อยๆของเธอไว้ วางอำนาจแต่ก็แฝงด้วยความดื้อรั้นของเด็กน้อย “อาบน้ำให้ผมก่อน ไม่อย่างนั้นผมนอนแล้วจะรู้สึกไม่สบายตัว!”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

Status: Ongoing

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท