บทที่ 144 แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ลี่เฉินซีไม่ค่อยได้มาโรงพยาบาล เมื่อเขาได้มาแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสนี้ เธอจูงมือของเขาไปหาหมอ ตรวจร่างกายอีกครั้ง ตรวจว่าแผลหายดีหรือยัง ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ตัดไหมได้
โดยปกติแล้วหลังจากผ่าตัดเจ็ดวัน ก็สามารถตัดไหมได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ลี่เฉินซีไม่สนใจคำแนะนำของหมอ กลับบ้านเองโดยพลการ จึงไม่ได้ตัดไหม แต่ตอนนี้ได้ตรวจอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าแผล/ม่เป็นอะไรแล้ว จึงตัดไหม
จะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเจิ้งเอ๋อไม่ได้ ซูย้าวเห็นว่าเขายอมเชื่อฟัง นั่งรอหมอตัดไหมและทำแผลแต่โดยดี จึงรีบกลับไปที่ห้องผู้ป่วยก่อน
เมื่อเธอเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ของลี่เฉินซีก็ดังขึ้น
“ฉ่ายหลิง เกิดอะไรขึ้น? คุณค่อยๆพูด…”
ณ วินาทีนั้น เสียงที่อ่อนหวาน ลมฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น ค่อยๆพัดผ่านหัวใจของเขา
และความอ่อนโยนนี้ กลับเป็นเพื่อคนอื่น
ไม่อยากจะอยู่ต่อเลยสักวินาทีเดียว และยิ่งไม่อยากจะพูดกับเขาสักคำ มันทิ่มแทงหัวใจของเธอจนไม่มีชิ้นดีแล้ว
ซูย้าวรีบก้าวออกไป กลับไปดูแลลูกชายของเธอ
เจิ้งเอ๋อน่ารักมาก ให้ยาที่ห้องผู้ป่วยโดยลำพัง ไม่ร้องไห้งอแงสักนิด แม้กระทั่งเข็มที่ปักอยู่บนมือยังไม่ขยับ นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดูจากสภาพคงเป็นเพราะไข้หวัดเล่นงานหนูน้อยเสียจนหมดแรง
เธอนั่งลง ลูบใบหน้าของลูกชายด้วยความอ่อนโยน เจิ้งเอ๋อยังพยายามฝืนยิ้มให้เธอ ชื่นใจมาก
ซูย้าวอยู่กับลูกชายอีกสักพัก เจิ้งเอ๋อง่วงมาก ผ่านไปไม่นานก็ผล็อยหลับไป ซูย้าวจึงถือโอกาสนี้ออกไปดูลี่เฉินซี ไม่รู้ว่าหลังจากเอาไหมออก จะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่บทที่เธอเดินมาถึงห้องทำงาน กลับเจอหมอเพียงคนเดียว ลี่เฉินซีไม่อยู่เสียแล้ว
“คุณนายลี่ เมื่อสักครู่ท่านประทานลี่ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เหมือนกับมีเรื่องเร่งด่วน เขาตัดไหมเสร็จก็รีบออกไปเลย!” คุณหมอกล่าว
เธอค่อยๆพยักหน้า แล้วเดินออกไป กลับไปยังห้องผู้ป่วย เพื่อดูแลลูกชายอีกครั้ง
ที่บริษัทHS หานฉ่ายหลิงเพิ่งสิ้นสุดการตรวจสอบ ทำให้บริษัทดำเนินกิจการได้อีกครั้ง เรื่องส่วนมากนั้นกำลังรอเธอจัดการอยู่
ช่วงนี้หานฉ่ายหลิงเหนื่อยมาก
เรื่องต่างๆ ต่อให้เธอไม่หลับไม่นอน ก็ไม่มีทางทำมันหมด และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้คนเก่าแก่ในบริษัทHSออกไปเยอะมาก คนที่เหลืออยู่ ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจบริษัทสักเท่าไหร่ ต่างก็กำลังออกตามหาบริษัท ขอแค่ได้ยินมีรับสมัคร ก็พร้อมที่จะหิ้วกระเป๋าออกทันที ไม่คิดเลยแม้แต่น้อย
ส่วนที่เหลืออยู่และยังไม่ไป ก็เป็นพวกคนที่ได้รับเมตตาจากบริษัทHSเป็นอย่างมาก อยู่ด้วยใจจริงๆ!
ถึงแม้จะยุ่งมาก และบริษัทพัฒนาได้ช้ามาก อาจจะไม่มีทางกลับไปเทียบได้กับเมื่อก่อน แต่หานฉ่ายหลิงยังคงยืนหยัด อย่างไรซะก็เป็นสิ่งที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคุณพ่อ เธอไม่อยากจะทำลายมันด้วยมือเธอเอง
แต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะเกิดเรื่องขึ้น
มักมีเหล่ากรรมการบริษัทที่มักจะเอาหุ้นของบริษัทมาขู่เธอ ทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก เธอเตรียมตัวมาแล้วกับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่คิดว่าคนที่จะทำเรื่องพวกนี้ จะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท
ไม่ใช่แค่เจ้าสองเจ้า แม้กระทั่งเจ้าหนี้ของผู้ร่วมหุ้นกับบริษัทในหนึ่งปีมานี้ ต่างมารวมตัวกันที่ออฟฟิศ เรียกเงินจากเธอ
บริษัทHSประสบเคราะห์ครั้งนี้ พื้นที่ตึกส่วนมากก็เว้นว่างเอาไว้ จะกลับมาเริ่มต้นกิจการใหม่อีกครั้ง ต้องใช้เงินลงทุนมาก จะเอาเงินจากไหนมาคืนหนี้?
อย่างแรกคือประธานหลี่ของบริษัทซ่างกู่ เป็นพี่ใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถ้าเรียกตามที่ควร หานฉ่ายหลิงควรเรียกเขาว่าคุณอา แต่เมื่อประสบปัญหาการเงิน ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่เหลือชิ้นดี
ไม่ว่าตอนไหน ก็เป็นเช่นนี้เสมอ
“คุณหาน บริษัทซ่างกู่และบริษัทHS ผมและพ่อของคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมายาวนาน และครั้งนี้ที่บริษัทHSประสบปัญหา ผมก็ไม่ควรจะมาทวงหนี้ แต่ในตอนนี้มีบริษัทไหนที่ไม่ต้องการเงินบ้างล่ะ? และยิ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ด้วย!”
อีกฝ่ายเริ่มเสียงแข็ง พยายามพูดว่าตัวเองลำบาก ทำให้คนอื่นรอบๆก็เริ่มบ่น
หานฉ่านหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วจึงทำได้แค่ตอบว่า “ค่ะ ทุกคนต่างก็ลำบาก ฉันเข้าใจ แต่บริษัทHSติดหนี้ทุกคน ฉันไม่มีทางที่จะไม่คืนหรอกค่ะ ไม่ว่าอย่างไรจะคืนแน่ๆ แต่ต้องขอเวลาจากทุกคน เข้าใจไหมคะ?”
คุณหลี่มองเธอ แล้วตอบกลับ “ถ้าหากเป็นหนี้ไม่กี่แสนพวกเราก็ไม่มาทวงหรอก แต่จำนวนมันมากจริงๆ คุณหาน คุณยังอายุน้อย เรียนจบศิลปะจากเมืองนอก เรื่องอสังหาริมทรัพย์ไม่เหมาะกับคุณเลยสักนิด!”
“คุณอาหลี่…” หานฉ่ายหลิงกำลังอยากจะพูดตอบ แต่ถูกคุณหลี่พูดตัดตอน
เขาพูดว่า “วันนี้พวกเรามาไม่ได้อยากจะกดดันคุณ เอาแบบนี้ คุณหาน คุณขายทั้งบริษัทHSออกไปดีกว่า! บริษัทซ่างกู่ของเราจะซื้อขึ้นมาเอง หนี้ทั้งหมดให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา แค่คุณยอมขาย พวกเราไม่เพียงแต่คืนหนี้ให้คุณ ยังสามารถให้เงินคุณหานอีกจำนวนหนึ่งด้วย มันเป็นเรื่องที่ดีทั้งสองเลยไม่ใช่เหรอ?”
ที่แท้พวกเขามีแผนการเช่นนี้!
หานฉ่ายหลิงตาทอประกาย มองคุณหลี่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “คุณหลี่ ถึงตอนนี้บริษัทHSจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้ และอาจจะพัฒนาต่อไปได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของคุณพ่อดิฉัน ฉันไม่คิดจะขายทอดค่ะ”
“คุณหาน คุณอย่าใช้ทิฐิในการทำธุรกิจ คุณเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง จะแบกรักภาระหนี้ของบริษัทHSไว้ได้อย่างไร ตอนนี้ยอมปล่อยมือ ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณ ไม่ต้องรอจนถึงวันหลัง ถึงตอนนั้นบริษัทHSจะตกอยู่ในมือใครก็ไม่รู้!”
คนรอบๆเริ่มโห่ร้อง คำก่นด่าต่างๆเริ่มดังขึ้น
“ไม่ใช่! คุณเป็นเพียงหญิงสาว จะทำอสังหาอะไรกัน! บริษัทHSตกอยู่ในมือคุณมาสองปีกว่าๆแล้ว! ตอนแรกไม่กลับมาที่เมืองA แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว แสดงว่าขาดทุนจนใกล้จะหมดตัวแล้วแน่ๆ! เป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทHSจะจ่ายหนี้ไหวเหรอ?”
“ถือโอกาสตอนนี้ยังคุยกันได้อยู่ รู้ตัวเสียหน่อย ยังพอจะได้เงินอีกก้อน ไปเปิดบริษัทที่ตัวเองชอบ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เป็นคนต้องรู้จักถอยบ้าง ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนหวงสมบัติ! คุณยังติดเงินพวกเราก้อนใหญ่เลยนะ! อย่าลืมสิ!”
“คืนเงินมาเสียตอนนี้ ไม่อย่างนั้นจะขายหุ้นของบริษัททิ้ง! ยังไงวันนี้ไม่มีทางกลับบ้านมือเปล่าแน่นอน!”
“ใช่ เอาเงินมา!”
ท่าทางที่เปลี่ยนไปมาก ต่างเรียกขอเงินจากหานฉ่ายหลิง
หนี้พวกนี้รวมกันมีมูลค่ากว่าร้อยล้าน หานฉ่ายหลิงจะหาเงินมาจากไหนเยอะขนาดนั้น เธอเครียดจนขมวดคิ้วแน่น เหงื่อเม็ดใหญ่เกาะเต็มหน้าผาก
มือที่ร้อนรนเย็นเฉียบ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ถ้าไม่คืนเงินล่ะก็ เอาของมาขัดหนี้สิ! เอาโครงการของบริษัทที่คิดเอาไว้มาสิ พวกเราแยกจากกันเถอะ!” มีคนเสนอความคิดเห็น
หานฉ่ายหลิงตกตะลึง รีบลุกขึ้นมา “ไม่ได้นะ รายการพวกนั้นเป็นของบริษัทHS ไม่ใช่ว่าไม่คืน ไม่ต้องทำกันขนาดนี้ก็ได้!”
“ไม่ต้องทำกันขนาดนี้งั้นเหรอ? วันนี้พวกเราจะเอาแค่เงิน ! ไม่มีเงินก็เอาหุ้นของบริษัทมา หรือเอาโครงการต่างๆมาขัดหนี้ !”
ขณะที่พูด ก็มีคนรื้อเอกสารบนโต๊ะมั่วไปหมด พวกเขามีท่าทีรุนแรง เหมือนกับเป็นโจรอย่างนั้น หานฉ่ายหลิงรีบเข้าไปห้ามเอาไว้ แต่ก็ถูกผลักออกมา
เธอยังไม่ทันยืนมั่นคง ทั้งร่างก็ทรุดลงไปด้านหลัง และเกือบจะล้มลง ตอนนั้น มีคนหนึ่งเข้ามาพยุงเอาไว้ แล้วใช้แขนยาวๆฉุดตัวเธอขึ้นมา ดึงเข้าอ้อมกอด
ลี่เฉินซีรีบปรากฏตัว แววตาเย็นชาของเขามองกวาดไปทั้งเหตุการณ์ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อกี้ใครเป็นคนผลักเธอ?”