ตอนที่ 675 แค่แวบเดียวก็มองออกแล้ว
แผนนี้กำลังจะสำเร็จอยู่ตรงหน้า เย่เสียวอวี่พูดตามที่เสี่ยวเชี่ยนบอก จากนั้นเย่ต้าเชียนก็ไล่เธอออกไปด้วยความโมโห บอกว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอแล้ว
แต่คืนนั้นเย่ต้าเชียนก็ฝันร้ายจริงๆ
เขาฝันเห็นตัวเองเกิดเป็นหมาที่มีไข่แค่ครึ่งเดียว เดินไปไหนก็มีแค่คนทำร้าย
พอตื่นมาเหงื่อก็เต็มตัว
มันแค่เรื่องบังเอิญมั้ง…
เย่ต้าเชียนไม่รู้เลยว่านี่มันก็แค่จุดเริ่มต้นของฝันร้าย นับจากนี้ไปเขาจะฝันร้ายทุกวัน ฝันถึงไข่แตกไข่สลายสารพัดความฝันที่เกี่ยวกับไข่ ถึงขนาดที่เวลากลางวันก็ยังเกิดภาพหลอนในสมอง เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ตอนถูกหมากัด อาการสะเทือนใจหลังบาดเจ็บไม่ได้เกิดแค่กับคนดี คนเลวก็เป็นได้เหมือนกัน
ซึ่งมันก็ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เวยเวยถูกเขาทารุณครั้งแรก สิ่งนี้เรียกว่ากรรมตามสนอง
หลังจากที่ประธานเชี่ยนใช้หมากตัวใหญ่ในกระดานอย่างเย่เสียวอวี่ไปแล้ว เธอก็กลับบ้านไปรักษาเวยเวยอย่างอารมณ์ดี ช้าเร็วเย่ต้าเชียนก็ต้องมาขอโทษถึงบ้าน อาการของเด็กคนนี้จะควบคุมได้อีกไม่นานเกินรอ
ทางด้านหลิวเหมยเกิดเรื่องอยากให้ประธานเชี่ยนช่วยออกความเห็น แต่สุ่ยเซียนจะมาพอดี เสี่ยวเชี่ยนจึงเสนอไอเดียให้หลิวเหมยไป บอกให้ไปจัดการเอาเอง จากนั้นเธอก็ออกไปหาสุ่ยเซียน
สุ่ยเซียนมาปรากฏตัวในเช้าตรู่ของวันที่สาม เสี่ยวเชี่ยนให้เธอไปเจอที่บ้านหลังใหม่
เรื่องแรกที่ทังสุ่ยเซียนทำหลังลงจากเครื่องบินก็คือมาหาเสี่ยวเชี่ยน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอให้ความสำคัญกับเสี่ยวเชี่ยนขนาดไหน
“เชี่ยนเอ๋อ! อยู่นี่!” ทังสุ่ยเซียนโบกมือให้จากในรถ เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่หน้าเขตบ้านพักทหารรอทังสุ่ยเซียนอยู่ เขตบ้านพักทหารถ้าไม่มีคนพาเข้าไปก็เข้าไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนขึ้นรถสุ่ยเซียน แล้วพาเธอไปที่บ้านใหม่
“เอาของมาหรือเปล่า?” เสี่ยวเชี่ยนถามสุ่ยเซียน
“เอามาหมดแล้วฉันไปต่างประเทศคราวนี้ขนกลับมาแต่ของเธอ โหลดกระเป๋าตั้งสองใบใหญ่—เชี่ยนเอ๋อ เธอจะเอาหนังสือตกแต่งบ้านไปทำอะไรน่ะ?”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มหวานให้เป็นคำตอบ สีหน้าแบบนั้นตีความได้ว่า เดี๋ยวก็รู้
พอถึงหน้าตึกก็พากันลงจากรถ บอดี้การ์ดคนขับรถลงไปยกกระเป๋าลงจากท้ายรถ ตอนแรกเสี่ยวเชี่ยนไม่ทันสังเกต แต่พอลงรถแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
ทำไมเธอรู้สึกว่าคนๆนี้หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?
ผู้ชายที่ลงมายกกระเป๋าให้สุ่ยเซียนคนนี้ดูเหมือนจะมีสายเลือดของชาวตะวันออกกลาง ใบหน้าคมชัด รูปร่างสูงพอๆกับอวี๋หมิงหลาง ใส่ชุดออกกำลังกายสีดำ สวมแว่นกันแดด มือขวาใส่สนับมือสีดำ ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนมองเขา เขาก็มองเสี่ยวเชี่ยน ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่นาน
ผู้ชายคนนั้นเห็นเสี่ยวเชี่ยนไม่ตกใจกับรูปร่างบุคลิกของเขา เขาจึงจ้องเสี่ยวเชี่ยนนานหน่อย เขามองออกตั้งแต่แวบแรกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา คนที่กล้าจ้องหน้าเขาแบบนี้มีไม่มาก
ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็นึกออกว่าคนๆนี้คือใคร
นึกไม่ถึงว่าเธอจะได้มาเจอตาคนนี้ แล้วทำไมเขาถึงแต่งตัวแบบนี้มายกกระเป๋าให้สุ่ยเซียนได้?
“เธอจ้องบอดี้การ์ดฉันทำไมน่ะ? รู้จักกันเหรอ?” สุ่ยเซียนถามเสี่ยวเชี่ยน
“บอดี้การ์ด?” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก นี่คือหนึ่งในเรื่องตลกที่สุดนับตั้งแต่เธอกลับชาติมาเกิดใหม่
“พ่อไม่ได้บอกเหรอ ฉันเปลี่ยนบอดี้การ์ดแล้ว” ทังต้าเย่พ่อสุ่ยเซียนเป็นพ่อบุญธรรมของเสี่ยวเชี่ยน เวลาว่างๆชอบโทรมาคุยกับเสี่ยวเชี่ยน
ตอนแรกทังต้าเย่หวังจะให้เสี่ยวเชี่ยนมาเป็นผู้ช่วยของลูกสาว นึกไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นตัวเองที่ขาดเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจเท่านั้นที่ให้เสี่ยวเชี่ยนช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง แต่เรื่องในบ้านเวลามีอะไรเขาก็บอกเสี่ยวเชี่ยน
ไม่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษา แต่ยังเป็นผู้ร่วมงาน ทังต้าเย่ขาดเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ก็เหมือนกับที่พี่ใหญ่เวลามีเรื่องอะไรก็มักจะมาปรึกษาเสี่ยวเชี่ยน
“ฉันรู้ว่าเธอเปลี่ยนบอดี้การ์ดแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า—” จะเป็นคนๆนี้
ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนลอบสังเกต อีกฝ่ายก็มองเสี่ยวเชี่ยนเช่นกัน สายตาของทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศ
“เราเคยเจอกันไหมครับ?” อาเหม็ดรู้สึกได้แล้วว่าเสี่ยวเชี่ยนคงจะเกิดเซ้นส์บางอย่าง เขารู้ว่าสองพ่อลูกตระกูลทังสนิทสนมกับเสี่ยวเชี่ยน เดิมเขาคิดว่าผู้หญิงอายุยี่สิบต้นๆไม่น่าเก่งสักเท่าไรหรอก
ก่อนหน้านี้อาเหม็ดคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนอาศัยความรู้ทางด้านจิตวิทยาหลอกสองพ่อลูกตระกูลทัง
แต่วันนี้พอได้เห็นเสี่ยวเชี่ยนถึงได้พบว่าสายตาของเธอเหมือนมองโลกใบนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่มีอะไรจะรอดพ้นสายตาของเธอไปได้
“คุณไม่เคยเจอฉัน” เสี่ยวเชี่ยนพูดต่อในใจ แต่ฉันเคยเจอนายมาก่อน
อาเหม็ดดูออกว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ธรรมดา เสี่ยวเชี่ยนเองก็มองเขาออกตั้งแต่แวบแรก
บอดี้การ์ดกับผีสิ ตานี่เห็นชัดๆว่าประวัติไม่ธรรมดา เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนๆนี้ปลอมตัวมาเป็นบอดี้การ์ดอยู่ข้างสุ่ยเซียนเพื่ออะไร?
บุคคลที่ไม่ธรรมดาสองคนมาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างคาดเดาถึงวัตถุประสงค์ของอีกฝ่าย คนเดียวที่ถูกปิดบังความจริงไว้ก็คือสุ่ยเซียน
สงครามประสาทยุติลงเมื่อเสี่ยวเชี่ยนเปิดประตูบ้านใหม่เข้าไป
ทังสุ่ยเซียนกับอาเหม็ดที่ลากกระเป๋ามาให้ถึงกับตกตะลึง
พอเห็นสายตาของทั้งสองคนเสี่ยวเชี่ยนก็สบายใจ
คนที่ตกใจกับพื้นกระเบื้องเทียมสีเขียวของเสี่ยวเฉียงไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว ไม่ใช่เธอคนเดียว!
“ตอนนี้รู้ยังว่าฉันจะเอาหนังสือตกแต่งบ้านมาทำอะไร?”
“คุณพระช่วย! เชี่ยนเอ๋อ เธอเล่นอะไรเนี่ย? บ้านพักทหารเปิดฟิตเนสได้ด้วยเหรอ?”
ทังสุ่ยเซียนเอามือจิ้มเสี่ยวเชี่ยน พื้นเขียวมันให้ความรู้สึกที่แปลกตามาก!
“ห้องฟิตเนสทำแบบนี้จ้างเธอมาเธอจะมาไหม?” เสี่ยวเชี่ยนเล่นมุก
สุ่ยเซียนส่ายหน้า เธอไม่มีทางมาห้องฟิตเนสที่น่ากลัวแบบนี้หรอก
“เอาของวางไว้นี่แล้วไปรอฉันที่รถ” สุ่ยเซียนพูดกับอาเหม็ด
“ท่านประธานบอกว่าให้ตามติดทุกฝีก้าว ไม่อย่างนั้นจะไล่ผมออกครับ” ปากอาเหม็ดพูดไปแบบนั้น แต่สายตายังคงสอดส่องบ้านที่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ธรรมชาติไม่หยุด
นี่เขาเดาผิดเหรอ หรือเฉินเสี่ยวเชี่ยนจะไม่ได้เก่งเหมือนที่เขาคิดไว้? ที่ปรึกษาคนเก่งของครอบครัวทังคงไม่รสนิยมแย่ขนาดนี้หรอกมั้ง?
หรือว่า…คนที่อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้จะทำให้ความคิดบรรเจิด?
เสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็แอบสะใจ
การตกแต่งที่แสนพิสดารของเสี่ยวเฉียงทำตานี่อึ้งไปเลยสินะ เก่งไม่เบา
“ที่นี่ปลอดภัยมาก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ปลอดภัยที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้” สุ่ยเซียนอยากคุยกับเสี่ยวเชี่ยนตามลำพัง แต่บอดี้การ์ดของเธอทำตัวเหมือนกับหมากฝรั่ง ติดหนึบไม่ยอมไปไหน
“ไม่อย่างนั้นผมจะถูกไล่ออกครับ” สายตาของอาเหม็ดเหลือบเห็นเสี่ยวเชี่ยนกำลังหัวเราะ
ผู้หญิงคนนี้…ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองทำอะไรมีพิรุธหรือเปล่า สายตาที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนมองเขานั้นเหมือนมองออกทุกอย่าง รอยยิ้มนั้นเหมือนกำลังบอกว่า แสดงต่อไปสิ ตามสบาย!
สุ่ยเซียนชี้หน้าเขา “ถ้าไม่ออกไปฉันจะไล่นายออก!”
“ผมฟังแค่คำสั่งท่านประธานครับ”
“ไป ให้ พ้น!!!”
สุดท้ายบอดี้การ์ดก็ถูกเตะออกไป สุ่ยเซียนลูบหน้าอกด้วยความโมโห “เธอว่าพ่อฉันไปเอาคนเพี้ยนแบบนี้มาจากไหนกัน เห็นบอกว่าเป็นสปายที่ปลดประจำการแล้วของประเทศM ประสบการณ์โชกโชกไม่เบา แต่ฉันอยากจะบ้า!”
“หึหึ” ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนทำได้แค่ยิ้มให้ สปายปลดประจำการงั้นเหรอ?
เพ้อเจ้อ