บทที่ 156 อยากไปเดทกันไหม
ลี่เฉินซีก็จำต้องไปเพราะมีสายโทรเข้า
สุดท้ายมื้ออาหารที่สุดแสนจะพิเศษ ก็จบลงเพียงเท่านี้
แต่สิ่งที่ทำให้ซูย้าวไม่คาดคิดก็คือ ในตอนที่กำลังแยกกัน จู่ๆลี่เฉินซีก็ดึงมือเธอเอาไว้ แล้วถามว่า “พรุ่งนี้อยากไปดูหนังไหม?”
ดูหนัง?!
เธอนิ่งอึ้ง
เมื่อเห็นสีหน้านิ่งๆของเธอ เขาก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จึงพูดว่า “ไม่ว่างเหรอ? หรือว่าต้องดูแลเจิ้งเอ๋อ?”
ต่อมา ซูย้าวก็รีบส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้า
ปฏิกิริยาล้นๆของเธอ ทำให้เขาหัวเราะออกมา
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมจะดูตารางงานวันพรุ่งนี้ไว้ จะได้เจียดเวลาไปดูหนังได้!” เขาพูดออกมา จากนั้นถึงได้ขับรถจากไป
ซูย้าวยืนอึ้งอยู่กับที่ ดูหนัง? ที่คู่รักเขาทำกันน่ะเหรอ เธอเคยวาดฝันอยากทำอย่างนี้มาตลอด แต่ไม่เคยคิด ว่าจะได้รับคำเชิญชวนจากปากของเขาเองอย่างนี้
แต่ในใจเธอก็แอบ……..
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็ถูกเสียงโทรศัพท์ดังรบกวน
โม่หว่านหว่านโทรมาได้ถูกเวลาจริงๆ จากนั้นก็ขับรถมาหาซูย้าวที่นี่ตอนที่ได้เห็นอาหารทะเลวางอยู่เต็มโต๊ะ ตาของเธอก็เป็นประกาย ตามมาด้วยเสียงท้องร้องครกคราก
ซูย้าวหลุดขำออกมา โม่หว่านหว่านเองก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป นั่งลงปุ๊บก็ใส่ถุงมือเริ่มแกะกุ้งทันที
“คิดไม่ถึงเลยว่าลี่เฉินซีจะใจกว้างถึงขนาดพาแกมากินอาหารทะเล ว่าแต่สองจานนั่นเขาแกะให้แกหมดเลยเหรอ?” โม่หว่านกินไปถามไป
ซูย้าวพยักหน้า เธอเองไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ จึงค่อยๆกินช้าๆ
“นี่ วันนี้แกเห็นหรือยัง! ตกลงหานฉ่ายหลิงนี่เป็นคนยังไงนะ……”
เธอมุ่นคิ้ว ไม่ได้แสดงอาการอะไรตอบกลับไป
โม่หว่านหว่านจึงพูดขึ้นมาว่า “รู้ทั้งรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันพูดยาก ไหนจะข่าวลือพวกนั้นอีก ถ้าเป็นคนปกตินะ คงหลบหนีไม่ทันแล้ว แต่เธอกลับโชคดี ที่เป็นฝ่ายหาโอกาสพุ่งเข้าหาได้! ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้มาดีแน่ๆ เธอต้องคิดไม่ซื่อกับสามีของแก พอเห็นโอกาสเลยคิดจะแย่งสามีแกไปไง!”
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้า ทุกครั้งโม่หว่านหว่านก็เอาแต่บ่นถึงเรื่องนี้ เธอฟังมานานจนหูเริ่มด้านแล้ว
“ฉันหวังดีกับแกนะ แกจริงจังหน่อยได้ไหม!” โม่หว่านหว่านใส่อารมณ์ จากนั้นก็กลืนกุ้งที่เพิ่งแกะเข้าปากลงไป “ซูย้าวแกบอกมาดีๆ แกเองก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมว่าหานฉ่ายหลิงแปลกๆ?”
เธอขมวดคิ้ว ใช้ภาษามือถามว่า “ทำไมพูดอย่างนี้?”
“หยุดเลย! แกฉลาดขนาดนั้น ขนาดฉันยังรู้สึกได้ ไม่มีทางที่แกจะไม่รู้สึกเลย!”
โม่หว่านหว่านรู้จักซูย้าวเป็นอย่างดี
เธอเป็นคนจิตใจดีเกินไป มักจะคิดว่าแค่เงียบเรื่องทุกอย่างก็จะผ่านไป มีเรื่องน้อยก็จะทุกข์น้อยและคิดว่าแค่ถอยหนึ่งก้าวก็สามารถทำให้ฟ้าสูงทะเลกว้างได้แล้ว
แต่กลับลืมไปเลยว่า มันเป็นเรื่องของความรัก เป็นเรื่องของการแต่งงาน มันจะถอยให้คนอื่นได้ยังไง!
“แกต้องรู้อะไรมาแน่ๆ แต่แกแค่ไม่อยากยอมรับ เพราะแกรู้สึกขอบคุณหานฉ่ายหลิงที่ช่วยบ้านใหญ่ตระกูลซูไว้แต่แกลองคิดดูดีๆสิ ยัยนั่นจงใจหลอกให้แกตายใจชัดๆ!” โม่หว่านหว่านพูดวิเคราะห์ออกมา
เธอหยุดพูดไปสักพัก ก็พูดต่อว่า “เธอไม่ได้ช่วยอะไรแกเลย อย่างน้อยบริษัทHSของพวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นลี่เฉินซีคืนเงินให้เธอเหรอ? สุดท้าย คนที่ช่วยบ้านใหญ่ตระกูลซูของแกเอาไว้ ก็คือสามีแกนั่นไง!”
ซูย้าวหลุบตาลง เธอเข้าใจเหตุผลทั้งหมด เพียงแต่การเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจัง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ตอนที่กลับมาถึงบ้าน ก็บ่ายแล้ว
เจิ้งเอ๋อยังคงนอนกลางวันอยู่ แม่บ้านจึงออกไปซื้อของ พ่อบ้านนำชามาเสิร์ฟให้เธอ จากนั้นก็ไปตัดหญ้าที่สวนหลังบ้าน
ในห้องกว้างใหญ่ จึงเหลือแค่เธอคนเดียว
เธอค่อยๆเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดออกช้าๆ ในนั้นมีUSBอันเล็กๆวางอยู่
เธอหยิบขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ จากนั้นก็เปิดไฟล์ที่บันทึกอยู่ในนั้น เนื้อหาทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เคยใช้ตรวจสอบหลินโย่ควนข้อมูลส่วนหนึ่งได้มาโดยการซื้อมาจากคนอื่นในราคาที่ค่อนข้างสูง
หลังจากกดเปิดรูปที่แคปมาจากวิดีโอ ก็สามารถมองเห็นคนที่กำลังยืนอยู่กับหลินโย่ควานได้อย่างชัดเจน ฮู๊ดสีดำไม่สามารถปกปิดรูปร่างและใบหน้าของผู้หญิงในภาพได้
ผู้หญิงในภาพคือหานฉ่ายหลิง
หลินโย่ควานตกอยู่ในข้อสงสัยคดีฉ้อโกงนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งในฐานะที่เธอเป็นถึงประธานของบริษัทHS เธอต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ก็หลุดพ้นจากข้อสงสัยเหล่านี้ได้ยาก
แต่สิ่งที่ทำให้ซูย้าวไม่เข้าใจก็คือ ถ้าเธอคือผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยชักจูงเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ แบบนั้นหลินโย่ควานก็ถือว่ามีประโยชน์กับเธอ แต่แล้วทำไมจู่ๆเธอถึงสลัดหลินโย่ควานทิ้งล่ะ ไม่กลัวว่าเขาจะลากเธอมาเดือดร้อนด้วยเหรอ?
หรือว่าจะเป็นอย่างที่โม่หว่านหว่านพูดมา ว่าเธอแค่แกล้งหลอกให้ตายใจ?
ณ ลานจอดรถใต้ดินของบริษัท HS
ลี่เฉินซีจอดรถสนิท แต่กลับไม่ถอดเข็มขัดนิรภัยออก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมหันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ผมบอกแล้วไง ว่าช่วงนี้เราไม่ควรมาเจอกัน!”
“ฉันรู้ เพียงแต่ว่าทางธนาคารมีปัญหา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง!” หานฉ่ายหลิงรีบอธิบายออกมา ด้วยน้ำเสียงหวานๆที่เจือปนไปด้วยความน้อยใจ
เธอหันไปด้านข้าง รีบร้อนจนพูดจาสะเปะสะปะ “คุณก็รู้ ว่าฉันไม่มีความรู้เรื่องเงินๆทองๆ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ คนที่เชื่อใจได้ก็มีแต่คุณคนเดียว!”
เมื่อเธอพูดออกมาแบบนี้ เขาก็อดขึ้นเสียงไม่ได้
“เรื่องธนาคาร ผมจะให้หวางอี้รับผิดชอบ คุณกลับบริษัทไปก่อน!” เขาออกคำสั่ง
หานฉ่ายหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบพูดว่า “แล้วเรื่องเจรจากับประธานหลี่พรุ่งนี้ คุณว่างไหม?”
เธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ จึงรีบพูดเสริมว่า “ถ้ามีคุณอยู่ด้วย ฉันจะได้อุ่นใจ เพราะงั้น……”
ลี่เฉินซีกำลังจะตอบตกลง แต่ในหัวกลับนึกถึงเรื่องที่เขานัดหมายกับซูย้าวก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “พรุ่งนี้ไม่ได้ แต่ผมจะให้หวางอี้มาแทนก็แล้วกัน ถ้ามีเรื่องอะไร เขาก็สามารถจัดการให้ได้”
“……..ก็ได้!”
หานฉ่ายหลิงลงจากรถช้าๆ แล้วมองตามรถของเขาที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นความยุ่งเหยิงก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาสวยของเธอ
ลี่เฉินซีขับรถมุ่งตรงกลับมาที่บริษัท แต่ในระหว่างทางกลับเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ในหัวก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหักเลี้ยวพวงมาลัยอย่างไม่หยุดคิด แล้วนำรถมาจอดบริเวณด้านหน้าของตึกห้างสรรพสินค้า
ร่างกายสูงใหญ่เดินเข้าไปที่โซนขายเครื่องประดับ โดยไม่ทันได้รู้ตัว ว่ามีใครคนหนึ่งที่กำลังข้ามถนนอยู่ไม่ไกล จดจ้องมาที่เขาอย่างไม่ละสายตาไปไหน
ช่วงบ่าย ในขณะที่ซูย้าวกำลังกล่อมลูกนอนกลางวันอยู่ที่บ้าน เสียงของพ่อบ้านก็ดังมาจากข้างนอก——
“คุณผู้หญิง คุณซูหยวนมาครับ!”
เธอชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็อุ้มเจิ้งเอ๋อลงไปชั้นล่าง
ซูหยวนยังคงมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นเหมือนอย่างเคย บนใบหน้าสะสวยแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางสีเข้ม รองเท้าส้นสูงราวสิบเซนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “แม่ฉันบอกมาว่า คนที่ช่วยดูแลเรื่องทุกอย่างในครั้งก่อน คือแกงั้นเหรอ?”
เจิ้งเอ๋อเพิ่งตื่นนอน จึงดีดดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของซูย้าวด้วยพลังอันล้นเปี่ยม เธอก้มตัวลง ทันทีที่ปล่อยเขาลงกับพื้น เจ้าเด็กน้อยวิ่งเตาะแตะไปรอบๆ
ซูย้าวไม่มีเวลามาสนใจเธอ เพราะต้องคอยเดินตามลูกชาย
“ไม่ว่าแกจะช่วยหรือไม่ช่วยฉัน ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน อย่ามาโทษฉันว่าไม่รู้จักไว้หน้าก็แล้วกัน ซูย้าว ฉันเตือนแกด้วยความหวังดีนะ!”
ซูย้าวเดินตามลูกชายทัน เด็กน้อยกำลังยื่นมือเล็กๆออกไปคว้าจับผ้าม่านที่กำลังปลิวไสวเธอจึงรีบเข้าไปห้าม แล้วส่ายหน้าให้เขา เจิ้งเอ๋อกลับยิ้มแฉ่งให้เธอ เผยให้เห็นฟันน้ำนมสองซี่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา เป็นภาพที่ดูน่ารักแปลกๆ
“นี่ นอกจากทำกับข้าวกับเลี้ยงลูกอยู่บ้าน แกยังทำอะไรได้อีก? ซูย้าว แกรู้ไหม? ว่าอีกไม่นานสามีแกก็จะกลายไปเป็นของคนอื่นแล้ว! วันนี้ฉันเห็นเขาไปเลือกเครื่องประดับด้วย! ส่วนซื้อไปให้ใคร แกคงรู้ดีกว่าฉัน!”
ชั่ววินาทีนั้น หัวใจที่เคยเต้นด้วยความถี่ที่สม่ำเสมอของซูย้าว ก็พลันเต้นผิดจังหวะขึ้นมา
ในหัวก็สะท้อนคำพูดที่เขาพูดว่า“ไปดูหนังกันไหม?” เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ที่เขานัดหมายกับเธอ ไม่ได้หมายความว่าอยากไปต่อกับเธอเหรอ?!
ซูย้าวอุ้มลูกมานั่งลงบนโซฟา แล้วฟังที่ซูหยวนพูด “พี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงคบหากันมาตั้งแต่แรก พวกเขาเป็นรักแรกของกันและกัน แกคิดว่า ความรู้สึกแบบนั้นมันลืมกันได้ง่ายๆเหรอ?”
เธอหยุดไปสักครู่ แล้วพูดต่อว่า “ถ้าแกทำตัวดีๆ แล้วมาขอร้องฉันล่ะก็ ฉันอาจจะช่วยแกก็ได้นะใครจะไปรู้!”