บทที่ 247 ไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น
“อย่าไปเชื่อเธออย่างนั้นเหรอ”
ลี่เฉินซีทวนคำพูดของเธอเบาๆ
ทันใดนั้นหานฉ่ายหลิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงเลิกคิ้วเบาๆ แล้วพยักหน้าขึ้น ในขณะเดียวกันแขนทั้งสองข้างก็กอดแน่นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “เธอทำร้ายฉัน ฉันไม่ได้อยากใส่ร้ายเธอ เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เชื่อไม่ได้อีกต่อไป อย่าให้ทุกอย่างของเธอมากระทบกระเทือนกับพวกเราอีกจะได้ไหม”
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า คาดหวังมากก็จะผิดหวังมาก
ยังมีคนเคยกล่าวไว้อีกว่า ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตาย
หานฉ่ายหลิงมีความอยากรู้อยากเห็นความคิดของลี่เฉินซีมาโดยตลอด และก็ยิ่งอยากรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดที่เขามีต่อเธอ รู้ว่ารักมาก แต่อยากรู้ว่ารักมากแค่ไหน เธออยากรู้เหลือเกิน
ในเวลานี้เธอเหมือนกับเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ดวงตากลมโตที่กะพริบกลอกไปมา จ้องมองเขาด้วยความรักที่อยากได้เท่าไรก็มีให้ได้ทั้งนั้น “เฉินซี ทำไมคุณเงียบไม่พูดไม่จาละคะ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” เขาตอบกลับเบาๆด้วยน้ำเสียงปกติ แววตาที่ลุ่มลึกและเย็นชาทำให้คาดเดาได้ยากว่าข้างในนั้นฝังซ่อนอะไรไว้ ลึกจนไม่สามารถหยั่งได้
ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ เธอก็ยิ่งอยากรู้ ริมฝีปากแดงขยับ โดยที่ไม่รู้ว่าจะถามอะไร จิตใจที่กำลังลุกลี้ลุกลน จู่ๆก็ได้ยินเขาพูดขึ้น “คุณไม่ได้พูดอะไรผิด เพียงแต่มีจุดหนึ่งที่ต้องแก้ไข”
หานฉ่ายหลิงชะงัก “อะไรคะ”
“เริ่มตั้งแต่คดีลักพาตัวยันตอนนี้ ซูย้าวเองก็ไม่เคยพูดอะไรที่บอกให้ผมต้องเชื่อเธอ ผมเองก็ไม่เคยแสดงออกว่าผมเชื่อเธอ คุณบอกให้ผมไม่ต้องเชื่อเธอ คำพูดนี้ต้องเริ่มอธิบายจากตรงไหนล่ะ” ลี่เฉินซีมองเธอ แววตาเย็นชาดุจท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ลึกจนมองไม่เห็นใต้ท้องทะเล
คำพูดของเธอถูกดักคอจนแทบสำลัก
“เอ่อคือ…..”
“อีกอย่าง ทางตำรวจก็ยังไม่มีข้อสรุป รายละเอียดที่ว่าเธอเป็นคนทำหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลย” เขายกมือลูบที่ศีรษะของเธอด้วยท่าทางที่อ่อนโยนอย่างไม่หยุดหย่อน
เพียงแต่หานฉ่ายหลิงกลับสัมผัสไม่ถึงร่องรอยของความรักจากดวงตาที่เย็นชาของเขา
เพียงพริบตาหัวใจของเธอก็ตกลงสู่ก้นเหวทันที
“แต่ว่าฉัน…..ฉัน…..”
เธอกัดฟันอย่างไม่พอใจ น้ำตาก็หลั่งออกมาไม่ขาดสาย
แต่คำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก ก็ถูกคำพูดของเขาดักคอไว้ “ผมรู้ว่าคุณถูกทำร้ายและก็รู้ว่าไม่ยุติธรรมกับคุณ แต่ถ้าหากว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำ อย่างนั้นเธอก็จะถูกปรักปรำไม่ใช่เหรอ”
“แต่ว่า….หลักฐานได้มัดแน่นหนาแล้ว! ว่าเป็นฝีมือของซูย้าว ทำไมคุณถึงไม่เชื่อสักทีล่ะ ทางตำรวจก็ยืนยันแล้วว่าเธอเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด!”
“ก็แค่ผู้ต้องสงสัยไม่ใช่เหรอ”
ลี่เฉินซีรีบตอบกลับทันควัน เร็วจนเสียงของเขาทับเสียงท้ายประโยคของเธอ
วินาทีนั้นหานฉ่ายหลิงก็แทบจะหายใจไม่ออก
เธออุตส่าห์ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ทำเรื่องที่เสียสละตัวเองเช่นนี้ เพื่อต้องการป้ายสีให้กับซูย้าว ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ลี่เฉินซีเกลียดที่สุด ทำให้เขาไม่สามารถให้อภัยเธอ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า……
จะกลายมาเป็นแบบนี้!
ขณะที่เธอกำลังตะลึงงัน เขาก็ปล่อยคลายเธอออก แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน นั่งลงตรงเก้าอี้เบาะหนัง ลี่เฉินซีแววตาเศร้าหมอง น้ำเสียงที่พูดออกมาจากปากนั้นเบามาก “บอกตามตรง ผมไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือเธอ”
หานฉ่ายหลิงกะพริบตาขึ้น ตัดสินใจเดินเข้าไปหา “ทำไม ทางตำรวจเองก็ยืนยันแล้ว หรือสิ่งที่ฉันโดนทำร้าย…..”
เขาส่ายหน้า แล้วขัดจังหวะเธอขึ้น “อาจเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจเธอมั้ง! ซูย้าวไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหดขนาดนั้น เธอไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”
ถ้าหากว่าคดีนี้ซูย้าวกลายเป็นผู้ต้องหาจริง อย่างนั้นก็มีเพียงสองประเด็น
ประเด็นแรกเธอถูกใส่ร้ายป้ายสี อีกหนึ่งประเด็นคือถูกคนหลอกใช้
หานฉ่ายหลิงยังคงไม่เชื่อ ยิ่งผิดหวังจนแววตาหม่นหมอง “แต่ว่า ถ้าหากไม่ใช่เป็นเธอ แล้วจะเป็นใครได้อีก เฉินซี คุณยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดี ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงนั้นยากที่จะพรรณนาได้ มันคือพลังชนิดหนึ่งที่น่ากลัวมากๆ……”
เธอก็เป็นผู้หญิง เธอเข้าใจดีว่าผู้หญิงที่ถูกบังคับจนถึงขั้นขีดสุดนั้นสามารถทำอะไรออกมาก็ได้
แต่ลี่เฉินซีกลับพูดว่า “ผมอาจจะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงสักเท่าไร แต่ว่าผมเข้าใจเธอเป็นอย่างดี! ฉ่ายหลิง พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีใครที่จะสามารถเสแสร้งแสดงได้เป็นสิบๆปีหรอกนะ เธอไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดสักนิดเลย”
อย่างนั้นลี่เฉินซีนั้นก็เชื่อในตัวซูย้าวมากอย่างนั้นสิ!
แผนการทั้งหมดของหานฉ่ายหลิงก็สูญเปล่าสิ
ต่อให้หญิงสาวคนนั้นจะถูกตัดสินว่ากระทำผิด เขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดีอย่างนั้นสิ
“แน่นอนว่าสิ่งที่คุณถูกทำร้ายก็ไม่สามารถมีอะไรมาทดแทนได้ ฉ่ายหลิงผมให้หวางอี้หาหมอจิตแพทย์ดีๆมาช่วยรักษาจิตใจคุณดีไหม! แล้วก็ตั้งใจรักษา บางทีอาจจะช่วยคุณได้นะ!” ลี่เฉินซีกล่าวคำแนะนำ
หมอจิตแพทย์เหรอ
เขาตอนนี้เห็นเธอเป็นผู้ป่วยอย่างนั้นหรือ!
หานฉ่ายหลิงตะลึงขึ้นทันใด จากนั้นก็รีบส่ายหัวขึ้น “ฉันไม่ต้องหมอจิตแพทย์อะไรทั้งนั้น ฉันต้องการแค่คุณ เฉินซี แค่มีคุณเคียงข้างเท่านั้นก็พอ…..”
“ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมยุ่งมาก คุณกลับไปพักผ่อนก่อนดีไหม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน เพียงแต่คิ้วขมวดเล็กน้อย สายตาจ้องไปที่เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่ดูแล้วก็คงจะยุ่งมากจริงๆ
หานฉ่ายหลิงไม่สามารถที่จะทำให้เขาเสียเวลาได้อีก จึงได้แต่ยอมรับและเชื่อฟัง จากนั้นบอกลาแล้วก็จากห้องสำนักงานไป
อีซูย้าวอีเลว มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังไม่ยอมเชื่อ!
ได้ เธอบังคับให้ฉันเองลงมือขั้นต่อไปเองนะ……
หลังจากที่หานฉ่ายหลิงจากไป ลี่เฉินซีก็ได้เรียกหวางอี้เข้ามาทันที
“ข่าวการเสียชีวิตของมารดาเธอ เธอรู้ไหม”
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดได้ส่องสะท้อนเงาร่างที่สูงใหญ่ ทำให้หวางอี้มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้ารูปงามของเขา
“ตอนนี้น่าจะยังไม่ทราบครับ! คุณซูถูกทางตำรวจรวบตัวไปตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน ยังไม่มีข่าวว่าถูกปล่อยออกมาเลยครับ และก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หวางอี้กล่าว
ลี่เฉินซีพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าหากเป็นไปได้ ก็ให้ไปปิดข่าวไว้ชั่วคราวก่อน และไม่ต้องเอ่ยนามนะ นายไปจัดการให้หน่อย”
“ได้ครับ”
“อีกอย่าง นายจงติดต่อไปหาคุณทนายจินด้วย เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก ให้ถอนฟ้องซะ” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ว่ารู้สึกเช่นไร
เพียงแต่หวางอี้ได้ยินแล้ว ก็ถึงกับประหลาดใจ “ความหมายของประธานลี่คือ…..จะยกสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกให้กับคุณซูย้าวเหรอครับ”
“อืม”
ลี่เฉินซีตอบเบาๆ และยังคงไม่มีการหันหน้ามา เอาแต่นั่งมองบรรยากาศทิวทัศน์นอกหน้าต่างอันไกลลิบอย่างเงียบๆ
เมื่อซูย้าวออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว เธอก็คงจะรู้ข่าวการเสียชีวิตของมารดาทันที คนที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่บนโลกใบนี้ ไม่ต้องคิดก็พอจะรู้ว่าเธอคงจะเจ็บปวดหัวใจแตกสลายมากแค่ไหน
เวลานี้ ผู้ที่ทำการยื้อแย่งลูกชายกับเธอก็รู้สึกแย่ไม่น้อยไปกว่ากัน!
ช่างเถอะ ถ้าลูกสามารถทดแทนความบอบช้ำได้ นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ใบหน้าหวางอี้สั่นเครือ แต่ไม่อาจจะไม่พูดได้ “ บอกให้ทนายจินทราบไม่ใช่ปัญหา ถอนฟ้องก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าทางนายหญิงควรบอกกล่าวให้ท่านทราบไหมครับ”
เจี่ยงเวินอี๋จะต้องอยากได้หลานชายอยู่ข้างกายอย่างแน่นอน หลายวันมานี้ก็เป็นคุณย่าที่คอยดูแลเจิ้งเอ๋อ ถ้าจู่ๆลี่เฉินซีถอนฟ้อง ลูกก็จะต้องถูกส่งคืนให้กับซูย้าว อย่างนั้นแล้วมีหรือเจี่ยงเวินอี๋จะยอม”
ลี่เฉินซีหันหลังมา ใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมด้วยไอหมอกดำ ดวงตาลึกล้ำ “อย่าเพิ่งบอก แล้วผมค่อยอธิบายด้วยตัวเองทีหลัง”
หวางอี้พยักหน้า “ครับ อย่างนั้นผมจะไปปฏิบัติตามเดี๋ยวนี้”
เมื่อออกจากห้องสำนักงานไปแล้ว หวางอี้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก คิดว่าเจ้านายกับซูย้าวนั้นเป็นเพียงสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ธรรมดา นอกจากลูกแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดๆอีก
แต่ตอนนี้เห็นท่าแล้วคงไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
ในเวลานี้สิ่งที่เขาคิดไม่ใช่โมโหโกรธาด้วยเรื่องคดีลักพาตัว แต่เป็นว่าเธอนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวมากมายเพียงใด ดังนั้นถึงได้ยอมปล่อยสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกอย่างไม่ลังเล
บางที ในความไม่รู้ตัวของลี่เฉินซี เขาอาจจะรักหญิงสาวคนนั้นตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังรักมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก!
และซูย้าวที่อยู่ในห้องสอบสวนในสถานีตำรวจ กล่าวได้ว่าเธอนั้นกระสับกระส่ายไม่ทราบด้วยสาเหตุ รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจอย่างเหลือทน
แต่เธอไม่มีอาการแน่นหน้าอกแต่อย่างใด ร่างกายก็แข็งแรงปกติดี แล้วความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูกนี้ กับอาการที่กระสับกระส่าย จะอธิบายได้ว่าอย่างไร
หรือว่า จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นจริงๆ
แล้วจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะ