บทที่ 297 พวกเราต่างใช้ชีวิตไม่ง่าย
“เธออยากจะให้เรื่องถึงศาลหรือ”
ซูหยวนมองเธอแปลกใจ ยากที่จะเชื่อ
ต่อให้ตัวเองไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลซู แม่มีลูกกับผู้ชายคนอื่น เรื่องนี้ ถ้าแพร่ไปในประเทศแล้ว แม้ตอนนี้ตระกูลซูจะล้มละลายนานแล้ว แต่ถ้าหากสืบถึงต้นตอ เรื่องในครอบครัว กลายเป็นข่าวดังขึ้นมา ย่อมไม่ดีกับใครทั้งนั้น
สายตาของซูย้าวขยับ มองเธอสภาพนี้ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากเกินไป
“เธออยากขึ้นโรงขึ้นศาล ก็ได้! งั้นฉันจะร่วมมือให้เต็มที่! ซูย้าว ไม่บอกว่าเธอมีหลักฐานเท่าไหร่ในมือ เรื่องนี้เปิดเผยไป กระทบกับเธอ ก็ไม่น้อยมั้ง!”
ซูหยวนคิดไว้แล้วถ้าสถานการณ์เลวร้ายก็จะไม่แก้ไขปล่อยให้แย่สุดๆ ไปเลย พนันกันสักตั้ง ถ้าเธอชนะ ไม่แน่อาจแว้งกัดซูย้าวคืนได้ และยังได้ครอบครองสมบัติของตระกูลซูแต่เพียงผู้เดียว
เห็นเธอยังไม่ยอม ซูย้าวสูดลมหายใจลึก กดมือถือของตัวเอง แล้วเปิดไฟล์บันทึกเสียง
‘ใช่แล้ว หยวนหยวนไม่ใช่ลูกของซูป๋อลอน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ อาเซิง เธอเป็นลูกสาวของคุณ เป็นเรื่องจริงที่สุด…’
เสียงของซัวฉ่ายลี่ดังขึ้นจากไฟล์บันทึกเสียง เสียงคุ้นหูทำให้ซูหยวนเป็นใบ้ไปทันที
สีหน้าหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ ในพริบตาหายไปไร้ร่องรอย
เธอไม่รู้ซัวฉ่ายลี่ตกอยู่ในสถานการณ์ไหนกันแน่ถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น และยังถูกบันทึกเสียงไว้ แต่ฟังออก ซัวฉ่ายลี่ไม่ได้ถูกบังคับ หรือว่า ‘อาเซิง’ ที่เธอเรียกนั้น ก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอ
“เรื่องไปถึงศาล สำหรับฉันแล้ว ผลมีแค่อย่างเดียว ชนะคดี แต่กับเธอ ผลก็มีแค่อย่างเดียว เธออยากเห็นผลอย่างนั้นหรือไง”
เมื่อได้ยินซูย้าวพูดอย่างนั้น เธอก็อับจนหนทาง
สีหน้าของซูหยวนดูไม่ได้ เดี๋ยวซีด เดี๋ยวแดง คิ้วขมวดแน่น เหมือนจะตัดสินครั้งใหญ่ พยายามสูดลมหายใจลึก เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จับเอกสารนั้น แล้วหยิบปากกาบนโต๊ะ สุดท้ายลงชื่อตัวเอง
แล้วโยนเอกสารใส่ซูย้าวอีกครั้ง “เธอพอใจยัง!”
ปัญหาชาติกำเนิดของตัวเอง ถ้าเรื่องบานปลายแพร่ออกไป ไม่ต้องสงสัยว่าเธอเป็นคนที่เสียหายที่สุด ชื่อเสียงป่นปี้ กระทั่งอาจนำไปสู่เรื่องขัดแย้งอื่น เธอไม่มีความกล้าหาญจะเผชิญหน้ากับปัญหาพวกนี้
หลายคนเหมือนใบไม้บนต้นไม้หลังฤดูใบไม้ร่วง ดูแล้วมั่นคง ไม่มีทางร่วงหล่น ที่แท้เมื่อสังเกตเวลาที่เหมาะสม ลมเพียงแค่เบาๆ ก็พัดใบไม้ร่วงหล่นหมด อย่างไร้เสียงเงียบเชียบ
ซูหยวนก็เป็นเช่นนี้
ดังนั้น ซูย้าวไม่เคยใส่ใจที่จะคิดเรื่องเธออย่างจริงจัง ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้เธออยู่ๆ ปรากฏตัว เรื่องนี้ ซูย้าวไม่อยากพูดถึง
มองดูซูย้าวเก็บเอกสารอย่างพอใจ จ้องมองทุกท่วงท่าของหญิงสาว ซูหยวนอึ้ง เพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเป้าหมายหลักของตัวเองที่มาครั้งนี้ สูดลมหายใจลึกขุ่นเคือง มองเธอแล้วพูดขึ้นอีก “ซูย้าว เรื่องของเธอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถึงตาฉันบ้าง”
“เธออยากจะมาพูดอะไร ฉันรู้แล้ว เธอไม่ต้องพูดหรอก” ซูย้าวก้มหน้าจัดเอกสาร แทบไม่ได้เงยหน้า เสียงเย็นชาราบเรียบ
ซูหยวนสีหน้าตกตะลึง ไม่รอให้เธอพูด ก็ได้ยินเสียงของซูย้าว “วางใจเถอะ ระหว่างฉันกับ เจี่ยงหลิน ไม่มีอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ไม่มี วันหน้าก็ไม่มีทาง เธอกังวลมากเกินไปแล้ว”
“เธอ…”
ซูหยวนตะลึงพรึงเพริด
เธอยังไม่ทันพูดอะไร ทำไม…ซูย้าวถึงรู้ทั้งหมดล่ะ
รู้ว่าเธอยังสงสัย ซูย้าวเงยหน้าขึ้นไม่รีบร้อน นั่งไขว่ห้างท่าทางงามสง่า น้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันรู้เธอคบกับเขา ราวๆ ครึ่งปีแล้วใช่มั้ย! ฉันเจอเขาครั้งนี้ เพราะเรื่องงานเท่านั้น อีกสองสามวัน ฉันก็จะกลับแล้ว ถ้าไม่บังเอิญ คงไม่ได้พบกับเขาอีก เรื่องที่เธอวิตกกังวล ไม่มีทางเกิดขึ้น”
ตั้งแต่สองสามวันก่อน ช่วงที่ซูย้าวไป ป้าหลินกรุ๊ปครั้งที่สอง เลขาของเธอก็สืบเรื่องนี้ได้แล้ว
เพราะเหตุนี้ ซูย้าวเข้าใจทำไมเจี่ยงหลิน ถึงได้มีพฤติกรรม ‘ทำให้เธอลำบาก’ อยู่บ้าง แต่จุดหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ซูย้าวไม่สนใจ ผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย ย่อมไม่มีทางเกิดอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น
คำพูดยังดังก้องอยู่ในหู ซูหยวนกลับลังเล ไม่อาจตอบสนองได้
“เจี่ยงหลิน เป็นผู้ชายที่ใช้ได้ ถ้าเธอกับเขาลงเอยกัน ก็เป็นชะตาลิขิตการแต่งงานที่ดีทีเดียว ทะนุถนอมไว้เถอะ!”
ซูย้าวเก็บเอกสารเรียบร้อย ก็ลุกขึ้น เหมือนจะอยากจบการสนทนาครั้งนี้ มองท่าทางซูหยวน พูดสำทับ “เอกสารที่เซ็นเมื่อกี้ เป็นแค่เอกสารเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ หรือไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กลับเมืองA ติดต่อฉัน ประตูบ้านตระกูลซู ยังเปิดต้อนรับเธอเสมอ”
“เธอ…”
ซูหยวนยากที่จะเชื่อ ยังคงพูดน้ำเสียงโมโห “เก็บความหวังดีของเธอไปเถอะ! เสแสร้ง แสดงละครให้ใครดู ใครใช้ให้เธอสงสารฉัน!”
พูดจบ เธอก็กระแทกเท้าจากไป
ซูย้าวถอนหายใจเบาๆ อย่างจนใจ เธอไม่มีทางรู้เลย เอกสารที่ซูหยวนเพิ่งเซ็น ที่จริงเธอคิดว่ากลับบ้านแล้ว ตอนที่ไหว้หน้าสุสานของพ่อ เผาให้พ่อก็เท่านั้น
เหมือนอย่างที่เธอเพิ่งพูดไป ตระกูลซูตอนนี้ เหลือแค่บ้านไม่กี่หลังเท่านั้น สมบัติพวกนี้ ซูย้าวไม่ต้องการสักนิด
เธอต้องการ เพียงทำเรื่องราวให้ชัดเจนเพื่อคนตายไปแล้วเท่านั้น เอกสารอย่างหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างก็แค่อยากจะแก้แค้นเล็กๆ ที่ตอนเด็กๆ ซูหยวนกลั่นแกล้งเธอสารพัดเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว
ซูย้าวโล่งอก ล็อกประตูห้อง กลับห้องเตรียมเข้านอน
ด้านล่าง ซูหยวนเดินออกมาจากลิฟต์ยังคงหงุดหงิด ในหัวคิดถึง เมื่อครู่ที่ซูย้าวเย่อหยิ่ง น้ำเสียงและกิริยาที่เหนือเธอ ทำให้ในใจเดือดปุดๆ แค้นจนกัดฟันกรอด
เพราะอารมณ์แปรปรวนรุนแรง เดินไม่ทันระวัง ชนเข้ากับคนที่เดินสวนมา และยังโมโหด่ากราดอีก
“ตาบอดหรือไง เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ มองไม่เห็นคนหรือไง”
เธอด่าไปหลายคำ ขณะที่จะเดินจากไป ก็ได้ยินเสียงหวานของหญิงสาวดังเข้ามาในหู “ไม่ได้เจอกันนานนะคะ คุณซู ยังคงอารมณ์ร้อนนะคะ!”
ซูหยวนชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้น ถึงได้เห็นว่าคนที่ตนชนเข้า นึกไม่ถึงว่าคือหานฉ่ายหลิง
“คุณนั่นเอง!” เธอยังคงอารมณ์ไม่ดี เย็นชา หงุดหงิดหนัก
หานฉ่ายหลิงสังเกตเห็นเธอโมโห ริมฝีปากขยับนิดหนึ่ง “ดูท่าทางคุณตอนนี้ ไม่รู้เพิ่งไปเจอใครมา”
“ฉันเจอใครก็เรื่องของฉัน ว่าแต่คุณหาน เธอกลับมาแล้ว ชีวิตของคุณ คงจะไม่สบายแล้วใช่มั้ย!” ซูหยวนไม่อยากพลาดโอกาสเยาะเย้ยถากถางเธอ
ผลที่ได้ไม่เลว
หานฉ่ายหลิงย่นคิ้วนิดๆ สีหน้านิ่งขรึมลงไป “ฉันไม่สบาย คุณจะสบายหรือ คุณก็รู้สึกได้ใช่มั้ยล่ะ! หมู่นี้เจี่ยงหลิน ไม่ค่อยเหมือนเดิม”
ซูหยวนสายตาหยุดนิ่ง ท่าทางเหมือนถูกแทงใจดำ
เธอครุ่นคิด หลังจากกลอกตา ก็พูดขึ้น “คุณหาน นานๆ ทีเจอกัน ในต่างประเทศถือว่าชะตาต้องกัน พวกเราไปดื่มกาแฟกันหน่อยดีมั้ยคะ”
หานฉ่ายหลิงมองเจตนาของเธอออก ยิ้มตอบตกลง
ในร้านกาแฟใกล้ๆ ทั้งสองคนนั่งลงคุยกันสบายๆ ซูหยวนพูดขึ้น “เจี่ยงหลิน เปลี่ยนไปก็จริง แต่กับฉันแล้ว ไม่ถือว่ากระทบอะไร แต่คุณหาน พี่เฉินซีกับซูย้าวเคยแต่งงานกัน ตอนนี้ทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยา สายใยตัดไม่ขาด คุณทนได้หรือคะ”
หานฉ่ายหลิงเพิ่งจะนั่งลง อารมณ์กำลังดีๆ เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที “คุณอยากพูดอะไรคะ”
“คุณกับฉันเราต้องการ ไม่ต่างกัน อย่างนี้ สู้เรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าหรือคะ!” ซูหยวนเสนอ พูดความในใจของเธอออกมา
สายตาหานฉ่ายหลิงเป็นประกายแวบหนึ่ง “ร่วมมือยังไง เธออยากทำอะไร”
“ที่นี่เมืองนอก ในต่างประเทศเช่นนี้ ถ้าเธอโชคไม่ดี เกิดอุบัติเหตุหรืออะไรที่ไม่คาดฝันทำนองนี้ จะไม่ตรงกับเจตนาของฉันกับคุณหรือคะ” ซูหยวนยิ้มเย็น สายตาเหมือนแมงป่องมีพิษสง ดวงตาคับแค้นซ่อนเปลวเพลิงลุกโชน