บทที่ 307 อยากจะลิ้มลองพละกำลังหน่อยไหม
ลี่เฉินซีจ้องมองเธอ ห้องที่มืดดำทำให้การมองเห็นของเขาไม่ค่อยชัดเจน เห็นแค่เพียงโครงร่างรางๆเท่านั้น
และก็เป็นโชคดีที่ซูย้าวมองไม่เห็นความเหลืออดบนใบหน้าของเขา ที่ไม่พูดไม่จาและไม่ตอบคำถามใดๆ ทำแค่เพียงเร่งความเร็วของมือ ต่อให้ซูย้าวจะขัดขืนอย่างไม่คิดชีวิต ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานเขาได้แม้แต่น้อย สักพัก ก็ถูกเขาถอดออกไปจนหมด
ในห้องโดยสารเรือไม่มีดวงไฟแต่อย่างใด หลอดไฟหรือสายไฟเดิมก็ถูกคนร้ายตัดทิ้งไปหมดแล้ว เมื่อประตูห้องโดยสารเรือปิดลง ห้องก็จะมืดสนิททันที
ความมืดมิดทำให้ความเขินอายของซูย้าวลดน้อยลงไปบ้าง เพียงแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ ทำให้เธอยังคงรู้สึกรับไม่ค่อยได้ ร่างที่สั่นเทายังคงคิดที่อยากจะหนีจากพันธนาการของเขาในครั้งนี้
“ปล่อย! ลี่เฉินซี ไอ้บ้ากาม!”
เธอดิ้นรนอย่างหนัก ลี่เฉินซีก็ไม่ได้ดื้อดึงต่อ จึงปล่อยมือของเธอ แต่ทันใดนั้นเธอก็สูญเสียการควบคุม ซูย้าวล้มลงไปกองอยู่ที่มุมห้อง ท่ามกลางความมืดมิด เธอคลำและควานเจอเสื้อผ้ามาชิ้นหนึ่ง แล้วก็นำมาปกปิดเรือนร่างไว้
ไอ้บ้าลี่เฉินซี คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้!
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้! พฤติกรรมต่ำๆแบบนี้ กี่ปีๆก็ไม่เคยเปลี่ยน! เหมือนกับจิ้งจอกเดินไปทั่วหล้ามันกินแต่เนื้อ แต่คุณคืออย่างหลัง!”
ซูย้าวดุด่าสาปแช่งด้วยความโกรธ คลำไปที่พื้นเพื่อควานหาเสื้อผ้าของตัวเอง จะได้นำมาใส่ปกปิดให้กับเรือนร่าง
ท้องทะเลยามค่ำคืน ลมพายุพัดกระโชกแรง ฝนที่ตกกระหน่ำ ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน ลมทะเลพัดโชยมาเป็นระยะๆ ช่างหนาวเหน็บจริงๆ บวกกับซูย้าวที่เจ็บกระเพาะมาเป็นเวลานาน ร่างกายทรมานจนดูอ่อนแอย่ำแย่มาก ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง มือที่สั่นเทาก็ยังควานหาอย่างไม่หยุดหย่อน ควานไปควานมา กลับคลำเจอบางอย่างสิ่งอย่างไม่ตั้งใจ…..
เธอลองออกแรงไปจับดู แต่ก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้น ในขณะเดียวกันมือน้อยๆก็ถูกมือใหญ่ๆจับไว้ วินาทีต่อมา ท่ามกลางความมืด ชายคนนั้นใช้ท่อนแขนที่ยาวของเขาดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จากนั้นใช้มืออีกข้างดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพวกเขาไว้
ลี่เฉินซีใช้เวลาเพียงสั้นๆ ในการกำจัดทุกสิ่งบนร่างกายของพวกเขาออกไปจนหมด ในเวลานี้เรือนร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ได้สัมผัสแนบชิดกันแน่น ร่างที่เย็นดุจน้ำแข็งของเธอ กับกายที่อุณหภูมิอยู่ในระดับปกติของเขา หรืออาจจะค่อนข้างร้อนด้วยซ้ำ
อาจเป็นเพราะว่าหนาวเกินไป หรือด้วยท่อนแขนของเขาแข็งแรงเกินไป ทำให้เธอไม่สามารถหนีไปได้ ซูย้าวจึงต้องฝืนหดตัวอยู่ภายใต้วงแขนแล้วซุกอยู่ในทรวงอกของเขา สัมผัสความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ทำให้ร่างเย็นๆของตัวเองได้อบอุ่นขึ้น
กอดหญิงสาวที่ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอก ลี่เฉินซีอดไม่ได้ที่จะกระซิบเสียงแผ่วเบาลงข้างใบหูเธอ “เมื่อสักครู่คุณบังอาจเปรียบผมเป็นสุนัขรึ”
จิ้งจอกเดินไปทั่วหล้ามันกินแต่เนื้อ
อย่างนั้นประโยคหลังก็คือ เดินไปทั่วหล้าสัญชาติหมาก็อดขี้ไม่ได้ …..
เขาเข้าใกล้เกินไป ทำให้ลมหายใจอุ่นๆรดลงบนผิวหนังเธอ อบอุ่นจนคันสยิวเล็กน้อย ทำให้เธอถึงกับใบหูร้อนผ่าวขึ้น “อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนี้! ห่างออกจากตัวฉันหน่อย…..”
“อยู่ไกลหน่อยอย่างนั้นหรือ ได้!” ลี่เฉินซีรับปากอย่างตรงไปตรงมา กระชากผ้าห่มแล้วขยับตัวหนี
ความหนาวเหน็บได้ปกคลุมเข้ามาในทันที ซูย้าวต้านทานไม่อยู่ จึงได้ดึงผ้าห่มกลับ แต่กลับถูกท่อนแขนยาวของชายหนุ่มดึงกลับมาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง “ปากอย่างใจอย่างนะ ถ้าดื้อรั้นอีก คุณจะต้องหนาวตายแน่ๆ!”
“คุณ…..”
ใบหน้าเล็กๆของเธอเขินอายจนแดงระเรื่อ กัดริมฝีปากล่างอย่างจนปัญญา
“คุณบอกว่าที่บ้านยังมีลูกๆรออยู่ ยังตายไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” ลี่เฉินซีย้อนถามกลับ ยังคงแนบชิดอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจจากร่างกายของเขารดแตะเข้าที่จมูก ความรู้สึกที่คุ้นเคย ทำให้หัวใจถึงกับสั่นระรัว
ซูย้าวก้มศีรษะลงอย่างจนปัญญา รู้สึกอึดอัดตั้งแต่หนังศีรษะจรดปลายเท้า ไม่เป็นตัวของตัวเอง
มือใหญ่ของเขาโอบอยู่รอบเอวบางของเธอไว้แน่น
ให้เธอปล่อยน้ำหนักตัวทิ้งลงบนร่างของตัวเอง แล้วซบอยู่ที่ทรวงอกของชายหนุ่ม ราวกับสัมผัสถึงหัวใจเต้นแรงตึกตักของเขา ความรู้สึกนี้…..แม้แต่ตอนที่ยังเป็นสามีภรรยากันก็ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
เขาในตอนนั้น เพียงแค่ทำตาม ‘หน้าที่’เท่านั้น เมื่อเสร็จภารกิจก็ลุกขึ้นแล้วจากไป หรือบางทีก็ให้เธอไปนอนห้องข้างๆ ทั้งคู่ที่เป็นสามีภรรยา ร่วมเตียงเคียงหมอนด้วยกันจริงๆนั้นน้อยมาก
คาดไม่ถึง เมื่อหย่ากันแล้ว ห่างหายกันไปก็หลายปี ด้วยเหตุเรื่องนี้ทำให้ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เธอทั้งอึดอัดและก็เคอะเขิน ศีรษะน้อยๆมุดอยู่ใต้วงแขนของเขาราวกับนกกระจอกเทศ ไม่ยอมโผล่ออกมา
ลี่เฉินซีกอดเธอที่เป็นแบบนี้ไว้ รู้สึกถึงอาการสั่นเทาบนร่างของเธอได้ลดน้อยลง ร่างที่หนาวเย็นค่อยๆอุ่นขึ้น หัวใจที่ตึงเครียดในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
“แม้ว่าจะทำเพื่อเป็นการอยู่รอด ก็ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรือเปล่า!” เธอหน้าบูดหน้าเบี้ยวแล้วพึมพำ
เขาพิงอยู่ตรงนั้นยิ้มแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นสักหน่อย ไม่เคยลิ้มลองหรือไง ยังมีตรงไหนบ้างที่ผมยังไม่เคยเห็น”
“…..”
“หรือเป็นเพราะว่าหลายปีมานี้คุณมีชายอื่นแล้ว ก็เลยสงวนเนื้อสงวนตัวเพื่อใครบางคน” จู่ๆเขาก็ถามขึ้น ขณะเดียวกันมือเรียวใหญ่ที่โอบอยู่ที่เอวก็ซุกซนอยู่ไม่เป็นสุข ลูบไล้ไปมา
ซูย้าวรู้สึกได้ ร่างกายจึงได้รัดตึงขึ้น อยากดิ้นรนให้หลุดพ้นไป แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงมหาศาลของเขาได้ ยังไม่ทันจะอ้าปากขึ้นด้วยความโกรธ ก็รู้สึกมือไม้ของชายหนุ่มกำลังไหลลงไปที่ต่ำ สัมผัสถึงของสงวนของเธอ และข้างใบหูก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น “แต่ว่าเมื่อสัมผัสจากมือแล้ว ดูเหมือนจะไม่เคยมีใครมาแตะต้องนะ…..”
“ลี่เฉินซี!”
เธอขบฟันด้วยความโกรธ
เขาไม่โกรธกลับยิ้มขึ้น ดึงมือที่อยู่ไม่เป็นสุขกลับ แล้วมาโอบอยู่ที่เอวของเธออีกครั้ง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้น “ไม่รู้เหรอว่าถ้าทำบ่อยๆ ความรู้สึกของที่ตรงนี้จะแตกต่างออกไป แค่จับก็รู้แล้ว!”
“ลี่เฉินซี!”
น้อยมากที่ซูย้าวจะอารมณ์ขึ้นแบบนี้ อารมณ์ปะทุขึ้นครั้งล่าสุด ก็คือลูกสาวหายตัวไปอย่างกะทันหันเมื่อสองปีก่อนโดยไม่ทราบสาเหตุ เธอลนลานขอร้องตำรวจท้องที่ว่าให้ช่วยเธอหาลูกสาวตัวเองให้เจอ
“เพราะไม่มีคนแตะต้องคุณ ถึงได้โกรธเหรอ” เขาพูดยียวน
สีหน้าของซูย้าวดูย่ำแย่ ทำไมชายหนุ่มคนนี้ไม่เจอกันไม่กี่ปี ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้…..
เธอต่อต้านและอยากจะผลักตัวเขาที่อยู่ข้างๆออกไป แต่รวบรวมพลังแล้วก็ไม่สามารถทำให้เขาขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะว่าหลายวันที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง ทำให้ไม่มีเรี่ยวมีแรง!
จู่ๆโกรธขึ้นกะทันหัน ทำให้อาการโรคกระเพาะกำเริบ
ซูย้าวใช้มือกดหน้าท้องของตัวเองอย่างเพลียจิต ร่างกายที่อ่อนแอเหนื่อยล้าซบกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอีกครั้ง และพูดอย่างอ่อนแรง “คุณมันบ้า แต่ว่าฉันไม่มีแรงทะเลาะกับคุณแล้ว!”
แล้วแต่เขาแล้วกัน!
โชคดีที่คนคนนี้เป็นเขา คิดเสียว่าทำบุญทำทานก็แล้วกัน
ลี่เฉินซีเปลี่ยนท่าที่สบายขึ้นแล้วโอบกอดเธอไว้ เธอนั้นเหมือนลูกแมวน้อย นอนขดตัวกลมอยู่ในอ้อมกอดของเขา หดตัวจนเป็นก้อนกลมๆ เขาใช้แรงมหาศาลในการคลายท่อนขาของเธอออก วินาทีถัดมา เธอกลับพลิกตัวหันหลังให้เขาอีก
เขาถอนหายใจ แล้วลูบหน้าท้องส่วนล่างของเธอด้วยมือที่ใหญ่และนวดเบาๆ “เจ็บกระเพาะล่ะสิ!”
ซูย้าวเงียบ
เจ็บกระเพาะบวกกับความหิวโหย อีกทั้งความเหนื่อยล้าจากแรงกระแทกของเรือ พลังจึงลดหลั่นลงอย่างเร็ว ตอนนี้เธอยังมีแรงพูดได้ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
“จำว่าได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่เป็นโรคกระเพาะนิ หลายปีมานี้ไปทำอีท่าไหน” เขาพลางนวดพลางถามขึ้น
ซูย้าวไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีแรงเยอะขนาดนี้ ยังมีแรงพูดคุยสนทนาอีก……
“รอครั้งนี้กลับไป ผมจะหาคุณหมอดีๆสักคนมาช่วยรักษา” เขากล่าว แล้วใช้มือใหญ่โอบร่างของเธอให้หันหน้ากลับเข้าหาเขา แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง แน่นจนแทบจะใช้ร่างของตัวเองห่อหุ้มร่างเล็กๆของเธอที่หนาวเย็นไว้ “แล้วจะหาหมอจิตแพทย์มารักษาคุณกับลูก!”
“…..”
ซูย้าวไม่มีแรงที่จะพูดแล้วจริงๆ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เธออดที่จะไม่พูดไม่ได้
“มารักษาคุณเถอะ! ฉันกับลูกสบายดี ทำไมในสายตาคุณถึงได้กลายเป็นคนป่วยไปได้นะ”
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม การกระทำนวดเบาๆที่หน้าท้องได้หยุดชะงักขึ้น แล้วพูดว่า “ใครใช้ให้คุณป่วยล่ะ คุณดูผมกับเจิ้งเอ๋อสิ พวกเราสองพ่อลูกนั้นสุขภาพแข็งแรงแค่ไหน…..!
“น้อยๆหน่อย ตอนนี้เจิ้งเอ๋อยังนอนสลบไม่ตื่นเลยนะ!” ซูย้าวทอดถอนใจ แค่เอ่ยปากก็เป็นการตบหน้าเขา
หว่างคิ้วชะงักขึ้น พลิกร่างมาทับร่างของเธอไว้ “ อย่างน้อยสุขภาพของผมก็แข็งแรงดี อยากลองตอนนี้ดูไหมล่ะ”
เธอชะงัก ตอนนี้ สถานที่แบบนี้ สถานการณ์เช่นนี้เนี่ยนะ
ซูย้าวตกใจและก็ช็อก ใช้แรงผลักเขาออกไปอย่างสุดกำลัง “ถ้าหากคุณมีพละกำลังขนาดนั้น ก็ใช้ในการหาวิธีออกจากที่นี่จะดีกว่า! อย่าคิดเรื่องที่ไร้สาระหน่อยเลย!”