ตอนที่ 681 ประธานเชี่ยนยื่นมือสวยๆไป
พนักงานกำลังเช็ดน้ำตา ดูแล้วท่าทางอายุสิบกว่า เป็นเด็กที่เพิ่งโต คนที่มาทำงานพิเศษในที่แบบนี้ได้ก็แสดงว่าฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี พยายามดิ้นรนเพื่อตัวเอง แต่กลับโดนลูกค้าบางคนดูถูก
พวกผู้หญิงแก่ที่ดูถูกพนักงานฟังๆดูเป็นพวกผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน เรื่องทำตัวไร้มารยาทนั้นไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ทุกวงการย่อมมีพวกขยะอยู่แล้ว
เสี่ยวเชี่ยนหยิบทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้พนักงานคนนั้น
“อ๋า ขอโทษค่ะ พี่มีอะไรจะใช้หนูไหมคะ?” พนักงานรีบเช็ดน้ำตา แล้วพยายามฉีกยิ้มให้เสี่ยวเชี่ยน
“ไม่มีอะไรหรอก เห็นเธอยืนมาทั้งวันน่าจะเหนื่อย เอาไปเช็ดหน้าสิ สาวน้อยหน้าตาดีอย่างเราร้องไห้แล้วไม่สวยนะ”
“หนูใช้กระดาษทิชชู่เช็ดก็ได้ค่ะ”
พนักงานปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เสี่ยวเชี่ยนจึงดึงทิชชู่เปียกให้ การเอาใจใส่แบบนี้ทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งใจ
“คนบางคนไร้มารยาท ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอกนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ คือ หนูทำงานแบบนี้จริงๆก็ควรจะชินได้แล้ว ก็แค่บางครั้ง—” พนักงานน้ำตาตกอีกรอบ ถูกคนด่าเหยียดหยามแบบนั้นมันน่าน้อยใจ พนักงานบริการก็คนเหมือนกันนะ ไม่มีใครสมควรต้องถูกด่า
“ไม่ต้องร้อง เธอยังเด็กความสามารถยังไปได้อีกไกล สู้ต่อไปสักวันครอบครัวจะต้องดีขึ้น”
“ขอบคุณค่ะพี่!”
ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้เกียรติพนักงานบริการ เสี่ยวเชี่ยนทำให้เด็กคนนี้ซาบซึ้งใจ
เสี่ยวเชี่ยนคุยเป็นเพื่อนอยู่สักพัก ก็มีคนเอาอาหารมาส่ง
พนักงานคนเดียวต้องดูแลลูกค้าหลายห้อง พนักงานคนนั้นพูดขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนแล้วเอาอาหารไปเสิร์ฟ
คนส่งอาหารเอาอาหารวางลงบนโต๊ะที่ใช้วางแก้วน้ำและของอื่นๆ แล้วเดินจากไป
เสี่ยวเชี่ยนมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ นี่เป็นอาหารที่ผู้อำนวยการอันสั่ง
เวลานี้ตรงทางเดินมีแค่เสี่ยวเชี่ยนกับบอดี้การ์ดของสุ่ยเซียน เสี่ยวเชี่ยนเอามือสวยๆหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมาบีบน้ำจนกระเด็นลงไปในอาหาร จากนั้นก็ใช้มือสวยๆขยำๆอีกรอบ~
บอดี้การ์ดคิดว่าตัวเองตาฝาด เขากระพริบตาถี่ๆ แต่ก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนดึงมือออกมาเช็ดด้วยทิชชู่เปียกจนสะอาดโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าเมื่อครู่เขาตาฝาดไปเอง
เธอทิ้งขยะลงในถังแล้วหันมา เห็นบอดี้การ์ดมองเธออย่างอึ้งๆ
“เห็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เห็นเลยครับ”
ผู้หญิงร้ายกาจ!
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วเดินเข้าห้องอย่างนางพญา ผู้อำนวยการอันสั่งแต่อาหารรสชาติจัด ซึ่งสามารถกลบกลิ่นน้ำจากผ้าขี้ริ้วได้
อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่ท้องเสียก็ถือว่าธาตุแข็ง ขี้เถอะ คิดเสียว่าท้องไส้ไม่ดีเอง
สิ่งที่ถ่ายออกมาได้คือของเสียจากร่างกาย แต่ความคิดขยะที่อยู่ในสมองไม่ต่างอะไรกับขี้กลับถ่ายออกมาไม่ได้
มื้อนี้สุ่ยเซียนกับเสี่ยวเชี่ยนกินกันอย่างไม่อร่อยเท่าไร ต้องมานั่งกินในห้องเดียวกับคนที่มีความคิดเข้าข้างตัวเอง ก่อนเสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนจะออกไปสองคนนั้นกำลังคุยกันว่าจะทำอย่างไรถึงจะอุดปากคนภายนอกได้แล้วผลักภาระให้เวยเวย แถมยังพูดว่าที่เวยเวยเป็นโรคซึมเศร้าก็เพราะตัวเองคิดไม่ตกเอง
พอออกมาจากร้านอาหารสุ่ยเซียนขอด่า “นี่มันความคิดแบบไหนกัน คนแบบนี้เป็นอาจารย์ได้ยังไง?”
“คนเป็นอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ยังมีจรรยาบรรณอยู่แหละ แต่พอคนเยอะขึ้นมันก็มีพวกที่ทำให้เสื่อมเสียอยู่บ้าง พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของอาจารย์ทั้งหมด พูดได้แค่ว่าใครเป็นนักเรียนของคนแบบนี้ก็เท่ากับซวย”
“ฟังจากตรรกะของสองคนนั้น เด็กผู้หญิงถูกรังแกยังจะโทษว่าเป็นความผิดของเด็กอีกเหรอ? เมื่อกี้ฉันเกือบทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปเถียงจริงๆ”
“ดังนั้นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเวลาถูกลวนลามถึงได้ไม่กล้าพูดออกมา ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอหรอก แต่เป็นเพราะพอพูดออกมาแล้วก็จะเจอกับความคิดที่เห็นต่างแบบนี้ คนที่ทำผิดจริงๆแล้วถูกลงโทษมีน้อยมาก สุ่ยเซียน ตอนที่เธอตามพ่อไปคุยธุรกิจ คงเคยเห็นผู้ชายที่เริ่มมีอายุพอเมาแล้วก็ทำตัวลามกใช่ไหม?”
“ใช่ ผู้ชายพวกนั้นคำพูดไม่น่าฟัง โดยเฉพาะหลังจากเหล้าเข้าปากแล้ว พูดออกมาทุกแบบ สีหน้าเวลาที่คนพวกนั้นคุยกันว่าจะไปจีบสาวๆยังไงมันน่าขยะแขยงมาก”
คนที่สุ่ยเซียนได้เจอล้วนเป็นบุคคลใหญ่โตในแวดวงธุรกิจ ปกติเป็นคนแต่งตัวสุภาพพูดจาดี แต่พอเหล้าเข้าปาก คำพูดแต่ละอย่างมีแต่ความโสมม ถึงพวกเขาจะไม่กล้าแตะสุ่ยเซียน—อย่างไรเสียผู้หญิงแบบสุ่ยเซียนก็ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะแตะต้องได้ แต่สุ่ยเซียนกลับได้เห็นคนพวกนั้นพอเมาแล้วไปลวนลามสาวๆบ่อยๆ
ผู้หญิงที่อยู่ในแวดวงธุรกิจหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ฐานะทางบ้านและตำแหน่งของเธอเป้นที่ประจักษ์ ไม่มีใครกล้ารังแก แต่การที่เธอต้องไปเห็นคนจิตใจสกปรกพวกนี้รังแกคนอื่น มันก็น่าขยะแขยงเหมือนกัน
ดังนั้นทังต้าเย่ถึงอยากให้จูขี้บ่นออกมาช่วยสุ่ยเซียน ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องมาดูแลธุรกิจใหญ่เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สุ่ยเซียนกลับคิดว่าจูขี้บ่นเป็นผู้ชายที่รักในหน้าที่การงานของตัวเองมาก เธอจึงฝืนบอกเลิกกับเขา
คำถามของเสี่ยวเชี่ยนได้ทำให้สุ่ยเซียนนึกถึงเรื่องปวดใจ
“มีความคิดหลายอย่างที่เป็นความคิดเข้าข้างตัวเองและเป็นความต้องการเพียงฝ่ายเดียว คิดว่าคนเป็นพ่อควรเป็นคนมีเมตตา อาจารย์เป็นเหมือนเรือจ้างที่ลำบาก คนมีเงินควรจะมารยาทดี อันที่จริงล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น คนเลวไม่แบ่งเพศ อาชีพ สถานะ คนบางคนพอฐานะดี มีเงินมีอำนาจ ถ้าไม่ใช้อำนาจไปอวดเบ่งก็จะรู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษ ความคิดแบบนี้ยิ่งทำให้คนพวกนี้กล้าทำเลวมากขึ้น”
“เชี่ยนเอ๋อ พอเธอพูดแบบนี้ฉันก็นึกได้ คราวก่อนพ่อพาฉันไปงานเลี้ยง มีนักธุรกิจจากหลายที่คุยกันต่อหน้าฉันกับพ่อว่าจะล่อลวงนักศึกษาสาวๆยังไง พูดได้น่ารังเกียจมาก แถมยังแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างภาคภูมิใจ บอกว่าผู้หญิงเวลาเจอเรื่องแบบนี้ไม่กล้าพูดออกมา แค่พวกเขาเอาเงินให้ เกลี้ยกล่อมนิดหน่อย จากที่ขัดขืนก็กลายเป็นสมยอม จนสุดท้ายก็กลายเป็นเมียน้อย คนพวกนั้นเห็นผู้หญิงเป็นเรื่องสนุก ฉันขยะแขยงมาก”
แน่นอนว่าคนพวกนั้นไม่ได้พูดโจ่งแจ้งขนาดที่สุ่ยเซียนพูด แต่โดยรวมแล้วก็ประมาณนี้ ผู้ชายอายุมากมักจะภูมิใจเรื่องที่หลอกสาวๆได้ ก็เหมือนกับที่ผู้หญิงชอบอวดเรื่องกระเป๋ากัน
“สาเหตุที่ผู้ชายอายุมากที่น่าขยะแขยงพวกนี้ได้ใจก็ตรรกะเดียวกับความคิดของผู้หญิงสองคนเมื่อกี้ที่พวกเราเจอ บ้านเรายังให้ความรู้เรื่องเพศศึกษากันไม่พอ ยังขาดการให้ความรู้กับผู้หญิง อีกทั้งอาจารย์บางคน ผู้ปกครอง รวมถึงคนรอบตัวบางคนยังหน้าไม่อายปัดความรับผิดชอบให้กับเด็กผู้หญิง คิดว่าการที่พวกเขาถูกลวนลามเป็นเพราะตัวพวกเขาเอง ดังนั้นเด็กหลายคนที่ถูกลวนลามถึงไม่กล้าพูดออกมา แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงด้วย”
ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนความคิดของผู้อำนวยการคนนั้นก็เหมือนคนที่ร่วมขบวนการด้วย หากจะพูดว่าผู้หญิงถูกคนๆเดียวข่มขืน ไม่สู้พูดว่าสังคมต่างหากที่ร่วมกระทำ
“ฉันไม่อยากจะแฉความคิดต่ำๆของผู้ชายพวกนั้นแล้ว ทำไมถึงได้มีผู้หญิงบางคนสนับสนุนด้วยนะ เห็นท่าทางของผู้อำนวยการคนนั้นแล้วฉันล่ะอยากให้เขาได้รับผลกรรม แถมยังบอกว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากที่เจ้าตัวคิดไม่ตกเอง เรื่องไม่ได้เกิดกับตัวเขา เขาก็พูดได้สิ” สุ่ยเซียนด่า
“อืม เขาต้องได้รับผลกรรมแน่นอน”
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าผู้อำนวยการจะต้องท้องเสีย แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า เรื่องที่น่ากลัวกว่านั้นกำลังจะเกิดกับผู้อำนวยการ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในภายหลัง