แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 685 ถึงกับคำรามในใจแล้วยังต้องฝืนยิ้มออกไป
“ได้ครับ ดูดีๆนะ—ผมเป็นบอดี้การ์ดที่พึ่งพาได้” อาเหม็ดพูดกับสุ่ยเซียน
ปกติเขาเดินมาในเส้นทางคนเท่ห์ๆ เพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้จะยิ่งเอาชนะใจสาวๆได้ แต่ภายใต้การบีบบังคับของเสี่ยวเชี่ยน เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะถูกสงสัยเข้าแล้ว
จากข้อมูลที่เขาได้มา ความสัมพันธ์ระหว่างทังสุ่ยเซียนกับเสี่ยวเชี่ยนไม่ธรรมดา เขากลัวว่าเสี่ยวเชี่ยนจะไปพูดอะไรกับสุ่ยเซียน ดังนั้นเขาจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รับความไว้วางใจจากสุ่ยเซียน
เขาหยิบก้อนอิฐขึ้นมาหนึ่งมัด จากนั้นก็ยกมือข้างที่ใส่สนับมือสีดำขึ้นมา ออกแรงฟันลงไปหนึ่งทีอิฐก็แตกกระจาย
เขาทำท่าทางภูมิใจออกมา
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
หลิวเหมยคิดว่าเธอฟันได้แค่สองก้อน ขณะที่กำลังปวดหัวหาทางออกให้ตัวเองอยู่นั้น อวี๋หมิงหลางก็เอามือมาจับไหล่เธอไว้
เป็นการบอกเธอว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรไป
“ดูท่าจะเคยฝึกกังฟูมา?” อวี๋หมิงหลางถาม แต่สายตากลับจ้องไปที่สนับมือของอาเหม็ด
นี่เป็นสนับมือที่ใช้บ่อยในการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ ใส่ติดกับมือไว้ เหมือนเป็นผิวหนังชั้นที่สอง นิ้วโผล่ออกมาด้านนอก ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ด้วยเซ้นส์ของอวี๋หมิงหลาง เขาคิดว่าสนับมือนี้น่าจะไม่ธรรมดา
ส่วนจะมีความผิดปกติยังไงนั้นเขาก็บอกไม่ถูก แต่เซ้นส์ของเสี่ยวเฉียงบอกว่า ลำดับต่อไปให้จัดการแบบนี้
“ใช่ครับ สปายอย่างพวกเราเคยฝึกกันมา ไม่สู้กับผู้หญิง แต่ปกป้องพวกเธอ” อาเหม็ดพูดแบบเท่ห์ๆ
แต่พี่หลางชอบท้าประลองความเท่ห์
เสี่ยวเชี่ยนเห็นอวี๋หมิงหลางอยู่ๆก็ยิ้มออกมา เธอสบายใจแล้ว
รอยยิ้มพี่หลางที่อยู่ภายใต้แว่นกันแดดนั้นมีความเจ้าเล่ห์มาก
พี่หลางหนึ่งคืนเจ็ดครั้ง อาจไม่ใช่ป้าบๆเจ็ดครั้งต่อคืน อาจเป็นแกล้งคนเจ็ดครั้งก็เป็นได้ ทำต่อเนื่องกัน
“ในเมื่อเป็นกังฟู งั้นก็ไม่ใช่แค่โจมตีได้ การป้องกันก็น่าจะเก่งด้วย แบบนี้น้องสาวผมก็คงต้องยอมแพ้แล้ว”
“พี่?” หลิวเหมยไม่เข้าใจ ดีๆชั่วๆก็น่าจะให้เธอฟันสักสองก้อนนา คนมีวิชาจะให้ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้ได้ยังไง จะแพ้ก็ให้มันสมเกียรติหน่อยสิ!
“เชื่อพี่เถอะ เขาฝึกกังฟูมา เธอเป็นผู้หญิงสู้ไม่ได้หรอก”
อาเหม็ดยิ้มอย่างได้ใจ เขามองไปทางสุ่ยเซียน เห็นยัง เขาพึ่งพาได้!
“แต่ให้น้องผมสู้กับคุณสักตั้งน่าจะได้นะครับ ให้เขาได้สัมผัสกับการป้องกันตัวของกังฟู ถือเป็นการขอคำชี้แนะจากสปายเก่าของประเทศMแบบคุณด้วย”
ฉึก อาเหม็ดยิ้มค้าง
สู้กับเขา…สักตั้งเหรอ?!
“วางใจได้ ตามกฎแล้วผมจะไม่ให้เขาเตะที่อวัยวะสำคัญของคุณ หลิวเหมย ตาเอย จมูกเอย ช่วงล่าง ห้ามเตะโดนเด็ดขาด พวกเราต้องทำตามกฎเข้าใจไหม?”
“พี่ หมัดฉันสู้แข้งไม่ได้ ขอใช้แข้งได้ไหม?”
What?!
ยังคิดจะใช้แข้งด้วยหรอ?!! อาเหม็ดพูดไม่ออก ในใจของเขาเริ่มคำรามแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนเกือบหัวเราะออกมา แต่เธอกลั้นไว้ได้ เพราะเธอรู้ว่าสามีเธอเป็นพวกชอบแกล้งอย่างต่อเนื่อง ถ้าเธอหัวเราะออกมา ต่อจากนี้จะไม่สนุก
เห้อ เป็นคนก็ไม่ง่ายเลยนะ ต้องกลั้นเอาไว้สุดแสนลำบาก!
“เรื่องใช้ขาตามกฎของการต่อสู้—” ขณะที่อาเหม็ดกำลังหาทางออกให้ตัวเองอวี๋หมิงหลางก็แย่งพูดก่อน
“ผมรู้ ตามกฎการต่อสู้ไม่มีปัญหา ศิลปะการต่อสู้ของบ้านเรามีความล้ำลึก ให้ความสำคัญกับการทำให้เป็นสากลมากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่า นอกจากอวัยวะสำคัญที่บอกมาแล้วจะเตะยังไงก็ได้”
ความนัยที่แฝงอยู่ก็คือ เมื่ออยู่ในพื้นที่ของเราก็ต้องทำตามกติกาของเรา อย่าเอากติกาของฝรั่งมาล้อเล่นดีกว่า
“คุณหนูครับผม—” อาเหม็ดมองสุ่ยเซียน ท่าทางเก๊กๆเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว
อยากให้สุ่ยเซียนทำตัววางมาดเหมือนคนรวยจริงๆ พูดออกไปว่า บอดี้การ์ดของฉันไม่ใช่พวกลิงโชว์นะ ทำแบบนี้ได้ยังไง เลิกคบ!
แต่น่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวังอย่างไม่ต้องสงสัย
สุ่ยเซียนมีมาดแบบคนรวยก็จริง แต่เธอเป็นพวกเดียวกับเสี่ยวเชี่ยน
“นายเป็นผู้ชายก็ยอมๆให้ผู้หญิงหน่อยสิ เขาอุตส่าห์ยอมแพ้แล้ว ถีบนายแค่ทีเดียวไม่เป็นไรหรอก” สุ่ยเซียนตอบ
“นั่นสิ คุณเป็นถึงสปายเก่าของประเทศM ฉันชื่นชมสปายของประเทศนี้มาตลอดเลยนะ” เสี่ยวเชี่ยนปักเข้าไปอีกมีด
“เขาเป็นแค่ผู้หญิง แรงไม่เยอะเท่าไรหรอก” อวี๋หมิงหลางเอาด้วย
หลิวเหมยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง “ใช่ๆๆ อาจารย์ก็บอกฉันแบบนั้น บอกว่าฉันน่ะเป็นผู้หญิงแรงขาไม่ค่อยจะมี เตะท่อนไม้สู้รุ่นพี่ผู้ชายไม่ได้เลย”
ตรูไม่ใช่ท่อนไม้เฟร่ย! อาเหม็ดตะโกนในใจพลางเหลือบมองขายาวๆของหลิวเหมย เขาคิดในใจว่าผู้หญิงจะขายาวแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?
ไหนจะเท้าโตๆนั่นอีก เบอร์สี่สิบได้มั้งนั่น?
ไหนว่าผู้หญิงจีนมัดเท้าไง แล้วนี่ขายาวเท้าโต ถีบเข้ามาเขาจะทะลุไปมิติอื่นไหม?
“นายทำมาดเท่ห์มาตลอดไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่เจอผู้หญิงก็กลัวแล้ว? ฉันไปบอกพ่อดีกว่าว่าบอดี้การ์ดคนนี้ไม่ไหว ขี้ขลาดไป ให้เปลี่ยนคนเดี๋ยวนี้เลย” คำพูดของสุ่ยเซียนทำให้อาเหม็ดหมดทางถอย
เขากระดิกนิ้วทำเท่ห์—แต่ในใจแทบจะร้องไห้
“มาเลยน้องสาว มาสู้กันสักตั้ง พี่จะยอมๆให้”
หลิวเหมยวอร์มเท้า อาเหม็ดตั้งท่าเหมือนม้า เขาคิดในใจว่า นี่เขาใจกว้างขนาดนี้แล้วผู้หญิงคนนี้คงไม่น่าถีบแรงหรอกใช่ไหม?
เขาบอกว่าจะยอมๆให้ ถ้าผู้หญิงคนนี้เข้าใจก็ควรจะเตะเบาๆพอเป็นพิธีก็พอแล้ว
อวี๋หมิงหลางพี่ชายจอมปั่นพูดเสริม
“หลิวเหมย สปายเก่าคนนี้เขาบอกว่ายอมให้เธอแล้ว เธอก็ยอมๆให้เขาบ้าง”
ใช่ แบบนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย อาเหม็ดเริ่มผ่อนคลาย
“พี่ จะให้ฉันถีบเบาๆเหรอ?”
“ไม่ๆๆ เขาอุตส่าห์มาจากแดนไกล เธอถีบเบาก็เท่ากับดูถูกสิ เขาฝึกกังฟูมาเลยนะ จากหลักการของศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ยิ่งเธอฟาดไปแรงมันก็จะยิ่งสะท้อนแรงกลับมาที่เธอโหดขึ้น ที่เขาบอกยอมให้เธอหมายถึงยอมให้เธอใช้แรงหนักๆ มีเท่าไรก็เต็มที่เลย เข้าใจ๊?”
…หลิวเหมยคิดในใจ นี่พี่ชายเขาอินกับพวกนิยายกำลังภายในมากไปหรือเปล่า?
มันจะมีแรงสะท้อนกลับมาได้ไงเล่า ทำเป็นพวกจอมยุทธ์ไปได้
“จะดีเหรอ?” หลิวเหมยรู้ว่าแข้งเธอถ้าฟาดไปท่อนไม้น่ะไม่เละหรอก แต่ถ้าเป็นกระสอบทรายละมีสิทธิ์แตก ไม่งั้นเวลาเธอไปที่ไหนจะพกกระสอบสำรองไปเองเหรอ?
จะบอกว่าเธอไม่เก่งมันก็ต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร
“เด็กคนนี้นี่ ไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้ประเทศเรากับประเทศMเป็นพันธมิตรกัน ถ้าเธอไม่ตั้งใจรับคำชี้แนะจากสปายเก่าคนนี้มันจะกระทบความสัมพันธ์ประเทศเข้าใจไหม!”
แม่งเอ๊ย! นี่คือสิ่งที่อาเหม็ดคิดในใจ
หลิวเหมยตั้งใจขึ้นมาทันที มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้เธอออมมือได้ยังไ!
เสี่ยวเชี่ยนหันหน้าหนีด้วยความทรมาน ไหล่เธอสั่นอย่างรุนแรง เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ
พี่หลางนี่โคตรตลก ขนาดประธานเชี่ยนที่คุมตัวเองได้เก่งมากๆยังเกือบหลุดขำ
สายตาอาเหม็ดเหลือบไปเห็นเสี่ยวเชี่ยนไหล่สั่น เขากัดฟัน ผู้หญิงคนนี้รู้เรื่องด้วยหรือเปล่า นี่เธอจงใจเหรอ?
เขาสังหรณ์ใจว่าผู้หญิงคนนี้จงใจ!