รวดเร็วดุจประกายไฟ เพียงชั่ววินาทีต่อมา ฝ่ามือของชายหนุ่มดุจดั่งมีลมกระโชกแรงจู่โจมเข้ามาทันใด การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วมากจนทำให้ไม่อาจระมัดระวังตัวตั้งตัว
เพียงแต่ว่าฝ่ามือนั้นยังคงทำได้เพียงตบอากาศ ซูย้าวไม่ได้รู้มาก่อนล่วงหน้า แต่จากความว่องไวในตัวเธอที่เป็นความสามารถพิเศษเธอจึงสามารถเอี้ยวตัวหลบได้ทัน
ทำให้ชายหนุ่มคว้าอากาศไว้เต็มเปา เขาหัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย มือข้างหนึ่งสัมผัสไปที่คางของตนเองมองดูซูย้าวอย่างขี้เล่นแล้วพูดว่า “หึๆ น่าสนใจนี่นา!”
เมื่อเขาพูดจบ มืออันว่องไวนั้นก็เข้าไปคว้าข้อมือซูย้าวเอาไว้ เรี่ยวแรงเขามากมายจนเกินที่เธอจะจินตนาการ ตอนที่เธอจะดิ้นหนีออกจากเขาก็พบว่าสายไปแล้ว
“เมื่อสักครู่ผมยังรู้สึกว่าน่าเบื่อสิ้นดี แต่ตอนนี้รู้สึกไม่เลวเลย ผมชอบผู้หญิงที่มีอารมณ์แบบนี้แหละ ได้รสชาติดี!” ชายคนนั้นยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ มือของเขากุมแน่นขึ้นกว่าเดิมแล้วดึงตัวซูย้าวเข้ามาไว้ในอ้อมอก ซูย้าวพยายามฝืนดิ้นรนจนโชคดีหลุดออกมาได้ แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้
ดวงตาของซูย้าวหรี่ลงทันใด หางตาของเธอเหลือบไปเห็นสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วหัวเราะด้วยความเยือกเย็น มองไปยังผู้ชายคนนั้นแล้วพูดว่า “จะลงไม้ลงมือกันใช่ไหม?”
คุณชายสามคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะพูดออกมาแบบนี้จึงชะงักลงเล็กน้อย เมื่อข้อมือผ่อนคลายออก ซูย้าวจึงฉวยโอกาสนี้ใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะฟาดดัง “เพล้ง!” ลงกับโต๊ะ เศษขวดแก้วกระจัดกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ และบางชิ้นส่วนก็ไม่ทันระมัดระวัง กระเด็นมาโดนผิวหนังอันบอบบางของเธอจนทำให้เกิดเป็นรอยและมีเลือดสีแดงไหลออกมาเล็กน้อย
แต่ซูย้าวก็ยังไม่หยุดการกระทำของตนเองลงเพียงเท่านี้ เธอถือขวดเหล้าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ มีคอขวดเป็นฟันฉลามแหลมคมชี้ไปทาง ลำคอของชายหนุ่ม ใบหน้าอันขาวผ่องของเธอฉายแววของหญิงสาวกระหายเลือดที่มีนัยน์ตาสวยงาม “ปล่อยมือ!”
แม้จะเป็นเพียงแค่คำพูดเพียงสองคำ แต่ก็ทำให้ภายในห้องวีไอพีที่ดังครึกโครมสามารถเงียบสงบจนไร้เสียงใดๆได้
การกระทำของเธอทำให้ชายหนุ่มคนนั้นตกตะลึงมากจริงๆ เขายิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือออกอย่างรู้งาน เพียงแต่สายตานั้นยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเหมือนงูพิษ “เก่งดีนี่ แต่คุณอานรู้หรือเปล่าว่าไอ้สิ่งนี้ควรใช้ยังไง?”
ตอนที่เขาพูดอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปมองขวดที่กำลังจ่อใกล้เข้ามากับคอของตน ตรงปลายแหลมคมนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร
คุณชายสามเลิกคิ้วอีกทั้งยังกล้าที่จะก้าวหน้าออกไปเพื่อให้คอสัมผัสใกล้เข้ากับปากขวดมากกว่าเดิม และกุมข้อมือของซูย้าวเอาไว้พูดว่า “ให้ผมสอนไหมว่าใช้ยังไง?”
ซูย้าวสัมผัสได้ถึงความขยะแขยง มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจนเธออยากจะสะบัดมือออกจากเขา แต่ผู้ชายคนนั้นก็ใช้โอกาสนี้แย่งขวดไปจากเธอ จากนั้นออกแรงที่ข้อมือสะบัดซูย้าวลงไปที่โซฟา
“แม่งเอ้ย กล้าเล่นแบบนี้กับฉันเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” คุณชายสามยิ้มอย่างเยือกเย็น เผยถึงความเยาะเย้ยดูถูกเหยียดหยาม
ผู้ชายคนอื่นๆที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็พากันหัวเราะขึ้นมาเสียงดังทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที
ชายหนุ่มหันสายตามาแล้วขยิบตาให้กับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่กำลังใช้แรงข่มขู่เซียวไน่ให้อยู่ในอ้อมกอดเขา และหันมามองทางซูย้าวที่กำลังพยายามจะดิ้นรนแต่กลับถูกเขากดร่างกายเอาไว้อีกครั้ง ในที่สุดเขาก็พูดออกมาประโยคหนึ่งแนวกำชับว่า “ห้าวจื่อ คนนั้นให้แกละกัน!”
ผู้ชายคนที่พยายามกอดเซียวไน่เอาไว้ยิ้มขึ้นทันที ก่อนจะสัมผัสไปที่แก้มของเซียวไน่เบาๆพูดว่า “ได้ยินไหม? แกเป็นของฉันแล้ว! ทำตัวน่ารักหน่อย คิดว่าฉันมาที่นี่เพราะแกรึไง?”
คุณชายสามก้มหน้าลงมองดูซูย้าวและปลดกระดุมที่ข้อมือออก ยื่นหน้าเข้าไปทางเธอพูดว่า “ฉันชอบผู้หญิงดุเดือดแบบนี้จริงๆ ค่อยๆปรุงแต่งรสชาติ แล้วจึงจะว่าง่าย……”
“แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายอย่างแก มันน่าขยะแขยง!” ซูย้าวตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
หากไม่ใช่เพราะข้างๆมีคนกดแขนเธอเอาไว้ เธอคงจะกระโดดลุกขึ้นมาและตบเขาสักสองสามที
ผู้ชายคนนี้ไร้ความสามารถน่าขยะแขยงเหลือเกิน! มากเสียจนเธออยากจะอ้วก
ดวงตาของคุณชายสามชะงักลงไปเล็กน้อย เดิมที่เขาต้องการจะพูดบางอย่างออกมา แต่กลับถูกผู้หญิงผมสั้นที่อยู่ข้างๆขัดจังหวะขึ้น เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วรั้งร่างเขาเอาไว้กระซิบบอกว่า “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ แค่ข่มขู่เซียวไน่ให้ตกใจก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาจริงก็ได้มั้ง!”
อีกอย่างพวกเธอต้องการจะจัดการคือเซียวไน่ ไม่ใช่ซูย้าว!
เมื่อชะงักไปสักพัก ผู้หญิงผมสั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เบื้องหลังของอานหว่านชิงมีอานเจียเย้น และได้ยินว่าเป็นคู่หมั้นของเพ้ยส้าวหลี่ด้วย ไม่เพียงแค่นี้นะ ดูเธอจะรู้จักและมีความเกี่ยวข้องกับคุณชายลี่อีกเล็กน้อย ดังนั้น……”
ดูเหมือนผู้หญิงผมสั้นจะค่อนข้างกังวลกลัว อีกอย่างก่อนหน้านี้พวกเธอก็แค่เล่นๆสร้างความสนุกสนานเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอู๋หยานต้องการ…… พวกเธอก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก
แต่คุณชายสามดูเหมือนจะกำลังสนุกสนาน เขาจะไปกังวลเรื่องราวแบบนี้ทำไมกัน จึงได้ผลักเธอออกไปแล้วตะโกนออกมาอย่างรำคาญว่า “ไสหัวไป!”
ผู้หญิงผมสั้นตกตะลึง เธอเห็นว่าเขากำลังจะพุ่งตัวไปทางซูย้าวจึงได้วิ่งเข้ามาขวางไว้อีกทีหนึ่งพูดว่า “คุณชายสามไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณชายลี่หรือคุณชายเพ้ย เราไม่ควรจะไปทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจสักคน!”
อีกทั้งเบื้องหลังของอานหว่านชิงยังมีอานเจียเย้นอยู่ด้วย! แม้ว่าจะเคยได้ยินแต่ชื่อของพวกเขาไม่เคยเห็นตัวจริงก็ตาม แต่อานเจียเย้นสามคำนี้ ก็ทำให้พวกเธอหวาดกลัวขึ้นมาได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายลี่ผู้มีชื่อเสียงคนนั้น!
การกระทำของเธอนี้ทำให้คุณชายสามรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นที่สุด จึงได้ยกมือขึ้นแล้วดึงแขนของผู้หญิงผมสั้นอย่างรุนแรง “แกเป็นบ้าหรือไง! คิดว่าฉันไม่กล้าลงมือกับแกเหรอ? ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
เมื่อเขาปล่อยมือลง ก็ได้สะบัดร่างของผู้หญิงผมสั้นคนนั้นลงไปที่พื้นอย่างแรง “พวกแกเรียกพวกพวกเรามานี่? พอตอนนี้บอกว่าไม่ได้ ทำอะไรกันอยู่?”
หลังจากสบถระบายอารมณ์ไปสองสามประโยค จุดสนใจของคุณชายสามก็กลับมาอีกครั้งแล้วมองไปทางซูย้าว
จากบทสนทนาของทั้งสองคนเมื่อครู่ซูย้าวจึงเข้าใจว่าทุกสิ่งนั้นเป็นไปดั่งที่เธอคาดเดาเอาไว้ ผู้ชายเหล่านี้คงจะเป็นคนที่อู๋หยานเรียกมา จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เธอและเซียวไน่ต้องอับอายขายหน้า เพียงแต่เรื่องความเข้าใจผิดกันก่อนหน้านี้ อู๋หยานต้องทำถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?
หรือที่จริงแล้วเรื่องไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เธอเห็น? ผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้านี้ช่างดุร้ายดุดันราวกับหมาป่าที่หิวโหยซึ่งกำลังจะตะครุบเหยื่อกินมาทางตน ซูย้าวจึงได้รีบหลบทันได้และพยายามปฏิเสธต่อต้าน ความคิดของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยว่าจะสามารถหลบหนีพ้นไปได้อย่างไร เมื่อมือใหญ่ของชายหนุ่มสอดแทรกเข้ามา ดวงตาของซูย้าวก็เบิกกว้างและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทั้งอายทั้งโมโห ความรู้สึกต่างๆร่วมกันและพยายามต่อต้าน
ส่วนเซียวไน่ที่อยู่ข้างๆก็มีสถานการณ์ไม่ต่างไปจากเธอ ห้าวจื่อได้ใช้บางอย่างมัดแขนทั้งสองข้างของเธออ้าไว้ จากนั้นบังคับใบหน้าของหญิงสาวกดเอาไว้แล้วจูบลงไป……
“เป็นถึงคุณชายสามตระกูลชู ที่แท้ก็เป็นบ้าแบบนี้เหรอ?”
ในขณะที่ซูย้าวยังคงมีสติอยู่ น้ำเสียงของเธอช่างคลุมเครือและกระตือรือร้น เธอรีบใช้ประโยชน์ตอนที่ชายหนุ่มกำลังงุนงงพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “จากคุณสมบัติต่างๆของแก แกขาดแคลนผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมต้องมาฝืนใจคนอื่นแบบนี้ด้วย ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไปแกจะไม่เสียใจในภายหลังหรือไง?”
“อีกอย่างแกไม่กลัวกรุ๊ปเพ้ยซื่อกับลี่ซื่อจริงๆใช่ไหม?” น้ำเสียงของซูย้าวรีบเร่งและเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดวงตาของชายหนุ่มมืดมน เผยให้เห็นความรู้สึกผิดปกติไป “อ้างกรุ๊ปเพ้ยซื่อกับลี่ซื่อมาบีบบังคับฉันอย่างนั้นเหรอ? แกคิดว่าฉันจะกลัวรึไง?”
“คุณอาจจะไม่กลัว แต่คนในตระกูลชูต้องกลัวแน่ ไม่เชื่อกลับไปถามพ่อคุณดูสิ หรือพี่คุณก็ได้ ลี่เฉินซี เพ้ยส้าวหลี่และอานเจียเย้น ชื่อเหล่านี้เมื่อพูดออกไปดูซิว่าพวกเขาจะ……”
เขาไม่ปล่อยให้เธอพูดต่อไป ชายหนุ่มเข้ามาบีบคอของเธอเอาไว้อย่างรุนแรง ทำไมคนรอบข้างเขาแต่ละคนจึงได้พากันกลัวลี่ซื่อกับเพ้ยซื่อกันนัก พวกมันเป็นอะไรกันแน่!
เรี่ยวแรงของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมจนทำให้ใบหน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นมาทันใด ดวงตาที่มองไปด้านหน้าเริ่มคลุมเครือ เธอกำลังจะหายใจไม่ออก แต่กลับพูดชื่อหนึ่งออกมาว่า
“ลี ลี่เฉินซี……”
“ปัง” เสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่บุกเข้ามาทำให้ทุกคนตกตะลึง ต่างพากันหันไปมองที่ประตูหน้าห้อง และมีร่างของสองคนเดินตรงเข้ามา พบว่าเป็นชายหนุ่มรูปงาม สวมชุดสูทเดินมาอย่างช้าๆ
พวกเขาทั้งสองไม่ให้เวลาคุณชายสามชู ตั้งสติหรือคิดใดๆทั้งสิ้น ลี่เฉินซีก้าวพุ่งเข้ามาดุจดาวตก เพียงสองสามเก้าก็เข้ามาถึงตัวเขาแล้วยกขาขึ้น ถีบผู้ชายคนนั้นเสียจนกระเด็น วินาทีต่อมาก็พบว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นร้องออกมาอย่างโหยหวนและกลิ้งลงไปยังพื้น
แรงกดทับร่างซูย้าวอยู่นานก็อันธพาลหายไปในชั่ววินาที เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่หลายครั้ง และอดไม่ได้ที่จะสำลักออกมา หางตาของเธอเหลือบไปสังเกตเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ยื่นมาใกล้