เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – บทที่ 673 ที่คุณแสดงออกมามันดีรึเปล่า

บทที่ 673 ที่คุณแสดงออกมามันดีรึเปล่า

เพียงประโยคเบา ๆ ว่า “แต่งงานกันเถอะ” ราวกับมีเวทมนตร์ร่องรอยออกมาตามอากาศ มันดังก้องอยู่ในหัวของซูย้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดั่งมนต์สะกด

ในค่ำคืนอันมืดมิด แสงโคมไฟถูกปิดลง เธอนอนหันหลังให้กับลี่เฉินซี ร่างบางกะพริบตาเบา ๆ พร้อมกับมองดูม่านหน้าต่างที่บดบังแสงภายนอกเอาไว้ ความคิดของเธอกำลังยุ่งเหยิงไปหมด ส่งผลให้หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำ มันหนักอึ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก

สุดท้ายแล้วเธอกับเขาก็ทำลงไปจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนไม่มีอะไรมาขวางกั้นแล้ว แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันยังห่างไกลกันเหลือเกิน ราวกับว่าทั้งคู่เผลอไปแตะต้องอะไรบางอย่าง ที่ทำให้พลาดหลุดออกจากเส้นทางที่เคยมี

รออยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งหญิงสาวได้ยินเสียงลมหายใจของชายหนุ่มดังออกมาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเธอแน่ใจว่าเขาหลับไปแล้ว ซูย้าวก็ค่อย ๆ ลุกจากเตียง หยิบชุดนอนขึ้นมาสวม จากนั้นจึงเดินออกไป

หลังจากประตูถูกปิดลงอย่างเบามือ ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ลืมตาอันเฉี่ยวคมขึ้น นัยน์ตาสีดำสนิทลุ่มลึก กำลังจ้องไปที่ไหนสักแห่งอย่างนิ่งเรียบ โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ตลอดทั้งคืน เห็นได้ชัดว่าใจเขาเองก็อยากจะสานต่อ แต่ก็ต้องพยายามควบคุมความรู้สึกนั้นไว้ แล้วปล่อยเธอไปก่อน เขาจะบุ่มบ่ามเกินไปไม่ได้ เพราะกว่าจะได้ครั้งนี้มาสักครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อีกอย่างอยู่ ๆ เขาก็พูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา คงจะทำให้เธอตกใจอีกแล้วใช่ไหมนะ?

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเปิดประตูห้องนอน ก่อนจะตรงไปยังห้องนั่งเล่น ห่างออกไป ลี่เฉินซีเห็นซูย้าวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว เบื้องหน้ามีแก้วน้ำร้อนแก้วหนึ่งวางอยู่ ควันจางค่อย ๆ ม้วนขึ้นเป็นเกลียวในอากาศ ทว่าหญิงสาวกลับนั่งนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แสดงออกมาเลยสักนิด

ซูย้าวบอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เธอแค่รู้สึกล่องลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนกระทั่งลี่เฉินซีโน้มตัวเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง สองมือของเขาวางลงบนไหล่เธอ หญิงสาวถึงจะสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

เขาซุกหน้าลงมาที่ซอกคอกับไหล่เธอเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแนบอยู่กับใบหูเธอ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดูมีเสน่ห์และชวนหลงใหล “นอนไม่หลับเหรอ?”

เธอชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะหันกลับไปจับแขนของเขาเอาไว้ “นิดหน่อยน่ะ”

“คิดอะไรอยู่?” เขาเดินอ้อมมา พร้อมกับนั่งลงบนที่วางแขนโซฟาข้าง ๆ เธอ สายตาหลุบลง นัยน์ตานั้นซื่อตรงและเต็มไปด้วยความหมายหลาย ๆ อย่าง

ซูย้าวยกมือข้างหนึ่งเท้าคาง ในหัวคิดวกไปวนมา “รอเช้าก่อน ฉันอยากเจอเจียงจี้ฉีมีบางอย่างที่ฉันต้องคุยกับเขาตามลำพัง”

ลี่เฉินซีพยักหน้ารับ “อืม เดี๋ยวผมให้จี้เซิงจัดการให้”

เพราะตอนนี้ เจียงจี้ฉีเจอปัญหาเรื่องคดีความกับอู๋หยาน อยู่ เจียงจี้ฉีก็เลยถูกสื่อต่าง ๆ ล่าตัวกันอย่างให้วุ่น เพื่อขอสัมภาษณ์เขา ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบจากพายุลูกนี้ ทางตระกูลเจียงจึงต้องซ่อนตัวเจียงจี้ฉี ไว้เป็นความลับก่อน รอจนถึงเวลาขึ้นศาล เขาถึงจะปรากฏตัวได้

ซูย้าวก้มหัวลงอย่างให้ความร่วมมือ “งั้นก็ขอบคุณนะ”

ชายหนุ่มยิ้มออกมาเบา ๆ อย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าผากมนของเธอ “ยังจะมาเกรงใจกับผมอีก? ลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นใครสำหรับคุณ?”

ซูย้าวกะพริบตาปริบ ๆ ทั้งสับสน ทั้งไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วเหรอ? ว่าเราจะแต่งงานกัน”

คำพูดง่าย ๆ เพียงหนึ่งประโยค เขายกมันขึ้นมาพูดอีกครั้ง

ไม่มีการเตรียมการอะไรให้มากความ ไม่มีการขอแต่งงานแบบโรแมนติกหรืออบอุ่น ไม่มีพิธีการที่น่าประทับใจซึ่งควรจะต้องจัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน เขาเพียงแค่ใช้น้ำเสียงธรรมดาที่สุด เพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันจริงใจที่สุดของเขาเท่านั้น

ทั้งเรียบง่าย ทั้งเป็นธรรมชาติ แต่ทันใดนั้น ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาตรงกลางใจของซูย้าว

เธอชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มเยาะออกมาอย่างเย็นชา “เลิกไร้สาระเถอะ”

ลี่เฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่เปล่งออกมายังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและหนักแน่น “ผมไม่ได้ล้อเล่น”

ซูย้าวต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ๆ แต่หญิงสาวแค่ไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอนั้นกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่รึเปล่า พอได้ยินเขาย้ำออกมาชัด ๆ อีกครั้ง เธอก็อยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกรอบ

เห็นเธอก้มหน้าลงไม่พูดอะไร ลี่เฉินซีจึงเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้ “ทำไมคุณถึงยังไม่เชื่อล่ะ? หรือคิดว่าการขอแต่งงานแบบนี้มันเรียบง่ายเกินไปเหรอ?”

เธอผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเขาพูดต่อว่า “งั้นก็รอกลับไปเมืองAก่อน ผมจะเตรียมการอีกที แล้วขอคุณแต่งงานใหม่อีกครั้ง”

ประโยคนี้ของเขาก็ไม่ได้ล้อเล่นอีกเช่นกัน จากตำแหน่ง อำนาจ และทรัพย์สินทางการเงิน ไม่ว่าเขาคิดจะขอเธอแต่งงานใหญ่โตมโหฬารขนาดไหน ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาทั้งนั้น

ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างอ่อนแรง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องไปที่เขาด้วยสายตาจริงจัง “ลี่เฉินซี คุณไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทำไมถึงเอาเรื่องตลกบนเตียงมาคิดเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ได้ล่ะ?”

ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใจความหมายของเธอ เขาเผยรอยยิ้มหยันออกมาอย่างเห็นได้ชัด “เพราะงั้นคุณเลยคิดว่าเรื่องบนเตียงนั่น เป็นแค่อารมณ์พาไปงั้นเหรอ? ”

เขาไม่รอให้เธอตอบกลับ มือหนายกขึ้นเชยคางเธอเบา ๆ “ที่รัก คุณคิดดูดี ๆ นะ บนเตียงเมื่อครู่ ท่าทีที่คุณแสดงออกมามันดีรึเปล่า?”

ซูย้าวหมดคำจะพูดไปชั่วขณะ เธอเริ่มกระสับกระส่ายไปมา ผ่านไปสักพัก แก้มนวลของเธอก็กลายเป็นสีแดงระเรื่อ

ทั้ง ๆ ที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงจันทร์บางเบาส่องผ่านหน้าต่างบานสูงจรดเพดานเข้ามา ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นก็ไม่ค่อยชัดเท่าไร ทว่าชายหนุ่มก็ยังเห็นแก้มนวลของเธอขึ้นสีจนดูเหมือนลูกมะเขือเทศน้อย ๆ ด้วยความเขินอายอย่างถึงที่สุดอยู่ดี

เขายกมุมปากขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเผยความชั่วร้ายออกมา “แค่ท่าทีของคุณแค่นั้น มันคงจะทำให้ผมมีความสุขจนลืมไม่ลงเลยรึไง?”

ซูย้าวนึกถึงฉากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทีละฉาก ทันใดนั้นความเขินอายและความอึดอัดใจก็ผสมปนเปกันเข้ามาทันที จนตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีเต็มไปหมด

เธอทั้งรู้สึกอายทั้งรู้สึกโกรธ พอจะสลัดเขาออกไป กลับถูกชายหนุ่มรั้งเอาไว้อย่างแรง ยิ่งทำให้ยากต่อการหลบหนีจากเขาอีก ก่อนที่เธอจะได้ยินเขาพูดต่อว่า “ผมพูดจริงนะ แต่งงานกันเถอะ!”

ยิ่งยืดเยื้อกันออกไปแบบนี้ก็ยิ่งไม่มีความหมาย แม้ว่าเธอจะยังไม่สามารถยอมรับตัวตนของซูย้าวได้อย่างเต็มร้อย แต่ยังไงเธอก็คือเธอ เธอก็คือคนที่ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบในตอนนั้น กดดันตัวเองเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา แถมยังคลอดลูกออกมาให้เขาอีก แค่จุดนี้จุดเดียว มันก็มากพอแล้ว

ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไว้ค่อยพูดเถอะ

ยังไงก็ยังอีกยาวไกล ชั่วชีวิตนี้ ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ

ต้องจัดการความสัมพันธ์ตรงนี้ให้แน่นอนก่อน ส่วนเรื่องของเพ้ยส้าวหลี่หลังจากนี้ค่อยว่ากัน

ซูย้าวจ้องเข้าไปในแววตาลึกล้ำของชายหนุ่มด้วยความมึนงง นัยน์ตาของเขาราวกับลุ่มแม่น้ำลึก เหมือนกับมีความรู้สึกที่แท้จริงกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในนั้น เธอเริ่มจะเชื่อคำพูดของเขาราวกับมีพรายมากระซิบที่ข้างหู หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับแกะแขนตัวเองออกจากพันธนาการของชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับเขาตรง ๆ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “แต่งงาน….มันเกี่ยวข้องกับอะไรหลาย ๆ อย่างนะ คุณได้คิดไว้บ้างรึยัง?”

“เกี่ยวกับอะไร?” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างรวดเร็ว คำพูดของเขาตามเธอมาติด ๆ

ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น พยายามคิดไปคิดมา “เช่นเรื่องพี่ชายของฉัน แล้วก็ตระกูลเพ้ย….”

ตอนนี้ตัวตนของซูย้าวคืออานหว่านชิง ซึ่งมันยากที่จะหลีกหนีความสัมพันธ์แบบพี่น้องระหว่าง อานเจียเย้นแล้วไหนจะตระกูลเพ้ยอีก ทั้งหมดต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย ดังนั้น เมื่อพูดถึงการแต่งงาน ยังไงก็ต้องพิจารณาและเตรียมการในแง่มุมเหล่านี้ไว้ด้วย

ลี่เฉินซีย้ายไปนั่งโซฟาข้าง ๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางเธอ “พี่ชายของคุณ ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเอง เขาจะคิดยังไงมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะสุดท้ายแล้วการแต่งงานก็เป็นเรื่องของคุณกับผมแค่สองคนอยู่ดี”

ถึงแม้ อานเจียเย้นคนนี้ดูแล้วจะไม่ค่อยมีอะไร แต่เมื่อสองปีก่อนเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจพรากหญิงสาวไปจากลี่เฉินซี สำหรับชายหนุ่มแล้ว ยังไงก็ยังหลงเหลือความแค้นในใจที่ลบล้างไม่ได้อยู่ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็มีเพียงเป้าหมายเดียวคือให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง อานเจียเย้น ยังทุ่มสุดตัวเพื่อดูแลเธอในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพราะงั้นเขาก็เตรียมใจที่จะให้อภัยอีกฝ่ายไว้แล้ว

อีกอย่างตอนนี้ เพ้ยหยู่เจี๋ยก็ได้จบชีวิตลง ตราบใดที่ อานเจียเย้น กลับตัวกลับใจได้ ไม่เข้าไปแทนที่ Jock ไม่ทำเรื่องเลวทราม บริหารบริษัทดี ๆ แล้วก็เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง มันก็ยังพอจะรับได้

ส่วนเรื่องตระกูลเพ้ย ระหว่างซูย้าวกับพวกเขา มันก็ถือเป็นความสัมพันธ์แบบญาติห่าง ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย

ซูย้าวเข้าใจความหมายที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อแล้ว แต่ก็ยังคิดไปคิดมาอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดังนั้น คุณก็หมายความว่า เรื่องการแต่งงานเป็นแค่เรื่องของฉันกับคุณใช่ไหม?”

“ใช่” เขาตอบกลับทันควัน ถึงแม้การแต่งงานจะเป็นเรื่องที่อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา แต่มันก็ผ่านกระบวนความคิดของเขามาแล้ว เพราะงั้นถ้าพูดตามตรง มันก็ไม่ใช่การพูดเพื่อให้ดีใจเล่น ๆ

เธอยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วเบา ๆ ก่อนจะเอนหัวพิงพนักเก้าอี้ “ถ้าอย่างนั้น คุณเคยถามความคิดฉันบ้างไหม?”

ถ้ากลับกันแล้ว เธอเคยตอบรับคำขอแต่งงานของเขาต่อหน้าบ้างรึเปล่า?

ลี่เฉินซีเงียบไป นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

เธอเลิกคิ้วพร้อมกับจ้องไปที่เขา ก่อนจะพูดเสริมว่า “ถ้าแต่งงานกัน สำหรับคุณแล้ว มันก็เป็นแค่การแต่งงานครั้งที่สอง แต่สำหรับฉัน ปัจจุบันฉันคืออานหว่านชิง ในความทรงจำของฉัน นี่ถือเป็นการแต่งงานครั้งแรก คุณลี่คะ คุณเคยคิดจะเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้างรึเปล่า?

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

Status: Ongoing

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท