ในห้องเล็กคับแคบ มืดทึบอบอ้าว เพราะไม่มีหน้าต่าง และไม่มีแสงสว่าง ไม่ใช่แค่นี้ ในห้องชื้นกว่าปกติ กลิ่นราเตะจมูก
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว แต่ที่เขาไม่ยากจะเชื่อมากที่สุด ก็คือบนเตียงเล็กแคบในห้อง ซูย้าวนอนขดตัวที่มุมหนึ่ง หันหลังให้เขา เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง สภาพทรุดโทรมน่าเวทนา
บาดแผลเลือดสดๆ สะดุดตา และรอยช้ำจ้ำเขียว บนผิวขาวผ่องของเธอ สะดุดตา และเห็นชัดเจนมาก
ชายหนุ่มกำหมัดสองข้างแน่น แทบไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อสองวันก่อนเธอยังดีๆ อยู่ แต่ตอนนี้กลับ…
เขาเดินตรงเข้าไป เอียงตัวยื่นมือไป แต่ตอนที่กำลังจะแตะตัวเธอ ก็ชะงักมือ สายตาเต็มไปด้วยความสับสน
ตอนนี้กำลังควบคุมตัวเอง พยายามสะกดอารมณ์ ในที่สุดก็เก็บความรู้สึกลึกๆ ที่เต็มหัวใจลงไป ความเย็นชา เข้ามาแทนที่ช้าๆ
ซูย้าวก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาจากด้านหลัง ก็ค่อยๆ ขยับตัว กว่าจะพลิกตัวได้แทบแย่ แต่ก็ยกมือขึ้นปกป้องตัวเองตามจิตใต้สำนึก หางตาปะทะกับสายตาเย็นชาหนาวเหน็บของลี่เฉินซี เธอก็ชะงักไป
ลี่เฉินซีเก็บมือไปแล้ว รูปร่างสูงชะลูดยืนที่ริมเตียง มองเธอลงมาจากที่สูง สายตาเย็นชา
หลังจากสายตาทั้งคู่มองกันครู่หนึ่ง แววตาชายหนุ่มขรึมลงนิดหนึ่ง หมุนตัวจะเดินออกไป เพิ่งขยับเท้า ก็ถูกแรงเบาๆ จากด้านหลังดึงไว้
เขาก้มมอง ก็เห็นนิ้วเรียวของเธอ หลังมือยังมีรอยเฆี่ยนตีบวมแดง กำชายเสื้อสูทแน่น
ขณะนี้ซูย้าวเป็นไข้สูง แม้ว่าอาการเจ็บปวดยากจะทนไหว แต่ที่ทำให้เธอยิ่งทนต่อไปไม่ไหว ก็คือบาดแผลที่แย่ลงและการติดเชื้อ การร้องขอชีวิตทำให้เธอไม่อยากจะทิ้งโอกาสทองนี้ไป
“พาฉันออกไปที” เสียงของเธอแหบพร่า แทบจะฝืนพูดออกมา อ่อนแรงบอบบาง
สีหน้าอมทุกข์ของลี่เฉินซี จ้องมองเธอเนิ่นนาน ครู่ใหญ่ ก็ดึงมือเธอออก พูดขึ้น “ออกมาเอง!” จากนั้นก็เดินก้าวยาวออกไปข้างนอก
ซูย้าวที่ไหนจะมีแรงเดินเอง แต่โอกาสเดียวอยู่ตรงหน้า ถ้าหากพลาดไปแล้ว เธออาจจะต้องถูกทรมานตายอยู่ที่นี่!
เธอพยายามยันตัวขึ้น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นจากเตียง มองไปรอบห้องไม่เห็นว่าจะมีเสื้อผ้าที่จะปิดบังรอยแผลและเสื้อที่ขาดรุ่งริ่ง เธอลังเลนิดหนึ่ง ก็ดึงผ้าปูเตียงมาห่อตัว จากนั้นพิงกำแพง ค่อยๆ เดินออกไป
ที่ทางเดินด้านนอก น้าชิวรู้เรื่องแล้วรีบมา แต่ยังไม่ทันเข้าไปพูดกับลี่เฉินซี ก็ถูกบอดี้การ์ดกดตัวไว้
จากนั้น ใบหน้าคมคายของลี่เฉินซีเย็นชา สายตาดุร้ายมองแวบหนึ่ง พยักหน้าเข้าใจ เขาก็จุดบุหรี่พลางเดินไปทางลิฟต์ เข้าไปในลิฟต์ทันที
จากชั้นใต้ดินชั้นสองถึงชั้นบน จนถึงทางออกไปข้างนอก ระยะทางเพียงไม่กี่นาที ซูย้าวเพราะร่างกายสะบักสะบอม เดินเกือบครึ่งชั่วโมง
ลี่เฉินซีสีหน้าถมึงทึงนั่งในรถ รอแล้วรอเล่า ใบหน้าเย็นชาเคร่งเครียด มองไปยังที่หนึ่งนอกหน้าต่างรถ ในที่สุดก็เหลือบเห็นเธอ เธอค่อยๆ ขยับเขยื้อนทีละก้าว สีหน้าชายหนุ่มยิ่งบอกบุญไม่รับ
ความโกรธทั้งหมดไม่มีที่ระบาย ทำให้เขากำหมดสองข้างแน่นโกรธจัด ยกมือขึ้นจะเปิดประตูรถโดยไม่รู้ตัว แต่ในที่สุดเขาก็ห้ามตัวเองไว้
ในชั่วพริบตา เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าเศร้าหมองแต่เดิม ก็ถูกสีหน้าเคร่งขรึมเข้ามาแทนที่ แม้แต่อุณหภูมิรอบตัว ยังลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
ขณะที่ซูย้าวเดินลำบากแสนสาหัส ที่ห้องหนึ่งของชั้นใต้ดินชั้นสอง เสียงร้องครวญครางเจ็บปวด บาดแก้วหูของคนมากมาย
น้าชิวถูกบอดี้การ์ดซ้อมจนหน้าบวมช้ำ เจ็บจบกลิ้งไปมา ไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสตะเกียกตะกายขึ้นมา คลานเข่าสองข้างไปหา “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ ผู้ช่วยหวาง ฉัน…”
หวางอี้ขมวดคิ้วรำคาญ เอียงตัวนิดหนึ่งเตะ แล้วปัดฝุ่นที่เลอะบนกางเกง แววตาเย็นชา “ตอนที่ประธานลี่มาส่งเธอ สั่งไว้ว่ายังไง”
ในชั่วเวลาสั้น น้าชิวพูดไม่ออก แต่ก็ยังพยายามอธิบาย ละล่ำละลักพูด “ประธานลี่สั่งให้เธอทำงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ทำให้ประธานลี่ไม่พอใจ ฉันสั่งสอนเธอหน่อย ก็ปกติไม่ใช่หรือ”
“ยังจะพูดว่าปกติหรือ” หวางอี้ตะลึงงงงัน เหลือบตามองเธอ “แกรู้มั้ยเธอคือใคร”
หวางอี้แทบจะไม่กล้าคิด แม้ว่าเขารู้ครั้งนี้ซูย้าวทำให้เจ้านายไม่พอใจจริงๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคนสองคน น้าชิวไม่ถามให้รู้เรื่องชัดเจน ก็ซ้อมซูย้าวจนเป็นอย่างนี้ คิดว่าคุณชายลี่ของพวกเขาใจดีหรือไง?!
ตะลึง กะพริบตาทำตัวไม่ถูก “ใคร ใครกันนะ”
“เธอคือคุณผู้หญิงลี่คนก่อนและคนปัจจุบัน ภรรยาของประธานลี่!”
ไม่กี่คำหลัง หวางอี้เน้นเสียง ขณะที่หันมา บอดี้การ์ดสองสามคนที่อยู่ข้างหลังก็ลากน้าชิวไป แล้วเริ่มประเคนหมัดเท้าเข่าศอกอีกครั้ง
น้าชิวเจ็บจนกรีดร้องครวญคราง ยังพูดขึ้นอีก “ฉันไม่รู้ ฉันผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ผู้ช่วยหวาง กรุณาเมตตาฉันด้วย ปล่อยฉันไปสักครั้ง…”
หวางอี้ขี้เกียจจะสนใจอีก ขณะที่จะเดินออกไปนอกห้อง ก็สั่งผู้จัดการที่รออยู่ข้างนอก “เดี๋ยวคิดบัญชีให้เธอหายตัวไปซะ ตั้งแต่นี้ไป ในเมืองA อย่าให้ประธานลี่เห็นเธออีก!”
ผู้จัดการตกใจจนตัวสั่นอยู่แล้ว ตอนนี้อึ้งไป รีบค้อมตัวหลุบตา “ครับ!”
……
คนขับรถขับไปตามเส้นทาง สุดท้ายก็วนหลายรอบตามช่วงถนนที่หรูหราที่สุดในใจกลางเมือง มาถึงลานของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
น่าจะเป็นบ้านที่เพิ่งสร้างใหม่ไม่นาน ทุกอย่างที่เห็นในสายตา ล้วนใหม่เอี่ยม
ทันทีที่รถจอด ลี่เฉินซีก็ลงจากรถก่อน จากนั้นก็เดินอ้อมไป มือข้างหนึ่งเปิดประตูรถ มืออีกข้างก็จับเอวบางของ ซูย้าว ลากเธอลงจากรถ แล้วลากเธอเข้าไปในคฤหาสน์
พอถึงห้องรับแขก เขาก็ออกแรงทันที โยนคนลงบนโซฟาแรงๆ รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นของซูย้าว ถูกเหวี่ยงจนเวียนหัว เจ็บจนขมวดคิ้วแน่น
ไม่ง่ายกว่าจะได้ผ่อนคลายลมหายใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นสีหน้าชายหนุ่มเย็นชาไร้อารมณ์ ยกมือขึ้นคลายเนกไท เดินเร็วผ่านเธอไป ขึ้นไปชั้นบน
ซูย้าวกวาดตามองรอบๆ ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน แต่ไม่มีคนรับใช้ เธอไม่รู้สาเหตุแน่ชัด เพียงแต่มองชายหนุ่มเต็มตา
ร่างสูงโปร่งระหง ด้านหลังที่เดินขึ้นไปสูงใหญ่ และเผยความโดดเดี่ยว เหมือนกับเมืองที่เงียบเหงาอ้างว้าง
เธอขมวดคิ้ว สายตามองตามเขาเดินขึ้นไปสักห้องหนึ่งแล้ว ถึงค่อยโล่งใจนิดหนึ่ง
เมื่อเทียบกับให้เธอรอความตายอยู่ที่อย่างนั้น ให้เธออยู่ข้างเขารอคอยโอกาสก็ยังดีกว่า อย่างน้อยที่สุด ลี่เฉินซีไม่มีทางทำอะไรเธอ
เธอกะพริบตารู้สึกหมดหนทาง เขาจะไม่ทำอะไรเธอจริงๆ หรือ ไม่รู้สิ แต่หวังว่าจะไม่!
ซูย้าวนวดหว่างคิ้ว ลองวัดอุณหภูมิตัวเอง ดูเหมือนตัวจะร้อนมากขึ้น เจ็บระบมไปทั้งตัวสุดจะทรมาน แต่ท้องว่างเปล่า หิวมากจริงๆ
เธอรีบลุกขึ้น พยายามเดินไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นค้นหา และหาในตู้กับข้าว กลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า
นอกจากข้าวของพวกหม้อชามแล้ว ก็ไม่มีวัตถุดิบและอาหารใดๆ!
เธอถอนหายใจจนปัญญา กระเพาะก็ปั่นป่วน ยิ่งหิวมากขึ้น
สองวันแล้วที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง หิวสุดๆ เธอได้แต่รินน้ำสองแก้ว ดื่มน้ำเอื๊อกๆ สองแก้วใหญ่ แล้วเดินไปที่ห้องพักของแขกชั้นล่าง
พอเดินเข้าไปในห้อง เธอก็ล็อกประตู จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อยืดที่ฉีกขาดระมัดระวัง เป็นไปตามคาด บาดแผลที่ฉีกขาดซ้ำ ติดเชื้อแล้ว!
เธอพยายามสะกดความกลัว ค้นหาในห้อง ก็ไม่มีอะไร จึงเดินออกมา
ห้องด้านล่างไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นห้องซักตากเสื้อผ้า และห้องออกกำลังกาย เมื่อหาอะไรไม่ได้ เธอจึงวางเป้าหมายที่ชั้นบน
ซูย้าวเดินย่องเบาขึ้นไปชั้นบน จำได้รางๆ ว่าลี่เฉินซีเดินเข้าไปห้องที่สอง เธอจึงเลือกห้องข้างๆ…