“อาตง!”
ซูย้าวตะโกนด้วยเสียงที่คลุมเครือ ทำได้เพียงมองดูอาตงถูกควบคุมโดยชายสองสามคนที่ฉีดยาให้เขา และในเวลาเดียวกัน ทั้งสองก็อุ้มอาตง ก่อนจะโยนเขาเข้าไปในรถ
ไม่ไกลนัก เสียงหยุดของรถก็ดังขึ้น ซูย้าวไม่ต้องหันไปมองก็เดาได้ว่าจะต้องพบกับใคร
หลังจากที่รถหยุดลง ประตูด้านหลังก็เปิดออกอย่างช้าๆ ลี่เฉินซีเดินลงมาอย่างสง่างาม ร่างสูงยืนตัวตรง บุคลิกองอาจผึ่งผายดูมืดหม่น แลดูโกรธเกรี้ยว เคร่งขรึม ดวงตาที่มองมายังเธอ ราวกับมีดคมที่สามารถเฉือนเธอออกเป็นชิ้นๆ ได้
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันกลับไปมองเขา เมื่อคำพูดมาถึงตรงปาก เธอกลับไม่มีแรงที่จะพูด ราวกับไม่ว่าตัวเองจะวิ่งไปที่ไหน เขาก็จะสามารถจับกุมเธอได้ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอหนีอีกรอบ จะมีความหมายอะไร?
หวางอี้ที่ยืนข้างกายลี่เฉินซี เขาเหลือบตามองไปยังอาตงที่นอนหมดสติอยู่ในรถ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “จัดการอย่างไรครับ?”
“นายว่ายังไงละ?” เสียงทุ้มต่ำของลี่เฉินซีเย็นเฉียบ ดวงตาเรียวยาวของเขาราวกับมีเลเซอร์ เล็งไปยังซูย้าว
หวางอี้คล้ายกับเข้าใจ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดก็รู้อยู่นานแล้ว เขารีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากบนรถ พร้อมกับเขียนคำว่า ‘ฉันเป็นขโมย’ เป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่บอดี้การ์ดห้อยกระดาษไว้ที่ของอาตง หลังจากนั้นเขาจึงหันไปสั่งคนที่ยืนข้างๆ ว่า “นำเขาไปที่หน้าประตูสถานีตำรวจ!”
บอดี้การ์ดทั้งสองพยักหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นจึงขึ้นรถทีละคน โดยอุ้มอาตงออกไปด้วย
ซูย้าวยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบ จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของเซียวหยางเธอก็รู้ว่าลี่เฉินซีเพียงมุ่งเป้ามาที่เธอ อาตงและเซียวหยางที่มีส่วนร่วม เขาจะไม่ทำอันตรายให้ถึงชีวิต
ชายหนุ่มชำเลืองมองมาที่เธอด้วยสายตาอันลึกล้ำ โดยไม่พูดอะไร เขาหันไปที่รถ แต่แทนที่จะนั่งเบาะหลัง เขากลับเข้าไปนั่งที่ของคนขับ
ซูย้าวยืนอยู่ที่เดิม หวางอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาว่า “คุณอานครับ”
หวางอี้พูดพลางผายมือเข้าไปในรถ เพื่อเป็นนัยว่าให้เธอขึ้นรถคันนี้
เธอรู้ว่าครั้งนี้ตัวเองหนีไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ชั่วคราว เธอจำเป็นต้องทำตามเขา ในขณะที่ประตูรถเพิ่งจะปิดลง และเธอยังไม่ทันได้คาดเข็มขัดนิรภัย ลี่เฉินซีก็เหยียบคันเร่งทันที รถสตาร์ทโดยฉับพลัน แล่นฉิวไปตามถนน
ไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนกันแน่ ความเร็วของรถถึงขีดจำกัดแล้ว และมันเร็วมากจนซูย้าวแทบทนไม่ไหว เธอรู้สึกหมดหนทาง ทำได้เพียงจับราวไว้แน่นตลอดทางที่เขาพาเธอไปยังชายทะเล
พูดให้ถูกคือ ที่นี่คือท่าเทียบเรือ แต่เขาเลือกสถานที่ที่เงียบสงบกว่า โดยมีแค่เรือขนส่งสินค้าและเรือหาปลาเพียงไม่กี่ลำจอดอยู่บริเวณชายฝั่ง แล้วไปที่อื่น
เมื่อรถหยุดลง ระหว่างทางที่เธอต้องอกสั่นขวัญแขวนก็ผ่อนคลายลง หลังจากหายใจเข้า ก็ได้ยินชายหนุ่มพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ลงมา!”
เธอพยายามชะลอเวลา ค่อยๆ ลงมาจากรถ ทันทีที่เธอลงจากรถ ทันใดชายหนุ่มก็ใช้กระชากแขนของเธอข้างหนึ่ง ในขณะเดียวกัน เขาก็คว้าคอเธอด้วยมืออีกข้าง แล้วผลักเธอไปที่ตัวรถ เขาแรงเยอะมาก ราวกับว่าเขาต้องการจะฆ่าเธอทั้งเป็นแบบนี้!
“ทำไมต้องหนี?” น้ำเสียงที่เย็นชาของลี่เฉินซี ดูเหมือนจะระเบิดออกมาจากนรก ความเยือกเย็นในดวงตาของเขาก็แผ่ซ่านออกมาทุกคำพูด
ซูย้าวหลับตาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร เพียงแค่ใช้ความเงียบจัดการกับมัน
แรงของมือเขายิ่งบีบแน่น ซูย้าวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด ลมหายใจของเธอติดขัด เธอหายใจไม่ออก เลยทำให้หน้าของเธอแดงก่ำ
“หรือว่านี่จะเป็นจุดประสงค์ของคุณ” ลี่เฉินซีกัดฟันพูด เขาระงับความโกรธเอาไว้ “คุณแค่ต้องการบริษัทที่ต่างประเทศของผมกับเงิน ใช่ไหม?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่บอกผม!”
แค่เธอบอกว่าอยากได้ เขาจะให้เธอทันทีโดยไม่ลังเล ทำไมเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ เธอถึงทำให้มันซับซ้อน
ซูย้าวที่ถูกเขาบีบคอพูดไม่ออก แม้กระทั่งการกระทำที่ดิ้นรน ก็ดูน่าเบื่อก่อนแล้ว ดวงตาที่เคร่งขรึมของเขาบีบรัด เป็นเวลานาน เขาถึงค่อยคลายมือลง ก่อนจะสะบัดเธอทิ้งไป
จู่ๆ เธอก็สูญเสียการควบคุม ร่างของเธอที่ไร้การป้องกันซวนเซลงกับพื้น โชคดีที่เป็นพื้นทราย ดังนั้นเมื่อล้มลงไปแล้ว จึงไม่เจ็บมากนัก
เธอกัดฟัน ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ชายหนุ่มเอนตัวลงเล็กน้อย ยกแขนของเธอ ก่อนจะดึงเธอขึ้นอีกครั้งอย่างง่ายดาย “พูดมา!”
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกอย่างช่วยไม่ได้ เธอเงยหน้ามองเขาช้าๆ “พูดอะไร? คุณก็เดาถูกนี่ จะให้ฉันพูดอะไรอีก!”
“ลี่เฉินซี ฉันก็พูดกับคุณไปตั้งนานแล้วนะ ฉันไม่ได้คนดีอะไร ไม่ใช่ซูย้าวที่คุณโหยหามาเนิ่นนาน ฉันคืออานหว่านชิง เป็นคนเลวที่เอาแต่ใจ แล้วก็นะ ถ้าหากฉันพูดความจริงกับคุณแต่ทีแรก ถ้า……”
เธอคิด ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าได้มา ก็ไม่สนุกอีกแล้ว ใช่ไหมล่ะ? คนเลวต้องใช้วิธีที่แย่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าคนเลวได้ยังไง?”
“คิดให้ดี คุณเพิ่งสูญเสียสาขาในต่างประเทศมากกว่าหนึ่ง และเงิน 30 พันล้าน ถ้าแปลงเป็นเงิน……”
เธอลากเสียงยาว เพราะว่าคำนวณละเอียดขนาดนี้ ดังนั้นก็ไม่มีตัวเลขที่เป็นรูปธรรม เป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่ลี่เฉินซีไม่อนุญาต และเขาก็ไม่ให้เวลาเธอ เขาจับกุมข้อมือของเธอ แรงอันทรงพลังของเขาราวกับจะบดกระดูกเธอให้เละเป็นจุณ “เงิน?”
“ในหัวของคุณ มันมีแค่เงินหรือไง?”
พูดให้เข้าใจ นี่มันเรื่องของเงินเหรอ?
ใบหน้าของเขาแสดงออกว่าโกรธจัด ก่อนที่เขาพูดเสียงรอดเร้นไรฟันว่า “แล้วแม่ของผมละ? คุณทำอะไรกับเธอ?”
หลังจากเจี่ยงเวินอี๋หายตัวไป เขาได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ขณะเดียวกัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้ส่งคนไปสืบหาข่าวคราว แต่ก็ไร้วี่แวว ดังนั้นเขาจึงเดาไปในทางที่แย่ที่สุดว่า เธอเป็นคนพาตัวเจี่ยงเวินอี๋ไป!
ซูย้าวอดทนต่อความเจ็บปวดที่ข้อมือ เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปสบตาของเขา แต่กลับดูเลือนราง “คุณคิดว่าฉันจะทำยังไงกับเธอละ?”
“คนคนหนึ่งที่ถูกต้องสงสัยว่าจ้างคนมาฆ่าแม่ของฉัน พูดตรงๆ ก็คือฆาตกรนี่นะ คุณคิดว่าฉันจะจัดการกับหล่อนยังไงละ?”
“คุณนี่มัน……” ลี่เฉินซีพูดไม่ออก เพราะความโกรธที่รุนแรงของเขา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าต่อไปเขาจะทำอะไรเธอ!
ซูย้าวจงใจฉีกยิ้มที่ดูไร้หัวใจออกไป ตาโตของเธอกะพริบอย่างสวยงาม “เป็นอะไรไป? เพราะว่าหล่อนเป็นแม่ของคุณ ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะเป็นห่วงสินะ แต่คุณเคยคิดบ้างไหม ตอนที่แม่ของฉันตายไปเมื่อ7ปีที่แล้ว ฉันจะรู้สึกยังไงบ้าง?”
“แม่ของคุณฆ่าแม่ของฉัน ฉันแก้แค้นแทนเธอ มันไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซูย้าวยักไหล่ รอยยิ้มของเธอค่อยๆ เย็นชา “หรือไม่คุณก็ฟ้องร้องฉันสิ! แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีหลักฐานนะ แล้วจะทำยังไงละ? คุณลี่ก็คงทำได้เพียงยอมรับมัน?”
ดวงตาที่มืดมิดและมัวหมองของลี่เฉินซีสั่นเทา เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ เขาโกรธเธอ เรื่องของเด็กๆ เขาจะไม่ปล่อยเธอไปแน่ แต่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อน ว่าเธอจะ……
ใช้น้ำเสียงที่ไม่แยแสเช่นนี้ บรรยายเรื่องราวอย่างแผ่วเบา นี่ยังอยู่ในความทรงจำของเขา…
จริงสิ เขาควรจะตื่นได้นานแล้ว ซูย้าวคนเดิมได้ตายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ คืออานหว่านชิงที่มีพิษร้าย!
“แก้แค้นใช่ไหม ดี ทำได้ดี!” เสียงเย็นชาของลี่เฉินซีเฉียบแหลม รวมเข้ากับดวงตาที่ฉายความเป็นศัตรูของเขา ราวกับปีศาจกระหายเลือดที่คืบคลานออกมาจากนรก
ทันใดเขาก็ยกมือขึ้นจับคางเธออย่างแรง ราวกับว่าเขากำลังจะหักกรามของเธอในทันทีด้วยแรงอันทรงพลังนี้ “คุณฆ่าแม่ของผม ผมก็ต้องมีหน้าที่แก้แค้นแทนแม่ของผม!”
พูดจบ เขาก็ลากเธอตรงไปยังเรือประมงที่เต็มไปด้วยสินค้าอย่างหยาบคาย เมื่อเห็นเฮียที่รับผิดชอบ เขาก็ผลักเธอไปยังอีกฝั่ง เมื่อซูย้าวทรงตัวได้ ชายหนุ่มก็หมุนกายจากไป เหลือเพียงแผ่นหลังที่เย็นชาไว้ให้เธอมอง