แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 712 ไม่มีแกล้งหนักสุด มีแต่หนักยิ่งกว่า
เสี่ยวเชี่ยนตบด้วยท่าทางสง่างาม หม่าชิงถึงกับอึ้ง เอามือจับหน้ายืนนิ่งไปสักพัก พอได้สติก็ร้องไห้
“พี่ มันรังแกฉัน พ่อแม่ มันตบหนู”
แม่หม่าหน้าบึ้ง เธออยากตบเสี่ยวเชี่ยนกลับ แต่เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาเอาเรื่องกลับมา
“ฉันจะเอาคืน” หม่าชิงพุ่งเข้าไป หลิวเหมยเข้าไปขวางหน้าเสี่ยวเชี่ยนโดยอัตโนมัติ ออกแรงผลักเสี่ยวชิงเล็กน้อยอีกฝ่ายก็ถอยล้มลงไปนั่งกับพื้น แถมบังเอิญล้มไปถูกมุมโต๊ะพอดี ทำให้ชามน้ำซุปที่ไม่ได้วางให้ดีคว่ำลงมาใส่หัว
มะเขือเทศสีแดงกับไข่สีเหลืองรดเต็มหน้า มีชามครอบอยู่บนหัว พออ้าปากร้องก็พ่นสาหร่ายออกมาจากปาก…
“พี่ มันแกล้งฉัน…ฮือๆๆ” หม่าชิงอยากจะบ้า
“หลิวเหมย ทำไมเธอใจร้ายแบบนี้” หม่าลุ่ยถามหลิวเหมย
“ก็เขาจะมาทำพี่สะใภ้ฉัน ยอมไม่ได้หรอก พี่หลางบอกว่าต้องช่วยเหลือพี่สะใภ้ตลอด ถ้าพวกคุณทำกับครอบครัวฉันแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกินข้าวด้วยกันแล้ว พี่สะใภ้พวกเราไปกันเถอะ”
หลิวเหมยไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอรู้ว่าใครคือครอบครัวของเธอ
พอเห็นหลิวเหมยกำลังจะไป พ่อแม่หม่าลุ่ยก็คิดได้ว่าปล่อยหลิวเหมยไปไม่ได้ ถ้าไปบ้านก็หลุดลอยไปด้วย ลูกชายจะย้ายงานถ้าไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเมืองก็ต้องย้ายกลับไปที่บ้านสิ
ในช่วงเวลาสำคัญนี้พ่อหม่าได้สติก่อนใคร เดินเข้าไปหาเสี่ยวชิงแล้วเงื้อมือตบลูกสาวตัวเอง
“ไอ้ลูกคนนี้ปากไม่มีหูรูด ทำให้พี่สะใภ้เขาไม่พอใจ แกมันสมควรโดนตบ หลิวเหมยอย่าโกรธเลยนะ ลุงสั่งสอนเขาให้แล้ว”
พ่อหม่าขยิบตาให้ลูกสาว หม่าชิงจึงพูดกับหลิวเหมยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ พ่อแม่ฉันอุตส่าห์มาหา พวกเขาชอบเธอมาก พวกเรามันคนบ้านนอก คำพูดไหนที่แรงเกินไปก็อย่าถือสา แต่ถ้าเธอจะเอาเรื่องจริงๆฉันก็ต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วย”
“โวะ” สุ่ยเซียนร้องออกมาเบาๆ มาไม้นี้เล่นเอาเสี่ยวเชี่ยนกับหลิวเหมยเหมือนเป็นคนผิดไปเลยนะ คำว่า ‘คนบ้านนอก’ ที่ออกจากปากกระแทกใส่หลิวเหมยแทบจะบี้ให้จมดิน
อีกทั้ง ‘คำพูดแรงเกินไป’ ที่ออกจากปากครอบครัวนี้ คนที่ได้ฟังถ้าไม่หูหนวก สมองตาย เป็นต้องโกรธแน่นอน
แต่หลิวเหมยไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนนั้นนี่นา เธอมาทีหลังย่อมไม่รู้รายละเอียด พอได้ยินครอบครัวหม่าขอโทษก็รู้สึกว่าทำเป็นเรื่องใหญ่คงไม่ดี ผู้หญิงคนนี้จิตใจดีขี้สงสาร ดูท่าทางจะยอมประนีประนอม
สุ่ยเซียนมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างจนใจ สายตานั้นต้องการสื่อว่า มีเธออยู่จะปล่อยให้เกิดเรื่องเอาผักกาดขาวต้นอวบไปป้อนหมูเหรอ
เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ
ผักกาดขาวต้นอวบเพิ่งมาอยู่กับเธอไม่นาน ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่มีใครเห็นผักกาดขาวต้นนี้เลยด้วยซ้ำ
ครอบครัวหม่าตอนด่าคนอื่นมีสีหน้าแบบหนึ่ง ตอนนี้พอเจ้าตัวมาก็รีบเล่นละครเป็นคนอ่อนแอ ทำตัวมีศีลธรรม คล้ายกับว่าถ้าเสี่ยวเชี่ยนกับหลิวเหมยยังจะเอาเรื่องก็เท่ากับรังแกคนอ่อนแอ
“พี่สะใภ้…ฉัน…” หลิวเหมยลำบากใจ เสี่ยวเชี่ยนรู้แผนพวกนี้ดี เธอตบบ่าหลิวเหมย
“ไม่เป็นไร ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน เธออยากอยู่ก็อยู่นะ”
“แค่เรื่องเข้าใจผิด คนกันเองทั้งนั้น มานั่งกินข้าวด้วยกันเถอะ” แม่หม่าสมกับเป็นคนหน้าหนา เหตุการณ์มาถึงขนาดนี้แล้วยังกู้สถานการณ์ได้ จะปล่อยให้บ้านหลุดลอยไปไม่ได้เด็ดขาด อ้อไม่สิ ปล่อยหลิวเหมยไปไม่ได้เด็ดขาด
สุ่ยเซียนทนดูต่อไปไม่ไหว เธอหยิบกระเป๋าแล้วยืนขึ้น
“เชี่ยนเอ๋อ บ่ายฉันมีธุระ ไปก่อนนะ”
“ฉันไปด้วย จริงสิหลิวเหมย มีคำพูดหนึ่งที่ทางบ้านเราลืมบอก เจอหน้ากันครั้งแรกฝ่ายหญิงห้ามควักเงินเป็นอันขาด ถึงบ้านเราจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ตามธรรมเนียมบ้านเรา ถ้ามื้อแรกฝ่ายชายไม่ออกเงินจะตายโหงทั้งครอบครัว พี่เตือนเพราะเป็นห่วงพวกเขานะ เราต้องเคารพธรรมเนียมปฏิบัติ” คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำเอาครอบครัวนั้นหน้าถอดสี
เมื่อกี้ตอนครอบครัวนี้พูดกันว่าจะให้หลิวเหมยซื้อรถก็เอาเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติมาอ้าง ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเอาคืนบ้าง เห็นได้ชัดว่าจงใจเล่นงานกลับ
“พี่สะใภ้ไม่อยู่กินด้วยกันเหรอคะ” จากสถานการณ์เมื่อกี้ทำให้หลิวเหมยรู้สึกลำบากใจ เธออยากลองดูว่าจะทำให้เสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวชิงปรับความเข้าใจกันได้หรือเปล่า
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ช่วงนี้พี่มีแพลนปรับสมดุลในร่างกายน่ะ ไม่อยากลดน้ำหนัก ไม่อยู่กินกับพวกเขาดีกว่า”
“อุ๊บ” สุ่ยเซียนเก็ทมุก เชี่ยนเอ๋อหมายความว่ากินข้าวกับคนพวกนี้น่าขยะแขยงจนทำให้กินไม่ลง
“คุณพี่สะใภ้จะไปแล้วเหรอ อยากให้อยู่กินข้าวด้วยกัน” สายตาของแม่หม่าเห็นได้ชัดว่าดีใจ ก็แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น
นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน หลิวเหมยเลือกพวกเธอแล้วนี่
แต่น่าเสียดายที่ป้าสูงวัยนักแสดงได้โล่คนนี้คงต้องผิดหวัง เพราะเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้หันไปมองเธอ
“เหม่ยจื่อเธอจะเอาไงก็เอา เรื่องวันนี้พี่กับพี่ชายเธอรู้ดีแก่ใจ”
เสี่ยวเชี่ยนหยิบกุญแจออกมาเตรียมเดินออก แฟนของหลิวเหมยแอบมองตรารถที่อยู่บนกุญแจโดยอัตโนมัติ
นับตั้งแต่เขามีความคิดอยากย้ายงาน เวลาว่างๆก็ชอบดูนิตยสารรถ จินตนาการชีวิตหลังจากที่ตัวเองย้ายงานแล้วคงมีบ้าน มีรถ มีภรรยาและก็ลูกชาย พ่อแม่เขาลำบากมาทั้งชีวิตแต่มีเงินเก็บอยู่ไม่เท่าไร หากเขาอยากจะบรรลุเป้าหมายก็อาจต้องพึ่งการสนับสนุนจากฝ่ายหญิง ‘เล็กน้อย’
หลิวเหมยบอกว่าพ่อแม่เป็นข้าราชการทั่วไป เดิมเขากังวลว่าอยู่กินกับผู้หญิงแบบนี้คงกดดันเรื่องเงินแน่ แต่หลังจากที่ก่อนหน้านี้หลิวเหมยเปรยๆว่าอยากซื้อบ้านเขาจึงตัดสินใจมาขอคืนดีทันที หลังจากที่เขาย้ายงานแล้วก็จะมีงานทำเป็นหลักแหล่ง หลิวเหมยไม่มีงานทำเป็นชิ้นเป็นอันก็ ‘สมควร’ ซื้อบ้านซื้อรถ ‘ยุติธรรมดี’
เสี่ยวเชี่ยนเก็บรายละเอียดของผู้ชายคนนี้ได้หมดแม้แต่การเปลี่ยนแปลงทางสายตา เธอตบบ่าหลิวเหมย “พี่เธอบอกว่า ดูแลพวกเขาให้ดี แล้วก็เอาเงินนี่ไปนะ”
เสี่ยวเชี่ยนหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าปึกหนึ่ง ซึ่งมีแต่แบ๊งค์ร้อยหยวน ดูๆแล้วน่าจะเป็นพัน
ดึงดูดสายตาหม่าลุ่ยกับแม่ได้เป็นอย่างดี
“พี่สะใภ้ ไม่ต้องหรอกค่ะ…” หลิวเหมยไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่สะใภ้ต้องให้เงินเธอด้วย
สุ่ยเซียนไม่เข้าใจยิ่งกว่า เรื่องตบหน้าเป็นสไตล์ของประธานเชี่ยน แต่ทำไมตบหัวแล้วยังลูบหลัง เท่าที่เธอรู้จักเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางยอมเสียเปรียบคนที่ตัวเองเหม็นขี้หน้า งั้นให้เงินทำไม
“เอาไปสิ พี่เธอให้ กินข้าวเสร็จพาแม่สาวตาโปนใส่หมวกชามโรยหน้าด้วยมะเขือเทศกับไข่ไปเดินห้างซื้อเสื้อผ้าของใช้จิปาถะซะนะ คนอื่นไม่ได้รับการสั่งสอนก็เรื่องของคนอื่น แต่ตระกูลอวี๋ของเรารู้พวกธรรมเนียมปฏิบัติดี”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนฟังดูดี แถมยังได้แซะหม่าชิง
“งั้นพี่จะให้เงินฉันทำไม ฉันมีค่ะ” หลิวเหมยไม่ชินกับการรับเงินคนอื่น ต่อให้เป็นเสี่ยวเชี่ยนที่สนิทกันเธอก็ไม่เคยคิด
“พี่ให้ก็รับไว้เถอะ” เสี่ยวเชี่ยนเอาเงินยัดใส่มือหลิวเหมย แล้วตบมือหลิวเหมยเบาๆเหมือนแฝงความนัย
“ตอนคุยกันคอจะแห้ง อย่าลืมชาดอกเก๊กฮวยนะ”
อาเหม็ดกลับมาหลังจากสูบบุหรี่ไปหลายมวน พอเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับเกร็ง ถึงจอมปีศาจจะยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร แต่อาเหม็ดที่เสียเปรียบไปหลายครั้งรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเสี่ยวเชี่ยน นี่คือประสบการณ์หลังจากที่เสียรู้มาเยอะ
จอมปีศาจวางแผนอะไรอีกเนี่ย