“ตอนนั้นคุณเป็นคนพูดอะไรออกมา? และทำอะไรไว้? ยังจำได้ไหม?”
เมื่อเผชิญหน้ากับการไถ่ถามของซูย้าวทุกประโยค ในสมองของอานเจียเย้นพลันดังกึกก้อง เขาจะลืมได้อย่างไรกัน!
อดีตที่ผ่านมา เขาเคยคบค้าสมาคมกับผู้หญิง มากซะจนมาติดเทรนด์ ช่างมากมายเหลือเกิน
แต่ท่ามกลางผู้คนอันมากมาย แต่มีเพียงคนสองคนที่ยังคงจดจำได้ เพราะว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นมันช่างโดดเด่นเหลือเกิน แถมผลลัพธ์ยังย่ำแย่มาก ทุกประเภท จนถึงทุกวันนี้ยังจำฝังใจจนลืมไม่ลง
“ไอลีนเป็นเด็กสาวลูกครึ่งที่อายุน้อยแถมหน้าตาสะสวยมากคนหนึ่ง มาเจอกับคุณตอนช่วงฝึกงานตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับถูกคนอย่างคุณล่อหลวงโดยการสร้างภาพแสร้งตีหน้าซื่อทำตัวเป็นคนจิตใจดี เลยหลงรักคุณหัวปักหัวปำ แล้วคุณปฏิบัติตอบกลับไปอะไรล่ะ?”
ซูย้าวกังวลว่าเขาจะนึกไม่ออก จึงได้ยกตัวอย่างให้เป็นพิเศษ ไอลีนคือตอนที่เธอยังเป็นอานหว่านชิงอยู่นั้น อานเจียเย้นไปเจอกับเด็กสาวเข้า เธอจึงจดจำได้อย่างชัดเจนเป็นพิเศษ
ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นดั่งวันวานเช่นนั้น
“คุณกลับให้เธอเห็นหน้าตาที่แท้จริงของคุณ เธอยอมรับทุกอย่าง ขอร้องแค่ให้คุณเลิกทำความชั่วแล้วกลับมาเป็นคนดี ให้คุณยอมวางมือจากธุรกิจ เพื่อกลับมาเป็นคนดี แต่คุณล่ะ?”
ซูย้าวฉวยจังหวะระหว่างชายหนุ่มตะลึงอยู่ พร้อมทั้งดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา “คุณรู้อยู่เต็มอกว่าเธอตั้งท้องลูกของคุณอยู่ แต่คุณกลับไม่เชื่อว่าเธอรักคุณจริงๆ และกังวลว่าเธอจะหาหลักฐานมาฟ้องคุณกลับ และกังวลว่าเธอจะส่งผลกระทบกับอนาคตและผลประโยชน์ของคุณ ดังนั้นคุณเลยผลักเธอลงมาจากตึกสูงจากชั้นที่เก้าสิบกว่าทันที”
“เธอกับลูก ตายไปพร้อมกัน และตายด้วยมือของคุณทั้งคู่!”
ตัวอย่างเช่นนี้ช่างเยอะเหลือเกิน ซูย้าวสูดหายใจลึกๆ “ยังมีหร่านหลิงหลิงเป็นเด็กสาวเชื้อสายจีนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ได้เจอกับคุณเมื่อหลายปีก่อน ก็ถูกคุณหลอกลวงเหมือนกัน มาหลงรักคุณ เธอไม่สนใจว่าคุณจะเป็นคนอย่างไร เพราะคิดได้แล้วว่าจะเหมือนคุณ ผ่านร้อนผ่านหนาวกับคุณไปชั่วชีวิต กระทั่งยังคลอดลูกคุณออกมาแล้ว!”
เด็กชายตัวน้อยอายุประมาณสามขวบ หน้าตาหล่อเหลา ซูย้าวเคยเห็นรูปเด็กคนนั้นในห้องหนังสือมาก่อน
“แต่คุณกลับทำอะไรลงไป? คุณสงสัยว่าเธอจะเป็นสายให้ทางตำรวจ จนกระทั่งคุณสงสัยการมีตัวตนของเด็กคนนี้ และเพื่อเธอเอามาคานอำนาจคุณไว้ ดังนั้นคุณจึงส่งคนไป ทำลายบ้านเธอ โดยการระเบิดทั้งบ้าน เธออุ้มเด็กเอาไว้เพื่อวิ่งหนีออกจากตัวตึก แต่กลับต้องมาตายทั้งคู่”
“ยังมีอีกตั้งมากมาย รู้มั้ย? คนในครอบครัวของพวกเขา ถึงตอนนี้ยังคงสงสัยอยู่ถึงสาเหตุการตายของลูกสาวของตัวเอง และไปยื่นขอตรวจสอบคดีซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าคุณได้ทำร้ายหญิงสาวที่รักคุณจริงๆ ไปนับไม่ถ้วน รวมทั้งลูกในไส้ของคุณด้วย และทำลายครอบครัวอื่น จนภรรยาเขาหนีไปกระทั่งครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด!”
ซูย้าวพูดมาถึงตรงนี้ ดวงไฟลุกโชนซึ่งปกคลุมนัยน์ตาไปตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนบริเวณข้างริมฝีปากพลันปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา “คนน่าขยะแขยงเลวทรามต่ำช้าอย่างคุณ ตอนนี้ยังไปรักคนคนหนึ่งได้จริงๆ เหรอ? คุณเข้าใจว่าอะไรคือความรักหรือเปล่า?”
อานเจียเย้นเงียบงันทันที
เขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือความรักจริงๆ กระทั่งเมื่อหลายปีก่อนนั้น ซึ่งไม่มีใครสักคนที่สอนให้เห็นถึงความรักจริงๆ และวิธีการหลงรักคนคนหนึ่งอย่างสุดซึ้ง!
อานเจียเย้นแค่คอยเพ่งมองประสบการณ์ของเพ้ยหยู่เจี๋ยตลอดชั่วชีวิต แต่ไม่เคยมีความทรงจำในความรู้สึกการอบรมสั่งสอนอย่างลึกซึ้ง และไม่มีวันเชื่อใจผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา และไม่สามารถหลงรักผู้หญิงสักคนได้ เพราะว่านั่นมันเป็นการทำลายตนเอง!
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าตนเองจะมีสักวันหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาจริงๆ …
“บางทีผมอาจจะไม่เข้าใจว่าจะไปหลงรักได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรผมก็รู้ว่ารักคนคนหนึ่ง ก็คือการไม่ไปทำร้ายเธอ!” ดังนั้นเขาคอยควบคุมตัวเองอยู่ตลอด และผ่อนปรนซูย้าว พยายามอย่างยิ่งยวดในการไม่เข้าไปทำร้ายเธอ
ไม่สนว่าเธอจะทำอะไร แม้ว่าเธอจะกลับไปหลงรักลี่เฉินซีซ้ำอีกครั้งจริงๆ และยังตั้งท้องลูกของผู้ชายคนนั้นมา เขาก็พยายามระงับเอาไว้ กระทั่งอยากจะรับเลี้ยงดูทั้งคู่!
นี่เป็นสิ่งที่ลุงไชลด์สอนเขามา อาจจะเป็นเพราะเห็นว่าเขามีความรู้สึกผิดหวังมากมายมาก่อน ลุงไชลด์เองก็รู้สึกเสียใจในความผิดพลาดของตนเอง ภายใต้หมดทางเลือก ถึงได้บอกกับเขา ถ้ารักใครจริงๆ ก็อย่าไปทำร้ายเธอ
ไม่สนว่าจะมีความรู้สึกอดใจไม่ไหว หรือทุกข์ทรมานมากมายขนาดไหน ก็อย่าไปทำร้าย
มิเช่นนั้น การทำร้ายกันเช่นนั้น ราวกับรอยแผลเป็น เมื่อมองดูว่าแผลหายสนิทแล้ว แต่รอยแผลในความทรงจำมันยังอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาหายขาดชั่วชีวิตนี้
เขาจำเรื่องนี้ไว้ได้ดี และทำเรื่องนี้ได้ แต่พอกลับไปมองอีกครั้ง ลี่เฉินซีเคยทำอะไรไว้บ้าง!
“ผมไม่เคยทำร้ายคุณเลย แต่คุณกลับสงสัยว่าผมไม่รักคุณ กระทั่งอยากจะหนีไปให้ไกลจากตัวผม งั้นลี่เฉินซีล่ะ? เขาทำร้ายคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คุณกลับยินยอมไปยอมรับเขาอีกครั้ง! กระทั่งให้เขากลับมาแตะต้องคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังไปท้องลูกของเขาอีก!”
อานเจียเย้นยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น พลันยกมือมาทางด้านหน้าและบีบแก้มของเธออย่างหยาบช้า เพื่อเป็นการบีบบังคับให้เธอมองมาทางตนเอง “ทั้งหมดนี่ก็คือข้อแก้ต่างของคุณเท่านั้นเอง!”
“ลี่เฉินซีเคยทำร้ายฉันมาก่อน แต่โดยเนื้อแท้ เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง! และเป็นคนที่จิตใจปกติคนหนึ่งทั่วไป เขาไม่ใช้แผนการอันแยบยลในการคิดบัญชีกับฉันเช่นนี้ และจะไม่ใช้เกมที่ประสาทเสียจำพวกนี้มากักคุมตัวฉันเอาไว้”
“อีกอย่าง ประเด็นที่สำคัญคือ เขาไม่ใช่คนหน้าเงินเหมือนคุณเช่นนี้ และทำลายคนอื่นเพื่อความสนุกสนาน และไม่ลงมือฆ่าคน เอาชีวิตคนอื่นเหมือนผักปลาได้ตามใจชอบ!”
ซูย้าวพยายามผละให้หลุดออกจากเขา แต่กลับไม่มีการกระดุกกระดิกสักนิด จนต้องยอมปล่อยวาง และพูดซ้ำอีกครั้งด้วยความกราดเกรี้ยว “ประเด็นที่สำคัญที่สุด มันไม่ใช่ว่าทำร้ายอะไร แต่เป็นที่นิสัยเดิมของเจ้าตัวเขาเอง!”
เพราะว่าเป็นคนดี เพราะว่ามีความสามารถในการทำงาน ดังนั้นจึงถูกคนรักและให้การมีตัวตนอยู่ และสามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจของตนเองใหม่ และมีความเป็นไปได้ที่คนอื่นสามารถให้อภัยได้
แต่ถ้านิสัยของคนคนนี้เป็นคนเลวโดยพื้นฐาน ปีศาจเช่นนี้ มีคนสักกี่คนที่ยินยอมหลงรักด้วยความรักหมดใจจริงล่ะ? ไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกเขาย้อนกลับมาฆ่ารัดคอให้ตายเหรอ?!
อานเจียเย้นเหมือนจะพอเข้าใจอยู่บ้าง พลันพยักหน้าและหัวเราะด้วยความรู้สึกโกรธเคืองถึงที่สุด “ผมเข้าใจแล้ว เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายอะไรเลย งั้นดี งั้นผมจะทำตามที่ใจคุณปรารถนา”
เมื่อสิ้นเสียงเขา พลันพลิกฝ่ามือ และใช้เรี่ยวแรงมหาศาลสะบัดเธอออก ร่างกายของซูย้าวทรงตัวไม่อยู่ จึงเซจนล้มลงไปด้านข้างทันที พร้อมทั้งหน้าผากกระแทกกับกำแพงอย่างไม่ทันระวัง จนเลือดไหลซึมออกมา
เลือดสดจำนวนมากไหลจากแผลบริเวณหน้าผาก อยู่เหนือเปลือกตา และไหลลงมาเรื่อยๆ
อานเจียเย้นเหล่ตามองเธอด้วยแววตาเย็นชา ไร้ความลึกซึ้งดังก่อน กระทั่งใกล้เคียงกับการปฏิบัติกับคนแปลกหน้า และค่อยๆ ยกกระบอกปืนขึ้น
ปากกระบอกปืนเล็งเป้ามาทางซูย้าว นิ้วมือสัมผัสอยู่ตรงไกปืน
ซูย้าวหันหน้าไปทางเขา และพยายามค่อยๆ ลุกขึ้น แต่ไม่ใช่การหลบเลี่ยง กระทั่งเดินสาวเท้าเข้าไปหา และประคองกระบอกปืนของเขาเอาไว้ เพื่อให้วางอยู่ตำแหน่งอวัยวะหัวใจของตนเอง “ฆ่าฉันได้ แต่ปล่อยโม่หว่านหว่านไปก่อนได้ไหม?”
“แผนการทั้งหมดที่คุณจัดการไว้ ลี่เฉินซีถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพ่งเล็งมาตั้งนานแล้ว การถูกจับนั้นมันขึ้นอยู่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง เขาจะรับโทษแทนคุณทั้งหมด จนตกเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ ส่วนทางลู่ส้าวหลิงนั้น คุณน่าจะโยนความผิดให้เขาอยู่ไม่น้อยใช่มั้ย!”
แม้ว่าซูย้าวไม่รู้เรื่องเขาในระยะนี้ ว่ารายละเอียดนั้นไปทำอะไรมาบ้าง แต่มองจากสิ่งที่เขากระทำกับลี่เฉินซีทุกอย่างแล้ว น่าจะปฏิบัติกับลู่ส้าวหลิงเช่นเดียวกัน
“ปล่อยโม่หว่านหว่านไปเถอะ! เธอไม่มีค่าให้คุณได้ใช้ประโยชน์แล้ว โทษที่อยู่บนตัวลี่เฉินซีกับลู่ส้าวหลิง มันก็ไม่สามารถหลุดโทษได้ยาก คุณทำสำเร็จแล้ว ลดโทษของตัวเองให้น้อยลงเถอะนะ!”
อานเจียเย้นมองเขาไร้ความรู้สึก พลันส่ายหน้าเล็กน้อย “ซูย้าวเอ๋ย”
ในที่สุดเขาก็เปลี่ยนมาเรียกชื่อจริงของเธอแล้ว ในก้นบึ้งหัวใจลึกๆ ของเขานั้น ยอมปล่อยอานหว่านชิงของเขาไปได้จริงๆ แต่อีกมือหนึ่งประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ แต่ไม่ได้ลงแรงมากนัก แต่ก็ถือว่าไม่ออมแรง “ถึงขั้นคุณมาอ้อนวอนกับผม แถมยังหวั่นใจ งั้นก็ต้องเปลี่ยนการเรียนรู้ให้กลับมาเชื่อฟังกันสักหน่อย ใช่มั้ย?”
“หรือว่าผมไม่เคยสอนคุณมาก่อน ต้องเรียนรู้และประเมินจากสถานการณ์!”
ดวงตาอันงดงามของซูย้าวพลันหม่นหมองลงเล็กน้อย เมื่อครุ่นคิดสักครู่แล้ว จึงยิ้มทันที “แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่พูดถึงเรื่องพวกนั้น และทำการเปลี่ยนลักษณะนิสัยเพื่อเลือกคุณ อานเจียเย้น แล้วคุณจะเชื่อมั่นจริงๆ เหรอ?”
ปกติเขาเป็นคนที่มีความสงสัยเยอะมาก แม้ว่าจะเป็นคนที่สนิทสนมที่สุดร่วมนอนเรียงเคียงหมอนเดียวกัน ก็ยังไม่เชื่อเลย
มิเช่นนั้น เด็กสาวอีกมากมายที่เคยผ่านมือมานั้น ทำไมถึงตายคามือเขาเล่า? หรือว่าอานเจียเย้นไม่เคยหวั่นไหวมาก่อนจริงๆ?
ผู้หญิงตั้งมากมาย ถ้าลองนับดูคร่าวๆ หลายสิบคนขึ้น เขาเคยหลงรักมาก่อน ใครสักคนหนึ่งในสองคนนั่นแหละ ที่สามารถจดจำได้ และพึงระลึกได้อย่างชัดเจน
แต่ทำไมถึงมีจุดจบเช่นนั้นได้เล่า?
เป็นเพราะว่าเขาลงมือได้เด็ดขาดโหดเหี้ยมมาตลอด นอกจากคนตายที่ไม่สามารถทรยศหักหลังหรือไปจากเขาได้แล้ว คนเป็น เขาก็จะใช้ผลประโยชน์หรือการเล่นสนุกไปวันๆ!
“ไม่สนว่าคุณจะรักฉันจริงๆ หรือว่าเกิดภาพลวงตาขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น และไม่สนใจว่าฉันยอมจำนนกับคุณ หรือว่าจะต่อสู้ยอกย้อนกลับกับคุณอีกครั้งก็ตาม ที่ผลลัพธ์ที่ได้ คุณก็จะจัดการฉันให้พ้นทางอยู่ดี อาจจะเวลานี้ หรืออาจจะหลายวันต่อจากนี้ หรืออาจจะหลายเดือน หรืออาจจะปีสองปีต่อจากนี้ก็ได้”