หลายวันต่อจากนี้ ซูย้าวถูกอานเจียเย้นบังคับให้คอยอยู่ข้างกาย ตะลอนไปมาเกือบจะสิบกว่าที่แล้ว
ภาพรวมใกล้เคียงกับครั้งนี้ ทุกครั้งจะมาถึงที่ที่หนึ่ง แต่จะอยู่ไม่นาน มากสุดก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง จากนั้นก็จะมีคนรับผิดชอบมารับส่งพวกเขาไปที่สนามบิน หรือไม่ก็สถานีรถไฟอะไรประมาณนั้น
วนไปวนมา รายละเอียดเฉพาะเจาะจงก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนบ้าง ทุกที่ล้วนจะได้รับการรับรองที่ดีที่สุด แต่ก็จะอยู่ไม่นานเด็ดขาด
คนอย่างอานเจียเย้นฉลาดมาก และขี้ระแวงมาก เขาจะไม่เชื่อใจใครทั้งสิ้น รวมทั้งลุงไชลด์ที่เข้าข้างเขามาโดยตลอด เพราะรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าไปที่ไหน แล้วจะไปที่ไหนต่อ แม้แต่ลุงไชลด์เองก็ยังไม่รู้เลย
อานเจียเย้นเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตนเองหมด คอยเปลี่ยนสถานที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่หยุด จนกระทั่งสุดท้ายพวกเขาทั้งหลายได้ขึ้นเรือกลไฟ ได้แล่นเรือไปประมาณหนึ่งคืน ตอนที่มาถึง คือที่ที่คลับคล้ายคลับคลาเกาะร้างเกาะหนึ่ง
นี่เป็นความรู้สึกแรกหลังจากที่ซูย้าวลงจากเรือ
แต่พอคนทั้งกลุ่มขึ้นเกาะและค่อยๆ เข้าสู่ตรงกลางของหมู่เกาะ เธอถึงพบว่าที่นี่ไม่ใช่เกาะร้าง แต่เป็นเกาะเล็กๆ ที่เร้นลับเกาะหนึ่ง!
อาจจะเป็นเกาะเล็กๆ ที่อานเจียเย้นก่อตั้งขึ้นเพื่อการจัดเตรียมพิเศษบางอย่างด้วยซ้ำ ทุกอย่างล้วนจัดการแบบทหาร บอดี้การ์ดยิ่งโผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนล้วนอาวุธครบมือ อาวุธก็ล้ำสมัยมาก
รอบด้านของหมู่เกาะล้วนเป็นป่าไม้ที่รกทึบหมด ล้อมรอบชั้นแล้วชั้นเล่า ตรงกลางมีวิลล่าหลังแล้วหลังเล่า ร่ำรวยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรูหราจนเหนือจินตนาการ
ตลอดทางที่เดินมา ซูย้าวล้วนสังเกตการณ์รอบด้านอย่างระมัดระวัง เฝ้าดูรอบๆ จำทางที่ขึ้นเกาะไว้ดีๆ เผื่อได้ในยามฉุกเฉิน
ส่วนตอนที่กำลังจะถึงวิลล่า คนใช้ได้เดินออกมาจากในบ้านอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมทั้งบอดี้การ์ดทั้งหลาย ยืนเรียงกันเป็นสองแถว โน้มตัวอย่างเรียบร้อยพร้อมพูดพร้อมเพรียงกัน “ประธานอาน!”
ซูย้าวถูกภาพนี้ทำเอาค่อนข้างมึน ได้ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ส่วนอานเจียเย้นก็จู่ๆ ยื่นแขนยาวออกมาโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน มืออีกข้างเชิดหน้าของเธอขึ้น บังคับให้เธอมองบางที่ที่อยู่ทางไกล “ทางโน้นคือโซนกับระเบิด เป็นกับระเบิดหมด”
มือใหญ่ของเขาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ให้เธอมองไปที่อีกทาง “ทางโน้นก็เหมือนกัน”
“ทุกทิศของทั้งหมู่เกาะเป็นกับระเบิดหมด และได้จัดเป็นระบบโครงข่ายไฟฟ้าหมด รู้หรือเปล่าว่ากระแสไฟฟ้าเท่าไหร่?” เขาพูดอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงเชื่องช้าเอื่อยเฉื่อย
มองดูซูย้าวเผยแววตาที่ตะลึงงันออกมา อานเจียเย้นได้หัวเราะเสียงต่ำทีหนึ่ง กลับกันได้ปล่อยเธอ สายตาคอยส่งสัญญาณให้ลุงไชลด์ว่าพาเด็กเข้าไปก่อน ลุงไชลด์รีบทำตามในทันที
คนใช้และบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ ก็แยกย้ายกันไปหมด ไม่นาน ลานบ้านที่กว้างขวางก็เหลือแค่พวกเขาสองคนเคุณผู้ชายั้น
“อยู่ที่นี่ ยังไงคนนอกก็ไม่มีทางบุกรุกมาที่เกาะนี้ได้หรอก ไม่เพียงเคุณผู้ชายี้ เส้นทางที่สามารถสบายใจไร้ความกังวลก็รู้กันอยู่แค่ไม่กี่คนเคุณผู้ชายั้น ซูย้าว ถ้าผมเป็นคุณ ก็จะละทิ้งการขัดขืนและการวิ่งหนีแต่โดยดี แล้วอยู่ที่ข้างกายผมอย่างเชื่อฟัง”
อานเจียเย้นก้มมองเธอ ตาคมเข้มค่อยๆ หรี่ตาลง “เวลาไม่นานเกินรอหรอก พักอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง เดี๋ยวรอสถานการณ์ของข้างนอกดีขึ้นแล้วค่อยไปที่อื่น”
“ไม่ให้คุณกล้ำกลืนฝืนทนหรอก ต้องการอะไร แค่บอกมาก็พอ”เขาได้พูดอีก
ซูย้าวสูดหายใจลึกๆ อย่างจนปัญญา “อานเจียเย้น คุณมีอำนาจมีอิทธิพลตั้งนานแล้ว ถึงเพ้ยหยู่เจี๋ยมีอิทธิพลกับคุณมากแค่ไหน แต่เขาก็ได้ตายไปแล้ว เงินของคุณเยอะจนใช้กี่ชาติก็ใช้ไม่หมด แถมยังมีบอดี้การ์ดและบริวารมากมายขนาดนี้ คุณแค่ทำหน้าที่ตนเองบริหารบริษัทดีๆ หรือว่าวางมือจากกิจการ ใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุขทุกวัน ก็จะสามารถสบายใจไร้ความกังวลทั้งชีวิต ทำไมดันต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“คือฉันพิเศษสำหรับคุณมากเหรอ?หรือคุณคิดว่าฉันสามารถคุณที่เป็นแบบนี้ อยู่ด้วยกันตลอดไปกับคุณอย่างสบายใจ?”
ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายตอบอะไร ซูย้าวก็ได้ส่ายหัว “ไม่หรอก ถึงฉันอาจจะแบบนี้ คุณก็ไม่เก็บฉันไว้เป็นเวลานานหรอก สุดท้ายก็จะหาเหตุผลกำจัดฉันทิ้งอยู่ดี เพราะคุณไม่เชื่อฉัน”
สาเหตุที่ตอนนี้เอาซูย้าวติดตัวไว้ที่ข้างกาย ก็ไม่ใช่เพราะรักทั้งหมดหรอก แต่เขาเพลิดเพลินกับกระบวนการนี้มาก รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากและสวยงามมาก
ชอบครอบครองสิ่งที่เดิมทีก็ไม่ใช่ของตนเองอยู่แล้วอย่างแข็งกร้าว พอความรู้สึกแปลกใหม่นี้ผ่านไป ถึงซูย้าวดีแค่ไหน เขาก็จะทนความเจ็บปวดฆ่าเธออยู่ดี
“ทำไมดันต้องแบบนี้ด้วย?คุณก็เป็นแค่คนชั่วธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้หรือไง?”
คนชั่วก็มีแยกออกมาหลายแบบอยู่ มีชั่วมาก มีชั่วน้อย
ความเห็นแก่ตัวและก่อกรรมทำเข็ญที่ธรรมดา ทำทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยของตนเอง แค่ก่อให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก็คือคนชั่วที่ธรรมดา เห็นได้ตามทั่วไป และตามหาได้ง่ายมาก
คนแบบนี้ ก็คือคนธรรมดา
แต่คนชั่วที่เลวทรามมาก ถูกกิเลสครอบงำจิตใจไม่รู้จักพอสักที เอาชีวิตของคนอื่นมาเป็นชิปต่อรองโดยที่ไม่คำหนึ่งอะไรเลย ทำร้ายคนทั้งชีวิต เทียบเท่ากับมารในโลกมนุษย์
“ตอนนี้ปล่อยฉันกับหมิงเอ๋อไป คุณอยู่ที่นี่ต่อ ขอแค่ต่อไปคุณอย่าทำเรื่องชั่วพวกนั้นอีก ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีเหมือนกับคนธรรมดา ฉันสามารถบอกกับตำรวจได้ว่าคุณตายแล้ว”ซูย้าวพูด
อานเจียเย้นยิ้มอย่างเย็นชา เหมือนได้ยินคำพูดที่ตลกที่สุดในโลก “คุณจะทำแบบนี้เหรอ?”
ไม่อยู่แล้ว!
แต่ถ้าเขาปล่อยเธอกับลูกไปอย่างปลอดภัยจริงๆ อย่างน้อยทางตำรวจมาจับกุม เขาวางอาวุธมอบตัวก็จะปลอดภัยไม่เป็นอะไร ขึ้นศาลโดยตรง อาศัยเงินทองอำนาจของเขา จ้างพวกทนายเบอร์ต้นๆ บวกกับมีปัญหาเรื่องสัญชาติ อยู่ในศาล ถึงแม้ทำไม่ได้ว่าถูกปล่อยโดยไม่มีความผิด แต่ก็แค่สั่งจำคุกไม่กี่สิบปีเอง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออะไรกันแน่”อานเจียเย้นหันไปมองขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ วิวทิวทัศน์ของที่นี่ดีมาก มีความรู้สึกว่าเป็นดินแดนในอุดมคติ
สายตาลุ่มลึกของเขาค่อยๆ หรี่ตาลง “เดิมทีผมนึกว่าจะสามารถหาคำตอบจากบนตัวเธอเจอ แต่ตอนนี้ดูท่าไม่ได้เหมือนที่ในใจคิดขนาดนั้น”
ซูย้าวมองผู้ชายคนนี้อย่างเงียบๆ จุดที่เขาน่ารังเกียจที่สุดและจุดที่น่าสงสารที่สุด ไม่ใช่การกระทำ แต่เป็นที่ตัวเขาเอง
ทั้งคิดแค้นผูกพยาบาทกับเพ้ยหยู่เจี๋ย แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากเขาอย่างลึกซึ้ง
อยากหลุดพ้นแล้วเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะที่จับพลัดจับผลูก็ได้เดินตามรอยเพ้ยหยู่เจี๋ยอีก
ตอนนั้นเพ้ยหยู่เจี๋ยแก่แล้ว ในสองปีก่อนนี้เอง เขาถูกชะตากับลี่หมิงที่เฉลียวฉลาดและไอคิวสูง ให้อานเจียเย้นเป็นตัวช่วยมาเอาตัวเด็กไป นี่คือรับการถ่ายทอด ก็เหมือนระเบียบข้อบังคับที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างหนึ่ง
ในลูกมากมายของตระกูลเพ้ย ไม่มีใครสามารถทำให้เพ้ยหยู่เจี๋ยถูกชะตาได้ แต่ดันมาถูกชะตากับลี่หมิงที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย
กับตอนที่เพ้ยหยู่เจี๋ยได้คัดเลือกอานเจียเย้น ช่างเหมือนกันอะไรปานนั้น
แต่หลังจากเพ้ยหยู่เจี๋ยเสียชีวิตลง ทั้งหมดนี้ก็จบสิ้นแล้ว แต่อยู่ในความจับพลัดจับผลู อานเจียเย้นดันมาเดินซ้ำรอยพ่อเลี้ยงอีก
“จู่ๆ บางทีผมอาจจะปลงแล้วปล่อยคุณกับลูกคุณไปจริงๆ ก็ได้” อานเจียเย้นหันมามองเธอ ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มสดใสออกมา “แต่ตอนนี้ยังไม่หรอก ซูย้าว รออีกหน่อยนะ อื๊ม?”
ซูย้าวหลับตาอย่างจนปัญญา “รู้หรือเปล่า?ตอนนี้คุณเหมือนเพ้ยหยู่เจี๋ยมาก!”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันไม่ได้อยากจะใช้เหตุผลมาโน้มน้าวคุณ แค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนคุณเคุณผู้ชายั้นเอง ทั้งๆ ที่คุณสามารถใช้ชีวิตดีๆ และสามารถถูกรัก คอยเพลิดเพลินกับการไปรักคนคนหนึ่ง สามารถมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่……”
ก็เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเพ้ยหยู่เจี๋ยล้วนไม่เคยสอนเขาเลยว่าจะไปรักยังไง รักคืออะไร เขาไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ
ตอนนั้นกับแฟนในอดีตที่ผ่านมาก็แบบนี้เหมือนกัน
รู้สึกเสมอว่าขอแค่เป็นคนก็จะต้องทรยศ ก็จะต้องพูดปด มีแค่คนตายเคุณผู้ชายั้นถึงจะเก็บความลับได้ตลอดไป
“บางทีฉันอาจจะคุยกับคุณไม่รู้เรื่องก็ได้ ถือว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน!ต่อจากนี้คุณอยากทำอะไรก็แล้วแต่คุณเลย ตามใจคุณทุกอย่าง”
หลังจากซูย้าวทิ้งท้ายไว้คำหนึ่ง ก็ได้เข้าไปในวิลล่าโดยตรง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนที่จะฟื้นคืนความทรงจำ เธออยากจะหนี อยากหลบเลี่ยงอานเจียเย้น หลังจากฟื้นคืนความทรงจำ เธออยากปกปักรักษาลูกๆ อยาก
คลี่คลายข้อสรุปทั้งหมดนี้
แต่หลังจากช่วงที่ได้ใกล้ชิดมานี้ เธอรู้สึกว่าอานเจียเย้น……ช่างน่าสมเพชจริงๆ !
ทั้งๆ ที่ได้นั่งครอบครองทุกอย่าง แต่กลับได้รับอิทธิพลจากครอบครัวแบบเก่าแบบนั้น ทั้งๆ ที่สามารถมีความสุขมากๆ แต่กลับวนเวียนอยู่ในความลังเลเพราะความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ทั้งๆ ที่สามารถเป็นคนดีที่แท้จริง แต่ดันเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ไม่มีทางหวนกลับคืนมานี้
บางที เขาอาจจะเป็นคนบ้าที่แท้จริง
แต่แล้วใครเป็นคนสร้างเขาที่เป็นแบบนี้ขึ้นมาล่ะ?!
ต่างก็บอกว่าสัตว์ร้ายน่ากลัว เพราะกินเหยื่อเข้าไปตัวเป็นๆ ทั้งทำร้ายตนและทำร้ายคนอื่น แต่ว่าคนเราต่างก็มีโชคชะตาของตนเอง เขาเกิดมาก็เป็นสัตว์ร้ายเลย แล้วจะไปมีวิธีอะไร?
แต่ถ้าสัตว์ร้ายอยู่ในกรงหรือว่าในภูเขาหุบเขาลึก แล้วจะไปเจอคนแล้วทำร้ายคนได้อย่างไร?
สัตว์ร้ายที่ทำร้ายคนต้องฆ่าให้ตาย แต่ แล้วคนที่ปล่อยสัตว์ร้ายกับล่อลวงสัตว์ร้าย ไม่ต้องรับผิดชอบสักนิดเลยหรือไง?!