เสี่ยวเชี่ยนเบนสายตากลับไปที่เวที การแสดงบนนั้นมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวจะมีการจับรางวัล
ทั้งสามคนนั่งเรียงกันต่างคิดเรื่องอื่นในใจ หลิวเหมยกระวนกระวายใจรู้สึกว่าถ้าไม่พูดอะไรหน่อยมันแปลกๆ เธอเห็นในมือของเสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยต่างมีคูปองจับรางวัลจึงหาเรื่องชวนคุย
“ทำไมพวกพี่มีคูปองกันทั้งคู่เลยล่ะ พี่ใหญ่ลำเอียง ไม่เห็นให้ฉันบ้าง”
“เอาของพี่ไปสิ” ฟู่กุ้ยยื่นคูปองในมือให้หลิวเหมย
“พี่ใหญ่ให้พี่ก็เพราะเสี่ยวเฉียงไปไถมา จะเรียกว่าใช้เส้นก็ได้ แต่ของพี่ฟู่กุ้ยไม่ได้ใช้เส้นสายอะไรเลยนะ พี่เขาจองห้องไปแล้ว”
“หา” หลิวเหมยตกใจ คูปองที่อยู่ในมือเธอมาจากการที่พี่ฟู่กุ้ยซื้อคอนโด
“พี่ฟู่กุ้ย พี่ไม่ได้ทำงานที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วพี่จะซื้อคอนโดทำไม”
“พี่…พี่ชอบผู้หญิงคนนึง พี่จะย้ายมาที่นี่” ฟู่กุ้ยรวบรวมความกล้า เสี่ยวเชี่ยนเกือบผิวปากแซวออกมาแล้ว
ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย ผู้ชายอึนๆบทจะจีบสาวขึ้นมา จึ๊ๆๆ
“หา…ขอให้สำเร็จนะคะ อันนี้ฉันไม่เอาหรอกค่ะ” หลิวเหมยยัดคูปองคืนฟู่กุ้ย
เธอรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อกี้ตอนบอกเลิกหม่าลุ่ยไม่เห็นเป็น แต่ตอนนี้เธอรู้สึกแย่มาก
อาจเป็นเพราะอากาศในห้องถ่ายเทไม่ดีมั้ง…
“อันที่จริง ผู้หญิงที่พี่ชอบคนนั้น เขา เขาก็คือ—” ฟู่กุ้ยรวบรวมความกล้า เสี่ยวเชี่ยนทำมือเชียร์ พ่อหนุ่ม เอาเลย
“โอ๊ะ จะจับรางวัลแล้ว” หลิวเหมยไม่อยากฟังว่าเขาจะบอกว่าชอบใคร แบบนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศอึดอัดกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เวทีแสร้งทำเป็นตื่นเต้น
เลี่ยวฟู่กุ้ยแอบเซ็งนิดหน่อย แต่ไม่ยอมแพ้ เดี๋ยวออกไปแล้วค่อยบอกก็ได้
รางวัลรองๆถูกประกาศออกมา บรรยากาศเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น
เสี่ยวเชี่ยนได้รางวัลที่สองโดยไม่เหนือความคาดหมายเลยสักนิด เธอได้รับชุดเครื่องใช้ไฟฟ้านำเข้า เดินถือคูปองขึ้นไปรับรางวัลท่ามกลางสายตาที่อิจฉาของหลายๆคน
“เชี่ยนเอ๋อ เธออยู่กินบุฟเฟ่ต์แล้วกันนะ พี่พาหลิวเหมยออกไปเดินเล่นหน่อย” ฟู่กุ้ยอยากกำจัด กขค
“ไม่อยู่ลุ้นรางวัลใหญ่ก่อนเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแอบถุยให้เลี่ยวฟู่กุ้ยในใจ เห็นสาวดีกว่าน้องตัวเอง
“พี่เป็นคนไม่มีดวงทางนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่สนเรื่องแบบนี้หรอก” ฟู่กุ้ยคิดว่าครอบครัวหม่ากลับไปกันหมดแล้ว แบบนั้นเขาก็พาหลิวเหมยออกไปได้แล้ว
พอฟู่กุ้ยพูดจบก็ได้ยินพิธีกรบนเวทีขานเลขอย่างตื่นเต้น ยินดีกับคุณเลี่ยวที่คูปองลงท้ายด้วยเลข8888ด้วยครับ คุณได้รับแพ็คเกจท่องเที่ยวสุดหรูที่มัลดีฟค่ะ
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยแล้วตบบ่าฟู่กุ้ย
“ดูท่าดวงพี่จะมาแล้วนะ แพ็คเกจเที่ยวสำหรับสองคนด้วยนะ”
ประเด็นคือคำว่าสองคน…
“ว้าว พี่ฟู่กุ้ยได้รางวัล” หลิวเหมยพูดกับฟู่กุ้ยด้วยสีหน้าดีใจ
ฟู่กุ้ยอึ้ง เขามองคูปองของตัวเอง เลขนั้นจริงๆ นี่เขาได้รางวัลจริงเหรอ
เขายังคงอยู่ในอาการช็อค เสี่ยวเชี่ยนต้องสะกิดเขาถึงจะได้สติแล้วขึ้นไปรับรางวัลบนเวที
หม่าลุ่ยที่ยืนอยู่ข้างนอกพอได้ยินพิธีกรประกาศชื่อเลี่ยวฟู่กุ้ยให้ขึ้นไปรับรางวัลเขาก็หน้าบึ้งทันที เขาเชื่อว่าพี่ชายของหลิวเหมยจงใจโกงรางวัลแน่นอน
ถ้าหลิวเหมยไม่ทะเลาะกับเขา รางวัลนี้ก็เป็นของเขาแล้ว
ถึงแม้ว่าด้วยงานของเขาจะทำให้ไปเมืองนอกไม่ได้ แต่เขาให้พ่อแม่ไปก็ได้นี่ พ่อแม่ลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว ยังไม่เคยไปเที่ยวไกลๆเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดนี้ไม่ควรจะเป็นของเขาหรอกหรือ…หม่าลุ่ยสับสน ในใจเหมือนมีรูโบ๋ขนาดใหญ่ มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
คนอื่นๆพิธีกรมอบรางวัลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเสี่ยวเชี่ยนที่ใส่แว่นกันแดดขึ้นไปรับรางวัล รับเสร็จก็เดินลงมาเลย ไม่พูดอะไรสักประโยคเดียว แต่พอถึงตาฟู่กุ้ย พิธีกรกลับไม่ปล่อยเขาลงไปง่ายๆ
“คุณผู้ชายท่านนี้ดูยังเด็กอยู่เลยนะคะ ไม่ทราบว่าถูกใจอะไรในโครงการของเราคะ ทำไมถึงได้ตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในโครงการของเรา”
“ผู้หญิงที่ผมชอบเธอชอบที่นี่ครับ ผมยังไงก็ได้” ฟู่กุ้ยพูดพลางเหลือบมองหลิวเหมย
พิธีกรก็ยังคงไม่ปล่อยเลี่ยวฟู่กุ้ยลงไป แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงเกินจริง “ดูก็รู้เลยนะคะว่าคุณผู้ชายท่านนี้ต้องเป็นคนที่รักภรรยามากแน่ๆ คนที่รักภรรยาก็ต้องเลือกโครงการของเรา เห็นคุณใส่แว่นแบบนี้การศึกษาต้องสูงแน่เลยใช่ไหมคะ”
ถามมากจัง…ฟู่กุ้ยอยากตอบแบบนี้ แต่เขาไม่มีทางรู้เลยว่าพิธีกรคนนี้ถูกสั่งมาอีกที ซึ่งก็คือประธานเชี่ยนเป็นคนสั่งให้เขาถาม
“ผมเป็นดอกเตอร์ครับ”
หม่าลุ่ยได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอิจฉา พยายามท่องไว้ในใจว่า พวกเรียนสูงยากจนกันทั้งนั้นแหละ
พิธีกรที่อยู่บนเวทีพูดชมออกหน้าออกตา “นั่นไงล่ะคะ สโลแกนของโครงการเราก็คือ หมู่บ้านของคนมีระดับ เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์แบบ โครงการของเราไม่เพียงแต่จะมีคนจบระดับดอกเตอร์มาซื้อ ที่นี่ยังอยู่ใกล้โรงเรียนประถมชั้นนำของมณฑล ของเมืองด้วยนะคะ บุตรหลานของท่านได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดแน่นอนค่ะ”
เลี่ยวฟู่กุ้ยถูกพิธีกรถามไปหลายคำถาม เกือบทุกคำตอบเสียดแทงใจหม่าลุ่ย สรุปออกมาได้คร่าวๆว่า ไอ้สี่ตานี่การศึกษาสูงกว่าเขา รวยกว่าเขาถึงขนาดที่ซื้อบ้านเองได้ การงานก็ดีกว่าเขา…
หม่าลุ่ยรู้สึกเสียดแทงใจ
ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้ชายใส่แว่นกันแดดคนหนึ่งเดินมาทางนี้ หม่าลุ่ยดวงตาเป็นประกายทันที
“One”
ถึงเขาจะไม่เคยคุยกับOne แต่ก็เคยเห็นอยู่ไกลๆ เขาจำภาพหัวหน้าใหญ่ที่อายุยังน้อยคนนี้ได้อย่างชัดเจน
อวี๋หมิงหลางถอดแว่นกันแดดออกแล้วหรี่ตามองหม่าลุ่ย จากนั้นก็หันไปมองประตูห้องจัดงานที่อยู่ไม่ไกล เขายิ้มมุมปาก
ช่วงเช้าเขามัวแต่วุ่นอยู่กับงานที่หน่วย ไม่มีเวลาดักฟังเหตุการณ์ทางด้านเสี่ยวเชี่ยน แต่เห็นหม่าลุ่ยอยู่ด้านนอกแบบนี้ก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรเหรอครับ”
“ผมมาจาก—”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร มีธุระอะไรก็ว่ามาเลยครับ”
“คือแบบนี้นะครับ เอ่อคือไม่รู้จะเริ่มยังไงดี—”
“อย่าชักช้า” อวี๋หมิงหลางไม่อยากให้โอกาสเลยสักนิด เขาขี้เกียจฟังด้วยซ้ำ
“คือว่า ผมรู้ว่าคุณสนิทกับสามีของเฉินเสี่ยวเชี่ยน ผมมีเรื่องบางอย่างถ้าจะว่ากันตามเหตุผลก็ไม่ควรพูดออกไป แต่ว่า…ผมทนเห็นเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ผมบอกคุณดีกว่า”
อวี๋หมิงหลางเหล่มอง หม่าลุ่ยรู้สึกหวั่นเกรง เขารู้สึกว่าสายตาของผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก มันเฉียบคมถึงขนาดที่ทำให้คนอื่นไม่กล้าสบตาตรงๆ
“ผมทนดูไม่ได้ที่เห็นเฉินเสี่ยวเชี่ยนในฐานะที่เป็นครอบครัวทหารมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พฤติกรรมแบบนี้มันต้องขึ้นศาลทหารแล้วนะครับ”
“อ่อ”
เอ๋ ทำไมเขาดูไม่ตกใจเลยล่ะ ไม่มีสีหน้าตกใจเลยสักนิด
หม่าลุ่ยไม่ยอมแพ้ พูดเสริมต่อ
“เขายังเป็นเมียน้อยคนที่สี่ของนักธุรกิจคนนี้ด้วยนะครับ ผมได้ยินบอดี้การ์ดเรียกว่าคุณนายสี่ด้วย”
อวี๋หมิงหลางก้มมอง อืม เขาแต่งตัวธรรมดา แบบนี้ก็จัดการง่ายหน่อย
ดูเหมือนหม่าลุ่ยยังอยากพูดต่อ ความลับเรื่องนี้ต้องขยาย เขาคิดจะใส่ร้ายเสี่ยวเชี่ยนให้ดูเป็นพานจินเหลียน[1]ยุคนี้
“คุณไม่เห็นว่าเขาทำตัวสนิทสนมกับนักธุรกิจคนนั้นขนาดไหน—”
“ผู้ชายคนนั้นพี่ชายผมเอง”
“หา”
“ผมเป็นลูกชายคนที่สี่ของบ้าน”
ตอนนี้สมองหม่าลุ่ยว่างเปล่า เขาเห็นหัวหน้าใหญ่ที่ปกติวางมาดเคร่งขรึมอยู่ๆก็ยิ้มออกมา
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานของผม แถมผมไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบด้วย ดังนั้น—”
พลั่ก
หม่าลุ่ยเอามือกุมตา รู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยอยู่ตรงหน้า เขาอุตส่าห์ทำเพื่อความยุติธรรม ทำไมต้องชกเขาด้วย
อวี๋หมิงหลางยิ้มโหด “ผมเป็นลูกคนที่สี่ ทุกคนเลยเรียกเขาว่าคุณนายสี่ แล้วมันผิดตรงไหน”
พอเห็นหน้ามึนๆของหม่าลุ่ยที่ไม่รู้ว่าโดนชกจนมึนหรือตกใจจนมึน อวี๋หมิงหลางจึงพูดเสริม
“ผมนี่แหละสามีของเฉินเสี่ยวเชี่ยน พี่สี่ที่เขาพูดถึงกัน”
โวะ
เฉียบ
[1] พานจินเหลียน ตัวละครหลักในนวนิยายจีนเรื่อง บุปผาในกุณฑีทอง และเป็นตัวละครรองในเรื่องซ้องกั๋ง หนึ่งในตัวร้ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัฒนธรรมจีน จนกลายเป็นแม่แบบของโสเภณี