“เป็นชาวต่างชาติชื่อเรียกยากมาก เชื่ออคาซืออะไรซักอย่าง ฉันเลยเรียกอาข่าไปเลย” หลิวเหมยเคยเจอเพื่อนบ้านคนนี้หลายครั้ง เคยทักทายกันบ้าง สมัยนี้ชาวต่างชาติที่มาอยู่พูดภาษาจีนกันคล่องปร๋อ อาเหม็ดภาษาจีนดี อาข่าก็ดีเหมือนกัน
“พี่เคยเห็นเขา” อวี๋หมิงหลางจำได้
ครั้งแรกตอนที่อวี๋หมิงหลางได้ประลองฝีมือกับอาเหม็ด เขารู้สึกได้ว่ามีคนแอบถ่ายรูปอยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงจะเป็นเวลามืดค่ำแล้วก็ตาม อยู่ห่างจากเขาค่อนข้างไกลเลยเห็นหน้าไม่ชัด แต่อาศัยแสงไฟนีออนก็พอจะเห็นลักษณะเด่นๆของอีกฝ่ายได้
ผมทองสวมหมวกแก็ป วันนี้ตอนเจอกันเขาจำได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น คนๆนี้ก็คือคนที่แอบถ่ายรูปอยู่บนยอดตึกในวันนั้น
“พวกเราสนิทกับเขาไหม” อวี๋หมิงหลางถาม
“อาข่าเป็นคนอัธยาศัยดี ทุกครั้งที่เจอกันเขาจะคุยเป็นกันเองกับฉัน” หลิวเหมยรู้สึกว่าเพื่อนบ้านคนนี้นิสัยใช้ได้
“สายตาที่เขามองพี่มันแปลกๆ”
“คงไม่ได้ชอบพี่หรอกนะ”
“…ไม่ใช่ซะหน่อย พี่รู้สึกว่าสายตาที่เขามองมา มันค่อนข้าง…ลามก” อวี๋หมิงหลางพยายามค้นคลังคำศัพท์แล้ว เจอคำที่พอจะถูไถได้หนึ่งคำ
ใช่ มันดูลามก
ถึงจะไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตอนที่เจอหน้าเขารู้สึกได้อย่างแรงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นมองเขาด้วยสายตาที่ดูติดเรท
เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อคืนคนผมทองแอบฟังเขากับเสี่ยวเชี่ยนทำบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้…
ด้วยเหตุนี้พอเจออวี๋หมิงหลางจึงอดไม่ได้ที่จะจินตนาการเตลิดไปไกล พฤติกรรมแบบนี้บวกกับที่แอบถ่ายรูปก่อนหน้า ทำให้อวี๋หมิงหลางปลูกต้นน่าสงสัยขึ้นในใจ
เซ้นส์ของเขาบอกเขาว่า คนผมทองที่ไม่ทราบประวัติแน่ชัดคนนี้ เขาต้องไปสืบดูให้ละเอียด ถึงจะเป็นแค่เรื่องตอนเจอหน้ากันไม่นานเมื่อเช้า แต่อาศัยอยู่บ้านตรงข้ามกับเมียเขา ถ้าไม่สืบให้ละเอียดเขาไม่วางใจ โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นคนต่างชาติเสียด้วย ถ้าเกิดคนๆนี้เกี่ยวข้องกับอาเหม็ดขึ้นมาล่ะ
อวี๋หมิงหลางเข้าไปในห้องนอน เสี่ยวเชี่ยนยังคงนอนอยู่ เขาย่องเข้าไปสำรวจทุกซอกทุกมุมก็ไม่เจอเครื่องดักฟัง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยแล้ว
ถ้าอีกฝ่ายใช้เครื่องดักฟังแบบดักฟังจากห้องข้างๆได้โดยที่ไม่ต้องเข้ามาติดตั้งภายในนี้ล่ะ
อวี๋หมิงหลางครุ่นคิด เขาหรี่ตามองกำแพงเหมือนกำลังคิดหนักว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
เรื่องเมียเขาถูกคุกคามเขาไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหาโอกาสแอบเข้าบ้านตรงข้ามเพื่อดูว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
เสี่ยวเชี่ยนยังคงนอนหลับสบาย ไม่รู้ว่าฝันเห็นอวี๋หมิงหลางหรืออย่างไรถึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ อวี๋หมิงหลางเอานิ้วเขี่ยแก้มเธอ เธอขยับจมูกเล็กน้อยเหมือนแมวเหมียวที่กำลังดมกลิ่น ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม มีแต่กลิ่นของผู้ชายตัวเอง ครั้นแล้วเธอจึงหลับต่ออย่างสบายใจ
ถึงตอนนี้อวี๋หมิงหลางจะไม่ได้เป็นมือสไนเปอร์แล้ว แต่นิสัยที่ไม่ใช้อุปกรณ์อาบน้ำที่มีกลิ่นหอมก็ยังคงอยู่ แทบจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจากตัวเขา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้ได้ว่าเป็นเขา ต่อให้กำลังอยู่ในห้วงความฝัน ขอแค่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ไร้กลิ่นกาย ก็รู้ได้ว่าเป็นเขา
ครั้นแล้วเธอจึงเอาหน้าไปซบมือเขาแล้วหลับต่อ
อวี๋หมิงหลางรู้สึกสนุก เขากวาดตามองไปรอบๆเห็นพวกเครื่องสำอางที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งจึงหยิบเอามาขวดหนึ่ง จากนั้นก็เอาขวดเย็นๆแนบหน้าเธอ เสี่ยวเชี่ยนลืมตาตื่นทันที
จากสะลึมสะลือเป็นระแวง พอเห็นหน้าเขาก็โล่งใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาพอได้สติก็โมโหที่ถูกอวี๋หมิงหลางแกล้ง ช่วงที่อารมณ์แปรเปลี่ยนนี้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที จากนั้นขวดเครื่องสำอางของกลางก็ลอยเข้าไปที่หัวอวี๋หมิงหลาง
“ไส หัว ออก ไป”
“โหดร้าย…” อวี๋หมิงหลางรู้ว่าตัวเองผิด จึงหอบเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของเธอออกไปด้วย ผู้หญิงที่เพิ่งตื่นนอนนี่ยั่วโมโหไม่ได้เลยนะ
สุ่ยเซียนเองก็ตื่นแล้ว เธอเดินหาวเข้าห้องน้ำ ตอนที่เห็นอวี๋หมิงหลางกำลังนั่งซักผ้าให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างขยันขันแข็งเธอก็ตกใจถอยหลังไปชิดประตู
“หวัดดี” อวี๋หมิงหลางยืนขึ้นเอาน้ำล้างฟองผงซักฟอก แล้วผายมือให้สุ่ยเซียนอย่างสุภาพ
สุ่ยเซียนมองกะละมังแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คุณพระช่วย นี่มันสุดยอดพ่อบ้าน ถ้าเธอมองไม่ผิดในกะละมังมีเสื้อชั้นในของประธานเชี่ยนด้วยไม่ใช่เหรอ เขาซักให้ด้วย
“ฝีมือซักผ้าของจูขี้บ่นเป็นอันดับหนึ่งในค่ายเรา ผมก็เรียนมาจากเขา” ก่อนอวี๋หมิงหลางเดินออกไปยังไม่ลืมสะกิดแผลสุ่ยเซียน
“จะพูดถึงเขาทำไม พวกเราเลิกกันไปแล้ว” สุ่ยเซียนถูกทิ่มแทงใจอีกรอบ
“เหรอ” อวี๋หมิงหลางถามกลับ ประสบความสำเร็จในการตีคลื่นในใจสุ่ยเซียน
อวี๋หมิงหลางหันเดินออกอย่างภูมิใจ นอกจากลูกเชี่ยนที่สามารถเอาชนะเขาได้แล้ว คนอื่นไม่มีทาง~
“เสี่ยวเฉียง มานี่”
พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนเรียกเขาก็รีบไปที่ห้องนอน เสียวเหม่ยที่ยังคงนอนแช่อยู่บนเตียงหลับตาถามเขา
“อาหารเช้ามีอะไร”
“ผมซื้อซาลาเปาน้ำไข่ปูที่คุณชอบมาให้”
“ฉันไม่อยากกินซาลาเปาน้ำไข่ปู”
“งั้นผมทำโจ๊กให้เอาไหม”
“ไม่เอา ฉันอยากกินเค้กชาเขียวกับถั่วแดงต้มน้ำตาล”
“กินของหวานขนาดนี้มันจะดีเหรอ ไม่กลัวอ้วน—อย่าเขวี้ยงนะ ไปซื้อเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าคุณเขวี้ยงมาอีกก็ไม่มีหมอนนอนแล้วนะ”
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางเจรจาให้เสี่ยวเชี่ยนวางหมอนได้แล้วเขาก็วิ่งออกไปซื้ออาหารเช้าให้เธอ
“เค้กเอาของร้านรสเด็ด ถั่วแดงต้มน้ำตาลเอาของร้านโจ๊กหวาน” เสี่ยวเชี่ยนเพิ่มเติมรายละเอียด ซึ่งทั้งสองร้านอยู่กันคนละทาง เธอจะให้เขาขับรถอ้อม
ใครใช้ให้เขารบกวนการนอนของเธอ เกลียดที่สุดกำลังนอนหลับสบายแล้วถูกรบกวน มันก็ต้องเอาคืนแบบนี้นี่แหละ
สุ่ยเซียนเห็นอวี๋หมิงหลางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วประดุจสายลม เธอมองอย่างอึ้งๆ แล้วก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนลุกมาเข้าห้องน้ำพอดี เธอจึงถามขึ้น
“เธอมีเคล็ดลับอะไร เชื่องสุดๆ สอนฉันบ้างสิ”
ผ้าก็ซักให้ อาหารเช้าก็ซื้อให้ ขนาดยาสีฟันยังถูกบีบไว้บนแปรงเรียบร้อย ชีวิตเสี่ยวเชี่ยนสบายไม่ต่างอะไรกับเทพ
“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก สรุปได้สั้นๆง่ายๆว่า นานวันยิ่ง…รู้ใจ”
สุ่ยเซียนหน้าแดง ทำไมเสี่ยวเชี่ยนต้องหยุดด้วยนะ เธอคิดไปในทางอื่นแล้ว…
อวี๋หมิงหลางออกไปซื้ออาหารเช้าให้เสี่ยวเชี่ยนกลับมา เขายืนรอลิฟท์อยู่ พอประตูเปิดคนผมทองสะพายเป้ใบใหญ่ก็เดินออกมา วินาทีที่เห็นอวี๋หมิงหลางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อคืน จึ๊ๆ
อันที่จริงเธอได้ยินแค่ช่วงเริ่มแล้วก็ไม่ได้ฟังต่อ เพราะยังมีศีลธรรมประจำใจ แต่ขนาดฟังแค่นิดเดียวก็ยังได้เปิดโลกทัศน์ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ดูเคร่งขรึมคนนี้ เรื่องบนเตียงจะหวือหวาได้ขนาดนั้น ใครได้ยินก็หน้าแดง
อวี๋หมิงหลางวางมาดเย็นชาเหมือนเช่นปกติ ไม่สนใจคนผมทอง ทั้งสองคนเดินสวนกัน อวี๋หมิงหลางเข้า คนผมทองออก
พอไปถึงหน้าบ้านตัวเองเขาก็ไม่รีบร้อนเคาะประตู แต่กวาดสายตาไปมองที่บ้านตรงข้าม
เจ้าของบ้านออกไปแล้ว งั้นก็แสดงว่าเวลานี้ในบ้านไม่มีคนอยู่
อวี๋หมิงหลางเอาอาหารเช้าวางไว้ด้านข้างแล้วหยิบเส้นลวดออกมาจากกระเป๋า เดินไปที่ประตูบ้านนั้น
พอแหย่เส้นลวดเข้าไปเขาก็หน้านิ่ว
ลูกบิดนี่ไม่ธรรมดา
ถ้าเป็นลูกบิดทั่วไปเขาแหย่เส้นลวดบิดๆเล็กน้อยก็เปิดได้แล้ว แต่นี่ไม่ได้
ไส้ลูกบิดนี้ซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคแบบแผ่นเหล็กเข้าซ้อนกัน อีกทั้งน่าจะมีการดัดแปลงด้วย จากบันทึกการทดสอบของสถานีตำรวจ ให้บริษัทรับทำพวกกลอนล็อคประตูมาสะเดาะลูกบิดแบบนี้ใช้เวลาถึง 270 นาที ใช่ว่าอวี๋หมิงหลางจะเปิดไม่ได้ แต่มันต้องใช้เวลานานมาก
เขาไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาเมื่อไร เกิดมาเจอตอนเขากำลังสะเดาะกลอนแล้วจะวุ่น
แต่ลูกบิดประตูที่ถูกดัดแปลงมาพิเศษนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความอยากรู้อยากเห็นของอวี๋หมิงหลาง กลับยิ่งเป็นแรงกระตุ้นความสนใจของเขา เข้าต้องเข้าไปดูให้ได้