บรรยากาศอึมครึมมาก ทุกคนล้วนกลัวอวี๋หมิงหลางโมโห
แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับมีท่าทีเหมือนตอนปกติ เธอพูดกับอวี๋หมิงหลางอย่างไม่เกรงใจ
“ตะโกนทำไม ฉันรู้ว่าตัวเองชื่ออะไร อย่าพูดมาก ไปเอาอาหารเช้าวางให้ฉันบนโต๊ะ ยังจะมอง ถ้าไม่ไปอีกฉันจะโมโหแล้วนะ”
อวี๋หมิงหลางเม้มปากแน่น หันเดินไปทางโต๊ะด้วยความโมโห เขาเหวี่ยงอาหารเช้าลงบนโต๊ะอย่างแรงประหนึ่งต้องการล้างแค้น สีหน้าอดกลั้นประมาณว่า พูดมากไม่ได้งั้นไปลงกับของก็แล้วกัน
“ถ้าทำจะหกออกมาแม้แต่หยดเดียวนะไปนอนพื้น” เสี่ยวเชี่ยนหันไปตั้งใจเซ็นรับดอกไม้
อวี๋หมิงหลางยืนตัวแข็งทันที หลิวเหมยกับสุ่ยเซียนหันไปมองชามโจ๊กที่เอียงอยู่บนโต๊ะ…
เห็นอวี๋เสี่ยวเฉียงที่เมื่อครู่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟรีบลงมืออย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาดประคองชามโจ๊กแล้วรีบเช็ดโจ๊กที่หกอย่างไว ท่าทางของเขาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความมือไวของพี่หลาง
หลิวเหมยมองอย่างอึ้งๆ ถ้าเธอไม่ได้เห็นทั้งหมดกับตาตัวเอง เธอคงคิดว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นผู้ชายคนนี้หลังทำลายหลักฐานยังแสร้งทำหน้าเย็นชาได้
หลังจากทำลายหลักฐานแล้วอวี๋หมิงหลางก็นั่งบนโซฟาจ้องเสี่ยวเชี่ยนที่กำลังอุ้มช่อดอกไม้อยู่ เหมือนเขียนเอาไว้บนหน้าว่า ‘พี่กำลังหึงอยู่’ ไม่เพียงแต่ต้องรักษาอารมณ์หึง ยังต้องรักษาสีหน้าเคร่งขรึมและโมโหด้วย เพื่อแสดงออกว่าเขาไม่พอใจที่เสี่ยวเชี่ยนรับดอกไม้ไว้
ต้องให้เธอรับรู้ถึงท่าทีของเขาอย่างชัดเจน
แต่ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนวางช่อดอกไม้แล้วไปนั่งลงตรงโต๊ะกินข้าว พอเธอเห็นปริมาณโจ๊กลดลงแล้วทำหน้านิ่ว ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นหงอลง
“อวี๋หมิงหลาง นายไม่ได้ทำโจ๊กฉันหกใช่ไหม”
เวลาที่เธอเรียกชื่อเขาเต็มๆ ถ้าไม่อ้อนก็โมโห อวี๋หมิงหลางใช้สีหน้าที่เขาคิดว่าดูน่าเกรงขามสุดๆแล้ว พูดจาหน้าไม่อายออกมา
“หลิวเหมยแอบกินต่างหาก พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าเป็นผู้หญิงห้ามตะกละ เกิดอ้วนขึ้นมาจะทำไง อวี๋หลิวเหมย เธอทำอะไรลงไป”
“อุ๊บ” สุ่ยเซียนอดไม่ได้ที่จะขำออกมา ถึงเมื่อกี้เธอจะยืนอยู่ข้างเสี่ยวเชี่ยน แต่ก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
หลิวเหมยที่ตกเป็นแพะรับบาปชี้หน้าตัวเอง “ฉันเหรอ”
เธอแอบกินเมื่อไรกัน พี่ชายเธอยังหน้าด้านได้มากกว่านี้อีกไหม
“เธอนั่นแหละ เป็นผู้หญิงจะไม่สนเรื่องรูปร่างตัวเองไม่ได้ ดูอย่างพี่สะใภ้เธอซิ รู้จักดูแลรูปร่างผิวพรรณมาตลอด ดูไม่ออกว่าแต่งงานมีสามีแล้วนะเนี่ย แถมยังมีผู้ชายตามจีบส่งดอกไม้ให้ถึงบ้าน”
สมกับเป็นคนฉลาด โยนความผิดให้คนอื่นอย่างหน้าด้านๆ ขณะเดียวกันก็ยังวกกลับมาเรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนได้รับดอกไม้ได้
คนอื่นๆภายในบ้านต่างแสดงสีหน้าพูดไม่ออกยกเว้นเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางพูดจาโกหกได้หน้าตายมาก เหตุการณ์นี้ถ้าไม่ได้เห็นกับตาก็ยากที่จะมีคนเชื่อว่าผู้ชายท่าทางแบบนี้จะสามารถทำเรื่องอย่างนี้ได้
“อาเหม็ดเนี่ยนะถือเป็นคนตามจีบ” เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองอวี๋หมิงหลาง “ก็แค่ให้ดอกไม้ช่อเดียว นายคิดเยอะไปละ”
พูดจบก็ไม่สนสีหน้าอวี๋หมิงหลางที่หึงจะเป็นจะตาย เธอหันไปพูดกับหลิวเหมย “เหมยจื่อ ตอนเย็นแช่น้ำกลีบกุหลาบสิ จะทิ้งก็เสียดาย อาบน้ำกลีบกุหลาบถือว่าได้ใช้ประโยชน์จากของไร้ค่าด้วย ถึงจะเกลียดคนให้ก็ตาม แต่ดอกไม้มันไม่ผิดอะไร
คำว่าได้ใช้ประโยชน์จากของไร้ค่า เหมือนได้ปลอบใจเสี่ยวเฉียงจอมหึงให้ดีขึ้นทันทีราวปาฏิหาริย์
แต่ไม่นานอวี๋หมิงหลางก็หึงขึ้นมาอีกรอบ
เพราะเสี่ยวเชี่ยนเห็นการ์ดในช่อดอกไม้ เธอหยิบออกมาดู ยังไม่ทันจะได้อ่านการ์ดก็หายฟึ่บไปจากมือ ไปโผล่อยู่ในมืออวี๋หมิงหลาง
“ในการ์ดเขาเขียนไว้หรือเปล่าว่าให้ฉันช่วยล้างสมองสุ่ยเซียน ว่าแล้วเชียว ตานี่จงใจเขียนชื่อฉันเพราะกลัวสุ่ยเซียนไม่รับ” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างมั่นใจ
อวี๋หมิงหลางมองเธออย่างเคืองๆ ข้อความที่อยู่บนการ์ดนั้นเขาไม่อยากพูดออกมา
อาเหม็ดเขียนอักษรจีนไม่เป็น เขาใช้ภาษาแม่เขียน สุ่ยเซียนเดินเข้าไปอ่านอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็มองอวี๋หมิงหลาง “นายไม่เข้าใจเหรอ เดี๋ยวฉันแปลให้ฟัง”
“คุณเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดบนโลก เป็นนางฟ้าลงมาจุติหรืออย่างไร ผมเคยเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ลังเลอยู่นาน แต่เรื่องของความรัก ไม่อาจฝังไว้ในใจได้อีก หากตัดสัมพันธ์ของเราสอง สวรรค์อาจพิโรธ”
พูดจบยังมีพูดเสริม “นี่เป็นกลอนจีบอันโด่งดังของตะวันออกกลาง ฮ่าๆ อาเหม็ดชอบเสี่ยวเชี่ยนเข้าแล้ว”
เวลานี้สุ่ยเซียนเหมือนยกภูเขาออกจากอก ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้นในที่สุดก็เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ไม่มายุ่งกับเธออีก~
ถึงเรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนถูกชอบเป็นเรื่องที่น่าสงสาร แต่สุ่ยเซียนมั่นใจในมันสมองของประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนไม่มีทางปล่อยให้ตานั่นได้ใจแน่
แต่ประเด็นคือ ประธานเชี่ยนต้องผ่านด่านจอมหึงแห่งเอเชียไปก่อน สีหน้าของอวี๋หมิงหลางในเวลานี้มันช่าง…จึ๊ๆๆ
เสี่ยวเชี่ยนพอฟังสุ่ยเซียนแปลจบสิ่งที่ทำก็คือ—
“เธอจะแปลทำไม เขาเข้าใจ”
คนอื่นๆพากันเงียบ ท่าทางของประธานเชี่ยนในตอนนี้ผู้ชายเห็นแล้วต้องเงียบ ผู้หญิงเห็นแล้วต้องร้องไห้ ถูกคนสารภาพรักต่อหน้าสามีตัวเอง อย่างน้อยๆก็ควรจะแสดงอาการแบบคนปกติหน่อยไหมล่ะ
คล้ายกับรู้สึกได้ว่าบรรยากาศยังอึมครึมไม่พอ ประธานเชี่ยนจึงพูดเสริม
“เสี่ยวเฉียงของฉันเป็นคนคุณภาพของค่ายทหาร มารยาทดีการศึกษาสูง มีความสามารถสูงขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่ากองทัพของประเทศเราได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้ว กองทัพให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะคนมีการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ
…ท่ามกลางสถานการณ์การหึงแบบนี้อยู่ๆก็มีการแสดงทัศนคติเข้าแทรก แบบนี้จอมหึงจะยิ่งรู้สึกอย่างไร คนอื่นๆพากันรู้สึกแบบเดียวกันในใจโดยไม่ได้นัดกันมาก่อน
เสี่ยวเชี่ยนยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนนักข่าวต่อไป
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วฉันคงปิดบังการศึกษาที่แท้จริงของเสี่ยวเฉียงไม่ได้แล้ว เขาเป็นผู้บัญชาการการศึกษาสูงจบปริญญาโทสองใบ ถ้าอย่างนั้นเรามาสัมภาษณ์ผู้บัญชาการที่แสนเก่งคนนี้กันนะคะ ไม่ทราบว่าเงินเดือนของคุณสูงกว่าทหารยศเดียวกันหรือเปล่าคะ”
“บัตรกดเงินเดือนของผมก็อยู่ที่คุณมาหลายปีแล้วไงครับ ได้เท่าไรคุณไม่รู้เหรอ”
คนอื่นๆทำสีหน้าเข้าใจ อ่อ ที่แท้ช่วงหลายปีมานี้อวี๋หมิงหลางก็ได้มอบเงินเดือนให้เสี่ยวเชี่ยนดูแลตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน
ไม่ถูกสิ นี่เขาถูกยัยตัวแสบพาเขวอีกแล้ว อวี๋หมิงหลางล้มตัวไปด้านข้าง เขานึกออกแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องนี้ ดอกไม้ การ์ด กลอนจีบ
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณอย่ามาทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้มันใช่เวลามาพูดเรื่องประวัติการศึกษาเหรอ”
อย่าคิดว่าชมเขาแล้วเขาจะหลงกล แล้วเขาจะเลิกหึง
ถ้าไม่หึงแล้วจะสร้างครอบครัวได้หรือ ครอบครัวไม่สงบแล้วบ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร เรื่องดอกไม้เป็นเรื่องเล็ก แต่มันเกี่ยวพันถึงความหวังของประเทศ อนาคตของประชาชาติ
“อวี๋หมิงหลาง อย่ามาทำเป็นเสียงดัง สามีฉันเรียนสูงฉันชมหน่อยจะเป็นไรไป ในฐานะที่ฉันเป็นครอบครัวทหาร ฉันภูมิใจในวุฒิการศึกษาของสามีฉันมีปัญหาเหรอ”
ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ว่ามันแปลกๆตรงไหนชอบกล
ประธานเชี่ยนเริ่มเปิดโหมดพูดโกหกได้หน้าตาเฉย “สามีฉันการศึกษาสูงขนาดนี้ มารยาทดีขนาดนี้ แถมยังเป็นบุคคลสำคัญของค่ายทหาร ทำไมถึงได้หึงกับอีแค่ดอกไม้ช่อเดียว”